มิตรรัก นักแฟนตาซียูโร : รอบน็อคเอาท์ อะไรต้องประเมิน? จัดตัวแบบไหน? เรามาดูกัน

ผ่านพ้นรอบแรกของยูโร 2020 หรือผ่าน 3 Matchday ไปเป็นที่เรียบร้อย ใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการเล่น ก็น่าจะคุ้นชินมากขึ้น ส่วนค่าประสบการณ์จะแพง หรือจะถูก อันนี้กุนซือแต่ละท่านคงจะทราบด้วยตัวเองดี

พูดในแง่การแข่งขันจริง ทีมใหญ่ไม่มีร่วงตกรอบกันไปเลย แค่อาจจะมีจบได้ไม่ตามอันดับที่ควรเป็นบ้าง เมื่อยังอยู่กันครบ ความเข้มข้นของรอบน็อคเอาท์ยิ่งทวีคูณ การจัดทีมแฟนตาซียูโร ก็ต้องประเมินตรงนี้ให้แม่นยำด้วย ว่าใครจะรุ่ง ใครจะร่วง

มีหลายทีมใหญ่อย่างเยอรมัน ที่อาจจะต้องลุ้นหน่อย แต่สุดท้ายก็ผ่านเข้ารอบมาได้

ใน EP นี้ นอกจากการสรุปผลต่างๆ แล้ว ยังจะมีการแชร์ไอเดียการจัดทีมเช่นเคย ซึ่งจะพูดในแง่ที่มีตัวช่วย และไม่มีตัวช่วย เพราะเชื่อว่าแต่ละท่านเจอสถานการณ์แตกต่างกันไป

สรุปผลประกอบการ

การใช้ Limitless ใน MD3 ไม่ถึงกับหรูหราเท่าไหร่ ได้มา 59 คะแนน

คะแนน Matchday 3 : 59 คะแนน
คะแนนรวม : 182 คะแนน

อันดับโลก : 101,175 (ตกมาจาก 73,864)
อันดับไทย : 371 (ตกมาจาก 269)
อันดับ The.Macho EURO League : 140 (ตกมาจาก 93)

หลังจมดิ่งคะแนนแย่ใน Matchday 2 ผมก็ใช้ Limitless ตามแผนใน MD3 ซึ่งได้คะแนนกลับมา 59 คะแนน ที่ว่ากันตามตรงยังคงน้อยเกินไป และทำให้อันดับทั้งหลายแหล่หล่นลงมาอีกจำนวนนึง

นักเตะ “อินทรีเหล็ก” ไม่เข้าเป้าเท่าไหร่ อย่างโกเซ่น ที่ฟอร์มโหดใน MD2

จุดไม่เข้าเป้าคงมาจากเยอรมันน่ะแหละ นอกจากกัปตันที่ไว้ใจนาบรี้ไม่เข้าเป้า (แคนดิเดตสุดท้ายมีเอ็มปับเป้ และฮาแวร์ตซ์ อยู่ในข่าย) ตัวอย่างโกเซ่น, เคน, ยาร์โมเลนโก้ ก็ไม่เข้าเป้า เมื่อเทียบกับแคนดิเดตอื่นที่ลังเลก่อนตัดสินใจอย่าง ดัมส์การ์ด, เปริซิซ รวมถึงพี่โด้ที่ไม่ได้เลือกซะที

แนวรับยังเป็นหน้าเป็นตาที่ผมเลือกไม่ค่อยพลาด (แต่แนวรุกนี่แบบ… ฮ่า) แต่จุดต่างจะไม่ค่อยเยอะหากเทียบกับกุนซือท่านอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากอันดับอยู่แล้ว ว่าภาพรวมตกลงไปอีก

แนวคิดสำหรับ Matchday 4

ก่อนจะไปแนะนำนักเตะทีเด็ดตามสภาพแวดล้อมของตัวช่วยที่เหลือ ขอพูดประเด็นที่น่าเก็บมาคิด สำหรับรอบน็อคเอาท์ก่อนเล็กน้อย

Unlimited Transfer อาจลวงตา

ก่อนจะเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ หรือ Matchday 4 การให้ Unlimited Transfer มา ทำให้เราสามารถจัดแจงนักเตะได้ยกชุดใหม่ฟรีๆ ซึ่งเป็นสิ่งดีสำหรับการปรับทีมให้พร้อมรบตามโปรแกรมรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ก็จะมีข้อควรระวังแฝงอยู่

