อินเทรนด์! เอฟซี จัดเซอร์ไพรส์เบิร์ธเดย์ ‘ปู ยิ่งลักษณ์’ บนตุ๊กตุ๊ก ส่งคำอวยพรรอบกรุง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2786648
อินเทรนด์! เอฟซี จัดโปรเจ็กต์เบิร์ธเดย์ ‘ปู ยิ่งลักษณ์’ บนตุ๊กตุ๊ก อวยพรรอบกรุง
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันเกิดของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มแฟนคลับ ในนาม แฟนเพจ
Yingluck Shinawatra Forever ได้จัดทำโปรเจ็กต์วันเกิด ให้กับ อดีตนายกฯปู เข้ากับเทรนด์โปรเจ็กต์วันเกิดไอดอลวงต่างๆ โดยนำป้ายวันเกิด ขึ้นโฆษณาหลังรถตุ๊กตุ๊ก จอดโชว์หน้าหัวลำโพง โดยมีข้อความว่า
“อยู่ไกลแต่ใจคิดถึง”
วันเกิดปีนี้แม้พวกเราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน ระยะทางก็ไม่อาจกั้นความรักและความคิดถึงได้ จึงขอส่งความคิดถึงและความปรารถนาดีมายังท่านในวันเกิด อยากบอกว่าพวกเราเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างท่านเสมอนะคะ ยังรอวันนั้นอย่างมีความหวังค่ะ
ปีนี้พวกเราขอเซอร์ไพรส์วันเกิดท่านนายกยิ่งลักษณ์ กับรถตุ๊กๆ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง พร้อมติดป้ายอวยพรวันเกิดสุดพิเศษ จึงนำภาพบรรยากาศมาฝากนายกยิ่งลักษณ์ผ่านเพจนี้ค่ะ แม้เราจะอยู่ไกลกันแต่ใจก็ยังคิดถึงเสมอนะคะ
สุขสันต์วันเกิดค่ะนายกในดวงใจ”
https://www.facebook.com/yingluckforever/posts/201545591844553
เผยข้อสงสัยทำไมซิโนแวค อาจไม่เป็นวัคซีนที่ดีอย่างที่คิด
https://www.dailynews.co.th/regional/851252
เพจหมอเผยข้อมูลปัญหา "ซิโนแวค" ชี้วัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ลั่น ศบค. ควรเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค
กลายเป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับวัคซีน 'Sinovac' ขึ้นมามากเรื่อยๆ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่าวัคซีนชนิดนี้มันจะมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ โดยเฉพาะวัคซีนเชื้อตายที่ฉีดแล้วสามารถป้องกันโควิดได้มีประสิทธิภาพจริงหรือ รวมทั้งเหตุใดรัฐบาลจึงสั่งเพิ่มแต่ซิโนแวคแต่มีคุณภาพและราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.เพจ
Gossipสาสุข ได้โพสต์ข้อความโดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของซิโนแวค ว่า
ปัญหาของ “ซิโนแวค” เริ่มชัดขึ้นทั่วโลก
เมื่อวัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ประเภทเชื้อตายของบริษัท “ซิโนแวค” ซึ่งถือเป็นวัคซีนหลักของไทยขณะนี้ อย่างน้อยก็ 2 เรื่อง.. หนึ่ง คือข่าวในอินโดนีเซีย ประเทศที่ใช้ซิโนแวคเป็นประเทศหลัก พบหมอ – บุคลาการทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และในจำนวนนี้ เกิน 10 คน มีอาการหนัก ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แม้จะยังไม่ชัดว่าด้วยสาเหตุใด แต่ก็อนุมานได้ว่าเป็นเพราะสายพันธุ์เดลต้า ที่พบครั้งแรกในอินเดีย และซิโนแวค ป้องกันได้ไม่ดีมากนัก ทำให้เชื้อไวรัส ทะลุภูมิที่วัคซีนให้ไว้ได้
