คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ในอดีตเราก็เคยทำแบบเวียดนามมาก่อน แต่พอทำไปทำมาไม่รู้ยังไง ภาคการท่องเที่ยวไทยถึงบูมได้ขนาดนี้ เราเองก็ไม่ได้เปิดหน้าเดียวขนาดนั้น แต่เผอิญหน้าการท่องเที่ยวมันบูมจริงๆ แล้วคุณคิดดู นักท่องเที่ยวเยอะ โรงแรมเต็ม คุณมีเงินเหลือคุณจะไม่เอาลงทุนสร้างโรงแรมเหรอ พอลงทุนไปเท่าไหร่มันก็ยังไม่พอ มันเลยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสัดส่วนของ GDP ที่มากขึ้น ผมว่ามันไม่แปลกนะ เพราะหลายๆประเทศหลังๆมาก็หวังเพิ่งเงินจากการท่องเที่ยวเหมือนกัน อย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี แต่จะมีที่ไหนที่เท่าได้เท่าบ้านเราหละ หลายๆอย่างมันเอื้อให้ภาคการท่องเที่ยวของเราจริงๆ ในแบบที่ชาติอื่นๆอยากได้แต่ไม่มี
ผมเขียนแบบง่ายๆนะ
ผมเขียนแบบง่ายๆนะ
สมาชิกหมายเลข 2218695 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6203645 ถูกใจ, หินแขวน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5918789 ถูกใจ, star_seeker ถูกใจ, M๐๐Heaven ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2616718 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5966153 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
สาเหตุที่ประเทศไทย มีภาคการท่องเที่ยวเป็นภาคหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ(มากเกินไป)
ทั้งๆที่ดูจากสภาพภูมิศาสตร์ ของประเทศ จำนวนประชากร น่าจะสามารถส่งเสริมภาคอื่นๆ ได้มากกว่านี้ เช่น อุตสาหกรรมหนัก แต่คนไทยก็เกลียดอุตสาหกรรม จะไปตั้งนิคมที่ไหนก็โดนล้มหมด เพราะ กลัวมลพิษและวิถีชีวิตเดิมๆถูกทำลาย เลยมาเอาดีด้านบริการแทน ซึ่ง พึ่งพาต่างชาติมากเกินไป
ประเทศไทย ไม่ใช่อย่าง มัลดีฟส์ หรือพวกประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ที่แทบไม่มีทรัพยากรหรือแรงงานอะไร เลยต้องพึ่งพาภาคท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่วันนี้เรา มีรายได้จาก การท่องเที่ยว ปาเข้าไป 20 % ของ GDP ซึ่งถือว่า เปราะบางมากๆ เหมือนเอาไข่ไปใส่ในตระก้าเดียว
เทียบกับเวียดนาม ที่ไม่ได้แคร์การท่องเที่ยว มากนัก เพราะมองว่าเป็นภาคเศรษฐกิจของประเทศที่ไม่เอาอ่าว หวังแต่เงินเร็ว เศรษฐกิจเลยไม่ร่วงแบบไทย แม้ว่าจะฉีดวัคซีนได้น้อยยิ่งกว่าไทยอีก
ยอดฉีดวัคซีนรายประเทศ https://ourworldindata.org/covid-vaccinations?country=OWID_WRL
เคยมีต่างชาติในเว็บ 4chan เปรียบเทียบ คนไทยกับเวียดนามไว้ว่า
1.คนไทย มีคติแบบพุทธไหว้ผี ขี้เกียจสันหลังยาว ชอบทำงานตามคำสั่ง และ รักสบายเกินกว่าที่จะพยายามทำอะไรสร้างมูลค่า เพื่อความมั่นคงในระยะยาว เช่นการลงทุนในการศึกษา หรือ นวัตกรรม แม้แต่รัฐบาลไม่ว่าจะกี่รัฐบาลก็ยังคิดว่า การท่องเที่ยวนี่แหละคือ ที่สุดแล้ว ไม่ต้องไปดันทุรังกระจายความเสี่ยงในภาคอื่นๆให้ยุ่งยาก
อันนี้ไม่ได้ตั้งใจเหยียด แต่ บางท่าน ถึงกับบอกว่า คนไทยในบางภูมิภาคของประเทศ เลือกที่จะให้ลูกตัวเอง ออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ม.3 เพราะ เรียนไปก็มีแต่สิ้นเปลือง แล้วให้ไปขายตัวในกรุงเทพและพัทยา หรือต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เงินจำนวนมากๆ ในเวลาอันสั้น ไปปลูกบ้านหลังใหญ่ๆ และ ซื้อ รถกระบะ คือ คนไทยเลือกที่ทำงานเสียศักดิ์ศรี หรือ งานอย่างว่า มากกว่าที่จะยอมเรียนหนังสือ ขวนขวายหนักๆ เพื่ออนาคตที่ดี
2. คนเวียดนาม มีคติแบบขงจื๊อ ซึ่งให้ความสำคัญกับการศึกษามากกว่าสิ่งอื่นใด (เช่นเดียวกันกับ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ) แม้ว่าจะจนกว่าคนไทยพอสมควร แต่คนเวียดนามก็ไม่เคยที่จะให้ลูกตัวเองออกจากโรงเรียนเพื่อไปใช้แรงงาน หาเงิน และ ทำงานอย่างว่า และ คนเวียดนามมีความคิดที่อยากจะชนะตลอดเวลา ซึ่งค่านิยม เหล่านี้ เป็นผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะยาว ไม่ใช่หวัง เต้นกินรำกินไปจนตาย แบบคนไทย
ลิงค์อ้างอิง
https://www.posttoday.com/world/656776?fbclid=IwAR0zSxRciHiEFzLEm9HB0LovMRQUD4C3VMZGRsHyoXXCojte4hFwis11oKk