โปรแกรมรอบน็อคเอาท์ถูกวางไว้เรียบร้อยจนถึงนัดชิง ต้องมองข้ามช็อตด้วย

อย่างแรกคือหลังจบ MD4 เราจะมีสิทธิ์เปลี่ยนตัวฟรีแค่เพียง 3 ตัวเท่านั้น ยิ่งถ้าใครไม่เหลือตัวช่วยแล้ว แสดงว่าถ้ามีนักเตะในทีมเราตกรอบมากกว่า 3 ตัว สิทธิ์ FT จะไม่ครอบคลุมให้เรามี 15 ตัวใน MD5 ได้ และมันจะส่งผลกระทบต่อๆ ไปอีก เมื่อเข้าสู่รอบรองฯ (MD6) และรอบชิง (MD7)

ดังนั้นถึงจะมีการเปลี่ยนตัวไม่จำกัดอยู่ตรงหน้า แต่เราต้องคิดเผื่ออนาคตข้างหน้าด้วย อย่าให้โดนภาพลวงตาหลอกหลอนในระยะยาว

กฎที่เปลี่ยนไปในรอบน็อคเอาท์

ความจริงรายละเอียดเต็มๆ ย้อนไปอ่านบทความเกี่ยวกับกฎ-กติกาได้ แต่อยากมาย้ำตรงนี้ด้วยในจุดสำคัญ โดยอย่างแรกคือ การคิดคะแนนแฟนตาซียูโรนั้นจะคิดคะแนนถึง 120 นาที แต่จะไม่รวมช่วงยิงจุดโทษตัดสินเข้ามาด้วย

แต่กฎเกณฑ์เรื่องของการคิดคลีนชีตจะยังคงยึดตามเดิม นั่นคือต้องลงอย่างน้อย 60 นาที และไม่เสียประตูในช่วงที่ตัวเองลงเล่น (ยกเว้นโดนใบแดง) หากครบ 2 ข้อ นักเตะคนนั้นก็จะได้คลีนชีตไป การเพิ่มกรอบเวลาคิดคะแนนเป็น 120 นาที ก็อาจจะเกี่ยวพันตรงนี้

เข้ารอบน็อคเอาท์ เราจะเลือกตัวชาติเดียวกันได้มากขึ้น เช่น MD4 เลือกได้สูงสุด 4 ตัว

อีกข้อสำคัญ คือ MD4 จะเพิ่มจำนวนนักเตะแต่ละชาติขึ้นมาเป็น 4 ตัว ก่อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 5-6-8 ตัว ใน MD5-6-7 ตามลำดับ ข้อดีคือเรามีโอกาสเลือกตัวซ้ำทีมได้มากขึ้น แต่ข้อเสียเล็กๆ คือยิ่งเราเลือกเยอะ แล้วทีมนั้นตกรอบไป เท่ากับตัวหายไปทั้งกระบิ ต้องระวัง

แนะนำทีเด็ด : มี Wildcard

ถึงหลายคนยังเหลือตัวช่วย Limitless อยู่ (บางคนเหลือครบ 2 ตัวช่วยเลย) แต่คิดว่าน่าจะมีส่วนน้อยกว่าคนที่เหลือ Wildcard ดังนั้นขอมุ่งประเด็นไปที่คนยังมี Wildcard ในมือเป็นสำคัญ

ข้อดีของการเหลือ Wildcard ไว้ ทำให้เราสามารถปรับทีมใหม่อีกหนใน Matchday 5, 6 หรือ 7 ส่งผลให้การจัดตัวสำหรับ MD4 สะดวกขึ้น ไม่ต้องคิดกังวลไปถึงอนาคตมาก โดยเฉพาะคนที่กะใช้ WC ใน MD5

นอกจากนั้นยังอาจจะวางแผนใช้ตัวช่วยล่วงหน้า เช่น การเลือกตัว MD4 เผื่อ MD5 ถ้าทีมที่กะเก็งไม่ตกรอบมากจนเกินไป ก็ค่อยเก็บ WC ไว้ใช้ MD6 เอาก็ได้ ดังนั้นการแนะนำทีเด็ดในหัวข้อนี้ ผมจะเน้นไปที่ตัวน่าใช้เฉพาะ MD4 ก่อน