อีกเรื่องหนึ่งเกิดที่ฮ่องกง ในเวลาไล่เลี่ยกัน การศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคในฮ่องกงนั้นไม่ได้ดีนัก เมื่อเทียบกับวัคซีนหลักอีกตัวของฮ่องกงอย่าง ไฟเซอร์ พร้อมกับมีคำแนะนำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค เร่งฉีดเข็มที่ 3 เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศว่าจะสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 28 ล้านโดส ตามแผนวัคซีน 150 ล้านโดส ในปี 2565 เพิ่มเติมจากตอนนี้ที่ทั้งฉีดไปแล้ว และจองไปแล้ว 19.5 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ไทยมีซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักรวม 47.5 ล้านโดส เป็นรองเพียงแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมี 61 ล้านโดสในขณะนี้เท่านั้น เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการสาธารณสุขไทย ว่าในเมื่อประสิทธิภาพไม่ได้ดีเทียบเท่ากับตัวอื่น และทั่วโลก มีวัคซีนยี่ห้ออื่นไม่ต่ำกว่าสิบยี่ห้อ เพราะเหตุใดจึงยังยึดติดเฉพาะซิโนแวค
อันที่จริง Gossipสาสุข เคยเอ่ยถึงไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ว่า บุคลากรสาธารณสุขในไทยจำนวนมากนั้น “ไม่ไว้ใจ” ซิโนแวคเอาเสียเลย ตั้งแต่ช่วงแรกๆ คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีการระบาดระลอก 3 เพราะอย่างที่รู้กันก็คือผลทดสอบโดยสถาบัน Butantan ที่บราซิลนั้น พบว่าซิโนแวค มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 50% และทั่วโลก ก็แทบไม่มีใครใช้วัคซีนยี่ห้อนี้ ต้องไม่ลืมว่าในเวลานั้น แทบจะอ้างอิงผลการทดลองที่ “เป็นบวก” จากประเทศเดียว คือจากจีน ที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าฉีดไปแล้วหลายสิบล้านโดส และก็หยุดยั้งการระบาดของโรคได้ดี
กระนั้นเอง ก็ยังไม่มีผลการทดลองในผู้สูงอายุ ทำให้ซิโนแวคในช่วงแรก ใช้เฉพาะในวัยทำงาน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับวัคซีนตัวนี้ หันไปรับแอสตร้าเซเนก้าแทน และกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับก็หนีไม่พ้นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องฉีดไว้ก่อน เพราะถือเป็น “กลุ่มเสี่ยง” มากที่สุด เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร – ตำรวจ แต่ในเวลานั้น ต้องไม่ลืมว่ามีหลายคนเซ็นเอกสารว่าไม่ขอรับวัคซีนตัวนี้ เพราะเกิดผลข้างเคียงในหลายคน และมีข่าวไม่ค่อยดีว่าเกิดอาการ “อัมพฤกษ์ชั่วคราว” ซึ่งแม้ทีมแพทย์จะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อใจได้มากนัก
ตลอดเดือน เม.ย. - พ.ค. ไทยแทบจะใช้ซิโนแวคเป็นวัคซีนหลัก นอกจากบุคลากรทางการแพทย์แล้ว อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการระดมฉีดซิโนแวคก่อนพื้นที่ใดในประเทศ ก็คือภูเก็ต ซึ่งตั้งใจจะเปิดโครงการ ภูเก็ต Sandbox ในวันที่ 1 ก.ค. ตั้งแต่เดือนเม.ย. ภูเก็ตฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วกว่า 3.5 แสนคน เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งหากจะเข้าไทย ต้องเข้าภูเก็ตก่อนเป็นหลัก ก่อนจะเดินทางไปยังจังหวัดอื่นได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับคนภูเก็ต ก็เพื่อให้คนภูเก็ตมีภูมิพอที่จะรองรับกับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาจากทั่วโลกได้
ปัญหาก็คือ เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้วว่าภูมิคุ้มกันจากซิโนแวคไม่ได้ดีอย่างที่คิด ประกอบกับสถานการณ์การระบาดในไทย มีแนวโน้มที่จะมีสายพันธุ์ “เดลต้า” มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตามแนวโน้มเดียวกับทั่วโลก เพราะเดลต้านั้น นอกจากจะทะลุทะลวงซิโนแวคแล้ว ยังสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
