เมื่อโฮสเทลไร้นักท่องเที่ยว เอาลมหายใจสุดท้าย ไปออกแบบคาเฟ่ร้านสะดวกซักกันเถอะ!!

เมื่อโฮสเทลไร้นักท่องเที่ยว เอาลมหายใจสุดท้าย ไปออกแบบคาเฟ่ร้านสะดวกซักกันเถอะ!!
 
ก่อนที่จะอ่านบทความนี้สามารถอ่านบทความปฐมบทได้ที่  https://ppantip.com/topic/38655036  “การลาออกครั้งสุดท้ายของผม.. แล้วมาทำ Hostel ของตัวเอง”

เปิดโฮสเทลจนบูมสุดขีด + ต้อนรับการมาของ COVID-19 หลังจากนั้น เพียงแค่ 3 อาทิตย์ แขกนักท่องเที่ยวหายเกลี้ยง!!
ผมเปิดโฮสเทลมาเกือบ 2 ปี ประสบความสำเร็จสุดขีดทั้งแง่ของรายได้และความสุข ผมสนุกมากในการตื่นมาในแต่ละวันเพื่อมาต้อนรับแขกที่โฮสเทล แทบไม่แน่ใจว่านี้มันคืองานหรือเปล่า เพราะเราเพลิดเพลินในแต่ละวันจนลืมวันเวลาไป ไม่เพียงแต่ผมที่สนุกไปกับงานแต่ยังรวมไปถึงครอบครัวของผมด้วย แฟนผมจากเป็นคนที่พูดน้อย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก และไม่ค่อยมั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น รับฟัง เรียนรู้ และเคารพซึ่งกันและกันจากผู้คนที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง ส่วนลูกๆของเรานั้น เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของชาวแบ็คแพ็คเกอร์เลยก็ว่าได้ แขกที่มาพักที่โฮสเทลของเราเวลาที่รีวิวมักจะกล่าวถึงเด็กๆเสมอ 

และแล้วการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสก็เดินทางมาถึงประเทศไทย โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 อาทิตย์ แขกนักท่องเที่ยวที่โฮสเทลของผมก็หายเกลี้ยง!!

เชียงใหม่กลายเป็นเมืองร้าง + โฮสเทลต่างๆประกาศ เซ้ง ขาย เช่า + งงงวย ตั้งสติ ปรับตัว ปรับเปลี่ยน ดัดแปลง
หลังจากนั้นไม่นานเชียงใหม่กลายเป็นเมืองร้าง ประตูท่าแพเหลือแต่นกพิราบ ผมและครอบครัวรีบตั้งสติ ช่วยกันคิดโดยเริ่มจากการปรับโฮสเทลให้กลายเป็นที่พักแบบรายเดือน ส่วนชั้น 1 ดัดแปลงเป็นคาเฟ่และร้านอาหารพร้อมเดลิเวอร์รี่ ให้แฟนดูแลทั้งหมด ส่วนตัวผมเองก็กลับมาทำงานประจำ 

เดิมพันด้วยเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต +  ไปออกแบบคาเฟ่ร้านสะดวกซักกันเถิด
ผมมองว่าปัญหามันก็คือโอกาส มันบังคับให้เราต้องใช้สมองให้เต็มประสิทธิภาพที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหานั้น จนเราเกิดปัญญาในที่สุด โลกเราจึงกำเนิดสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเสมอ เพราะมนุษย์ชอบแก้ปัญหา ผมจึงใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตที่เก็บสะสมมาจากกำไรตอนที่ทำโฮสเทล มาออกแบบและลงทุนกับคาเฟ่ร้านสะดวกซักเจ้าแรกในย่านสันติธรรม เชียงใหม่

โควิด19 + กลุ่มเป้าหมายคนไทย + สะอาด + สะดวก + ปลอดเชื้อ + ความร้อนสูง = คาเฟ่ร้านสะดวกซัก
ผมก็ออกแบบเองทั้งหมดเหมือนเดิมเพราะมันสนุก แนวความคิดคือ ต้องเป็นร้านสะดวกซักที่มีชีวิต ไม่ใช่แฟชน์ไชน์ มีความเป็นมิกซ์ยูส เป็นทั้งร้านสะดวกซักบริการตัวเอง ร้านบริการ ซัก อบ รีด พร้อมส่งรับ-ฟรี และคาเฟ่ ต้องเป็นเครื่องซักผ้าในระดับเชิงพานิชย์ระดับมาตราฐาน และงานออกแบบภายในที่เป็นเอกลักษณ์  


สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโควิด19
สรุปแล้วผมมองว่า เราจะต้องกระจายความเสี่ยงโดยการทำธุรกิจให้หลากหลายประเภท หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย แต่ก็ยังคงต้องเป็นธุรกิจที่ตัวเองชื่นชอบทั้งสิ้น เราทำแบบนี้เพื่อที่ว่าอันหนึ่งล้ม เราก็ยังมีอีกอันคอยพยุงอยู่ ทุกวันนี้ผมยังคงเปิดทั้งโฮสเทล คาเฟ่ร้านสะดวกซัก และทำงานประจำไปด้วย โดยรักษาสมดุลทั้ง 3 อย่างไปพร้อมๆกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะฝากก็คือ ในสถาณการณ์แบบนี้เราจะต้องละทิ้งอีโก้ทั้งหมดในตัวเองให้หมด มันถึงจะรอด ในช่วงที่ผมรองานประจำบางครั้งผมต้องขี่ Grab ส่งอาหาร ก็ต้องทำเพราะผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ พอได้งานประจำ เจ้านายอายุน้อยกว่าผมมากกว่า 10 ปี ผมก็ยกมือไหว้ทุกวันพร้อมรอยยิ้ม เพราะแกน่ารักและผมก็รักงานที่ผมทำ เงินเดือนก็น้อยกว่าเดิมตั้ง 3-4 เท่า ผมก็ทำ เพราะผมรักงานที่ผมทำอีกนั่นแหละ 
ดังนั้นผมคิดว่าหากเรามีระดับความเป็นตัวกู ของกูต่ำ (ไม่มีอีโก้) ไร้ซึ่งการยึดติด เป็นเหมือนน้ำที่มันจะแปลงเปลี่ยนรูปร่างของตัวไปตามสิ่งแวดล้อม เราก็จะรอดจากทุกสถาณการณ์บนโลกใบนี้ได้…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่