ผู้รักษาประตู
โรบิน โอลเซ่น (สวีเดน / 5.1 ล้านยูโร)


ถึงจะเสีย 2 ประตูในรอบแรกนัดสุดท้าย แต่โดยภาพรวมสวีเดนเหนียวแน่นดีโดยตลอด ฟอร์มของโอลเซ่นเองก็ขึ้นหิ้งดีทีเดียว เวลาลงเล่นให้ทีมชาติในทัวร์นาเมนท์ใหญ่ ยิ่งถ้ายูเครนไม่ยกระดับฟอร์มจาก Matchday 3 ที่เล่นไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สวีเดนยิ่งดูมีภาษีดีกว่า

สำหรับโอลเซ่น อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ในการเลือกระยะยาว เพราะรอบ 8 ทีม มีอังกฤษ หรือเยอรมันรออยู่ แต่ก็มีข้อดีตรงราคาที่ไม่แพงจนเกินไป อาจจะเลือกเป็นผู้รักษาประตูตัวที่ 2 ได้

กองหลัง
ลีโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า (อิตาลี / 5.6 ล้านยูโร)


แบ็คซ้ายจอมบุกได้พักมาเต็มๆ ใน MD3 และพร้อมเต็มที่กับการลงเล่นรอบน็อคเอาท์ โดยอิตาลีจะเจอกับออสเตรีย ซึ่งพวกเขาเป็นต่อค่อนข้างมาก เกมรับที่ไม่เสียประตูมายาวนาน บวกเกมรุกที่ดุดัน และเพรสซิ่งได้เข้มข้น ยิ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบ หากรักษาฟอร์มแบบเดิมไว้ได้

ความจริงโดยคุณภาพแล้ว สปินัซโซล่าน่าจะถือในระยะยาวได้ เพราะมีลุ้น attacking return ตลอด เจอเบลเยียมหรือโปรตุเกสก็บ่ยั่น เพียงแต่สายบนมันค่อนข้างเข้มกว่าสายล่างเยอะ ดังนั้นหากมองยาวๆ อาจจะน่าแนะนำตัวอื่นมากกว่า

กองกลาง
มิคเคล ดัมส์การ์ด (เดนมาร์ก / 5.9 ล้านยูโร)


มิดฟิลด์ตัวรุกดาวรุ่ง ฟอร์มเด่นมากๆ นับตั้งแต่ได้โอกาสใน MD2 และ 3 นอกจากจะลุยมันไม่มีกลัวใครหน้าไหน เขายังเป็นตัวสอดเข้าเขตโทษที่มีจังหวะจะโคนดี ซึ่งทำให้เจ้าตัวมีประตูมาฝากแล้วในเกมถล่มรัสเซีย 4-1

เคสของดัมส์การ์ดคล้ายโอลเซ่น คือการเจอกับเวลส์ ขุนพล “โคนม” น่าจะทำเกมรุกใส่ได้ดี แต่การเจอทีมใหญ่ในรอบต่อๆ ไป อาจจะหนักหนาไปซักหน่อย หากพวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายครองบอลใส่

กองกลาง
พาโบล ซาราเบีย (สเปน / 6.5 ล้านยูโร)


แนวรุกจากเปแอสเช ได้ลงตัวจริงนัดแรกใน MD3 หลังเกมรุกของสเปนฝืดเคืองจนต้องปรับทัพกันพอสมควร และเขาก็ตอบแทนความไว้ใจได้เยี่ยม ด้วย 1 ประตู 2 แอสซิสต์ จนคาดว่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงไว้ต่อไปในรอบน็อคเอาท์

ด้วยฟอร์มทีม “กระทิงดุ” อาจจะยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ แต่การเจอโครเอเชียที่แนวรับไม่เด่น และโฉ่งฉ่าง ซาราเบียน่าจะจู่โจมได้ดี ยิ่งถูกจัดเป็นกองกลางในราคาที่ไม่แพง ยิ่งน่าเอาติดทีมไว้ลุ้นในระยะสั้นๆ

(ขอต่อส่วนที่เหลือในคอมเมนท์ เพื่อไม่ให้ขาดช่วงครับผม)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่