นั่นทำให้กลุ่มหลักที่ฉีดซิโนแวคไปแล้วขณะนี้ คือแพทย์ - บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนที่ฉีดวัคซีนตัวนี้ไปแล้วหลายล้านคน รวมถึงรัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนตัวนี้บางคน อาทิ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข หรือ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ล้วนมีความเสี่ยงกับโควิด-19 อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนภูเก็ต ที่กลายเป็น “ด่านหน้า” ในการสัมผัสเชื้อนี้กับชาวต่างชาติ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะสายพันธุ์เดลต้านั้น เริ่มระบาดในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว และองค์การอนามัยโลก คาดว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกในไม่ช้า
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ติดโรคนี้ซ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ ยังนำเชื้อไปติดคนที่บ้านอีก ซึ่งทำให้เห็นว่าในสถานการณ์แบบนี้ ซิโนแวคอาจไม่ใช่วัคซีนที่ดี และวัคซีนที่มี ก็อาจไม่ใช่วัคซีนที่ดีอีกต่อไป วันนี้ แม้แต่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังยอมรับว่า ซิโนแวคนั้น ไม่ได้ดีนัก ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ “เชียร์” มาโดยตลอด ซ้ำยังเชียร์ให้ฉีดสองอย่างผสม ซึ่งก็อาจแปลเป็นนัยได้ว่า หากยังฉีดเป็นวงกว้างอย่างนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะ “คุมไม่ได้” ไปเปล่าๆ
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ศบค. ควรตัดสินใจในเวลานี้ก็คืออาจต้องเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น (ซึ่งในเวลานี้ มีตัวเดียวคือแอสตร้าเซนเนก้า) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค ที่เวลานี้ เริ่มเห็นชัดแล้วว่ากันสายพันธุ์เดลต้าได้น้อย และแม้แต่สายพันธุ์ธรรมดา ก็กระตุ้นภูมิได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกัน ก็ควรพิจารณาสั่งซื้อวัคซีนตัวอื่นๆ โดยเฉพาะวัคซีนชนิด mRNA ได้แล้ว จนกว่าจะมีการศึกษาว่า ซิโนแวค ได้ปรับปรุงวัคซีนตัวเอง หรือมีข้อมูลยืนยันว่าสามารถจัดการกับสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้จริง
หากยังสั่งดะแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้ใช้หลักฐานยืนยัน ไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นทั่วโลก ก็ไม่แปลกที่มีจะมีคนครหาว่า ศบค. และรัฐบาลชุดนี้ อาจมีเรื่อง “ฮั้ว” กับผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายวัคซีน เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นความตายของประชาชนทั้งสิ้น ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
https://www.facebook.com/gossipsasook/posts/946705655872517
แม่ค้าสุดเซ็ง เจอแบงก์ร้อยปลอมระบาด เผย หยดน้ำแล้วมีหมึกออกมา กำแล้วไม่คลายตัว
https://www.matichon.co.th/region/news_2786567
แม่ค้าสุดเซ็ง เจอแบงก์ร้อยปลอมระบาด เผย หยดน้ำแล้วมีหมึกออกมา กำแล้วไม่คลายตัว
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุแบงก์ปลอมระบาดในพื้นที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร้าน ส.อุทัยชัยการค้า ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านโคกน้อย ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม ภายหลังจากทราบข่าวว่า แบงก์ปลอมระบาดในพื้นที่ เมื่อไปถึงร้านพบกับ นาง
ทองดี อุทัยชัย อายุ 51 ปี
นาง
ทองดี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หมู่บ้านตนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้านส่วนใหญ่ก็รู้จักกันทุกคน ส่วนแบงก์ปลอมที่ได้มานั้นเป็นแบงก์ร้อย วันนั้นมีลูกค้าที่รู้จักกันเอาเงินมาใช้หนี้ที่มาเซ็นสินค้าไป จำนวน 680 บาท ลูกค้าให้เงินมา 700 บาท ตนนับเงินแล้วจึงได้ทอนเงินให้ 20 บาท จากนั้นก็นำเงินไปเก็บไว้ในกระเป๋า ตอนเย็นลูกสาวกลับมาก็เลยมานับเงิน เพื่อที่จะนำเงินไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าส่ง ที่ จ.ร้อยเอ็ด พอไปถึงที่ร้านขายส่งที่ร้อยเอ็ด ก็พูดคุยกันว่า ทางร้านเจอแบงก์ปลอมเป็นแบงก์พัน ทางลูกค้ามีแบงก์ปลอมมั้ย ก็เลยนำเงินออกมาดู ก็พบว่า มีจริงๆ เป็นแบงก์ร้อย
พอกลับมาบ้านลูกสาว จึงมาถามว่า แม่นึกออกมั้ยว่าใครเอาแบงก์ปลอมมาซื้อของ ตนก็นอนคิดข้ามคืน จึงจำได้ว่า มีลูกค้าคนนี้เอาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งก็เป็นคนรู้จักกัน ก็เลยไปถามเค้าว่า เค้าได้เงินที่เป็นแบงก์ปลอมนี้มาจากไหน ก็ได้คำตอบว่า ได้มาจากการขายฟางอัดก้อน ก็เลยบอกเค้าไปว่า เค้าได้แบงก์ปลอมมา พอเค้ารู้ ก็ตกใจ แต่ว่าทางตนก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราว เพราะส่วนตัวก็รู้จักกันมานานแล้ว จึงอยากให้เป็นเรื่องเตือนภัยทุกคนว่า ตอนนี้แบงก์ปลอมเข้ามาระบาดในหมู่บ้าน อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน
ส่วนที่มั่นใจว่าเป็นแบงก์ปลอมจริงๆ ก็คือ ได้ทดลองเอาน้ำหยดลงไปบนแบงก์ 1 หยด ก็พบว่ามีหมึกสีแดงออกมา โดยแบงก์ปลอมก็มีขนาดเล็กกว่าแบงก์จริงเล็กน้อย ซึ่งตอนแรกที่ยังไม่ได้หยดน้ำใส่นั้น ลักษณะเหมือนแบงก์จริงมาก พอเอาแบงก์ปลอมมากำดู ก็ไม่คลายตัว ไม่เหมือนแบงก์จริงที่กำแล้วจะคลายตัวออก
อยากฝากไปบอกคนทำแบงก์ปลอมออกมาว่า จะทำไปทำไม คนไทยด้วยกัน อย่ามาเบียดเบียนกันเลย ตอนนี้หากินยาก หาเงินก็หายาก หากใครเจอก็ถือว่าเคราะห์ร้าย ไม่อยากให้ใครเจอ ไม่อยากให้ทำในสิ่งที่มันผิด ส่วนคนซื้อคนขายก็อยากให้ดูกันดีๆ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จะได้ไม่ต้องมาเจอเหมือนกับตน
JJNY : เอฟซีเซอร์ไพรส์เบิร์ธเดย์‘ปู ยิ่งลักษณ์’│เผยข้อสงสัยซิโนแวค│แบงก์ร้อยปลอมระบาด│พิชายข้องใจ เดินหน้าซื้อซิโนแวค
https://www.matichon.co.th/politics/news_2786648
อินเทรนด์! เอฟซี จัดโปรเจ็กต์เบิร์ธเดย์ ‘ปู ยิ่งลักษณ์’ บนตุ๊กตุ๊ก อวยพรรอบกรุง
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันเกิดของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มแฟนคลับ ในนาม แฟนเพจ Yingluck Shinawatra Forever ได้จัดทำโปรเจ็กต์วันเกิด ให้กับ อดีตนายกฯปู เข้ากับเทรนด์โปรเจ็กต์วันเกิดไอดอลวงต่างๆ โดยนำป้ายวันเกิด ขึ้นโฆษณาหลังรถตุ๊กตุ๊ก จอดโชว์หน้าหัวลำโพง โดยมีข้อความว่า
“อยู่ไกลแต่ใจคิดถึง”
วันเกิดปีนี้แม้พวกเราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน ระยะทางก็ไม่อาจกั้นความรักและความคิดถึงได้ จึงขอส่งความคิดถึงและความปรารถนาดีมายังท่านในวันเกิด อยากบอกว่าพวกเราเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างท่านเสมอนะคะ ยังรอวันนั้นอย่างมีความหวังค่ะ
ปีนี้พวกเราขอเซอร์ไพรส์วันเกิดท่านนายกยิ่งลักษณ์ กับรถตุ๊กๆ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง พร้อมติดป้ายอวยพรวันเกิดสุดพิเศษ จึงนำภาพบรรยากาศมาฝากนายกยิ่งลักษณ์ผ่านเพจนี้ค่ะ แม้เราจะอยู่ไกลกันแต่ใจก็ยังคิดถึงเสมอนะคะ
สุขสันต์วันเกิดค่ะนายกในดวงใจ”
https://www.facebook.com/yingluckforever/posts/201545591844553
เผยข้อสงสัยทำไมซิโนแวค อาจไม่เป็นวัคซีนที่ดีอย่างที่คิด
https://www.dailynews.co.th/regional/851252
เพจหมอเผยข้อมูลปัญหา "ซิโนแวค" ชี้วัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ลั่น ศบค. ควรเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค
กลายเป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับวัคซีน 'Sinovac' ขึ้นมามากเรื่อยๆ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่าวัคซีนชนิดนี้มันจะมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ โดยเฉพาะวัคซีนเชื้อตายที่ฉีดแล้วสามารถป้องกันโควิดได้มีประสิทธิภาพจริงหรือ รวมทั้งเหตุใดรัฐบาลจึงสั่งเพิ่มแต่ซิโนแวคแต่มีคุณภาพและราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.เพจ Gossipสาสุข ได้โพสต์ข้อความโดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของซิโนแวค ว่า
ปัญหาของ “ซิโนแวค” เริ่มชัดขึ้นทั่วโลก
เมื่อวัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ประเภทเชื้อตายของบริษัท “ซิโนแวค” ซึ่งถือเป็นวัคซีนหลักของไทยขณะนี้ อย่างน้อยก็ 2 เรื่อง.. หนึ่ง คือข่าวในอินโดนีเซีย ประเทศที่ใช้ซิโนแวคเป็นประเทศหลัก พบหมอ – บุคลาการทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และในจำนวนนี้ เกิน 10 คน มีอาการหนัก ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แม้จะยังไม่ชัดว่าด้วยสาเหตุใด แต่ก็อนุมานได้ว่าเป็นเพราะสายพันธุ์เดลต้า ที่พบครั้งแรกในอินเดีย และซิโนแวค ป้องกันได้ไม่ดีมากนัก ทำให้เชื้อไวรัส ทะลุภูมิที่วัคซีนให้ไว้ได้
อีกเรื่องหนึ่งเกิดที่ฮ่องกง ในเวลาไล่เลี่ยกัน การศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคในฮ่องกงนั้นไม่ได้ดีนัก เมื่อเทียบกับวัคซีนหลักอีกตัวของฮ่องกงอย่าง ไฟเซอร์ พร้อมกับมีคำแนะนำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค เร่งฉีดเข็มที่ 3 เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศว่าจะสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 28 ล้านโดส ตามแผนวัคซีน 150 ล้านโดส ในปี 2565 เพิ่มเติมจากตอนนี้ที่ทั้งฉีดไปแล้ว และจองไปแล้ว 19.5 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ไทยมีซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักรวม 47.5 ล้านโดส เป็นรองเพียงแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมี 61 ล้านโดสในขณะนี้เท่านั้น เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการสาธารณสุขไทย ว่าในเมื่อประสิทธิภาพไม่ได้ดีเทียบเท่ากับตัวอื่น และทั่วโลก มีวัคซีนยี่ห้ออื่นไม่ต่ำกว่าสิบยี่ห้อ เพราะเหตุใดจึงยังยึดติดเฉพาะซิโนแวค
อันที่จริง Gossipสาสุข เคยเอ่ยถึงไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ว่า บุคลากรสาธารณสุขในไทยจำนวนมากนั้น “ไม่ไว้ใจ” ซิโนแวคเอาเสียเลย ตั้งแต่ช่วงแรกๆ คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีการระบาดระลอก 3 เพราะอย่างที่รู้กันก็คือผลทดสอบโดยสถาบัน Butantan ที่บราซิลนั้น พบว่าซิโนแวค มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 50% และทั่วโลก ก็แทบไม่มีใครใช้วัคซีนยี่ห้อนี้ ต้องไม่ลืมว่าในเวลานั้น แทบจะอ้างอิงผลการทดลองที่ “เป็นบวก” จากประเทศเดียว คือจากจีน ที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าฉีดไปแล้วหลายสิบล้านโดส และก็หยุดยั้งการระบาดของโรคได้ดี
กระนั้นเอง ก็ยังไม่มีผลการทดลองในผู้สูงอายุ ทำให้ซิโนแวคในช่วงแรก ใช้เฉพาะในวัยทำงาน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับวัคซีนตัวนี้ หันไปรับแอสตร้าเซเนก้าแทน และกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับก็หนีไม่พ้นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องฉีดไว้ก่อน เพราะถือเป็น “กลุ่มเสี่ยง” มากที่สุด เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร – ตำรวจ แต่ในเวลานั้น ต้องไม่ลืมว่ามีหลายคนเซ็นเอกสารว่าไม่ขอรับวัคซีนตัวนี้ เพราะเกิดผลข้างเคียงในหลายคน และมีข่าวไม่ค่อยดีว่าเกิดอาการ “อัมพฤกษ์ชั่วคราว” ซึ่งแม้ทีมแพทย์จะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อใจได้มากนัก
ตลอดเดือน เม.ย. - พ.ค. ไทยแทบจะใช้ซิโนแวคเป็นวัคซีนหลัก นอกจากบุคลากรทางการแพทย์แล้ว อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการระดมฉีดซิโนแวคก่อนพื้นที่ใดในประเทศ ก็คือภูเก็ต ซึ่งตั้งใจจะเปิดโครงการ ภูเก็ต Sandbox ในวันที่ 1 ก.ค. ตั้งแต่เดือนเม.ย. ภูเก็ตฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วกว่า 3.5 แสนคน เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งหากจะเข้าไทย ต้องเข้าภูเก็ตก่อนเป็นหลัก ก่อนจะเดินทางไปยังจังหวัดอื่นได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับคนภูเก็ต ก็เพื่อให้คนภูเก็ตมีภูมิพอที่จะรองรับกับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาจากทั่วโลกได้
ปัญหาก็คือ เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้วว่าภูมิคุ้มกันจากซิโนแวคไม่ได้ดีอย่างที่คิด ประกอบกับสถานการณ์การระบาดในไทย มีแนวโน้มที่จะมีสายพันธุ์ “เดลต้า” มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตามแนวโน้มเดียวกับทั่วโลก เพราะเดลต้านั้น นอกจากจะทะลุทะลวงซิโนแวคแล้ว ยังสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
นั่นทำให้กลุ่มหลักที่ฉีดซิโนแวคไปแล้วขณะนี้ คือแพทย์ - บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนที่ฉีดวัคซีนตัวนี้ไปแล้วหลายล้านคน รวมถึงรัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนตัวนี้บางคน อาทิ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข หรือ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ล้วนมีความเสี่ยงกับโควิด-19 อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนภูเก็ต ที่กลายเป็น “ด่านหน้า” ในการสัมผัสเชื้อนี้กับชาวต่างชาติ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะสายพันธุ์เดลต้านั้น เริ่มระบาดในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว และองค์การอนามัยโลก คาดว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกในไม่ช้า
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ติดโรคนี้ซ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ ยังนำเชื้อไปติดคนที่บ้านอีก ซึ่งทำให้เห็นว่าในสถานการณ์แบบนี้ ซิโนแวคอาจไม่ใช่วัคซีนที่ดี และวัคซีนที่มี ก็อาจไม่ใช่วัคซีนที่ดีอีกต่อไป วันนี้ แม้แต่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังยอมรับว่า ซิโนแวคนั้น ไม่ได้ดีนัก ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ “เชียร์” มาโดยตลอด ซ้ำยังเชียร์ให้ฉีดสองอย่างผสม ซึ่งก็อาจแปลเป็นนัยได้ว่า หากยังฉีดเป็นวงกว้างอย่างนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะ “คุมไม่ได้” ไปเปล่าๆ
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ศบค. ควรตัดสินใจในเวลานี้ก็คืออาจต้องเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น (ซึ่งในเวลานี้ มีตัวเดียวคือแอสตร้าเซนเนก้า) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค ที่เวลานี้ เริ่มเห็นชัดแล้วว่ากันสายพันธุ์เดลต้าได้น้อย และแม้แต่สายพันธุ์ธรรมดา ก็กระตุ้นภูมิได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกัน ก็ควรพิจารณาสั่งซื้อวัคซีนตัวอื่นๆ โดยเฉพาะวัคซีนชนิด mRNA ได้แล้ว จนกว่าจะมีการศึกษาว่า ซิโนแวค ได้ปรับปรุงวัคซีนตัวเอง หรือมีข้อมูลยืนยันว่าสามารถจัดการกับสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้จริง
หากยังสั่งดะแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้ใช้หลักฐานยืนยัน ไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นทั่วโลก ก็ไม่แปลกที่มีจะมีคนครหาว่า ศบค. และรัฐบาลชุดนี้ อาจมีเรื่อง “ฮั้ว” กับผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายวัคซีน เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นความตายของประชาชนทั้งสิ้น ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
https://www.facebook.com/gossipsasook/posts/946705655872517
แม่ค้าสุดเซ็ง เจอแบงก์ร้อยปลอมระบาด เผย หยดน้ำแล้วมีหมึกออกมา กำแล้วไม่คลายตัว
https://www.matichon.co.th/region/news_2786567
แม่ค้าสุดเซ็ง เจอแบงก์ร้อยปลอมระบาด เผย หยดน้ำแล้วมีหมึกออกมา กำแล้วไม่คลายตัว
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุแบงก์ปลอมระบาดในพื้นที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร้าน ส.อุทัยชัยการค้า ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านโคกน้อย ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม ภายหลังจากทราบข่าวว่า แบงก์ปลอมระบาดในพื้นที่ เมื่อไปถึงร้านพบกับ นางทองดี อุทัยชัย อายุ 51 ปี
นางทองดี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หมู่บ้านตนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้านส่วนใหญ่ก็รู้จักกันทุกคน ส่วนแบงก์ปลอมที่ได้มานั้นเป็นแบงก์ร้อย วันนั้นมีลูกค้าที่รู้จักกันเอาเงินมาใช้หนี้ที่มาเซ็นสินค้าไป จำนวน 680 บาท ลูกค้าให้เงินมา 700 บาท ตนนับเงินแล้วจึงได้ทอนเงินให้ 20 บาท จากนั้นก็นำเงินไปเก็บไว้ในกระเป๋า ตอนเย็นลูกสาวกลับมาก็เลยมานับเงิน เพื่อที่จะนำเงินไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าส่ง ที่ จ.ร้อยเอ็ด พอไปถึงที่ร้านขายส่งที่ร้อยเอ็ด ก็พูดคุยกันว่า ทางร้านเจอแบงก์ปลอมเป็นแบงก์พัน ทางลูกค้ามีแบงก์ปลอมมั้ย ก็เลยนำเงินออกมาดู ก็พบว่า มีจริงๆ เป็นแบงก์ร้อย
พอกลับมาบ้านลูกสาว จึงมาถามว่า แม่นึกออกมั้ยว่าใครเอาแบงก์ปลอมมาซื้อของ ตนก็นอนคิดข้ามคืน จึงจำได้ว่า มีลูกค้าคนนี้เอาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งก็เป็นคนรู้จักกัน ก็เลยไปถามเค้าว่า เค้าได้เงินที่เป็นแบงก์ปลอมนี้มาจากไหน ก็ได้คำตอบว่า ได้มาจากการขายฟางอัดก้อน ก็เลยบอกเค้าไปว่า เค้าได้แบงก์ปลอมมา พอเค้ารู้ ก็ตกใจ แต่ว่าทางตนก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราว เพราะส่วนตัวก็รู้จักกันมานานแล้ว จึงอยากให้เป็นเรื่องเตือนภัยทุกคนว่า ตอนนี้แบงก์ปลอมเข้ามาระบาดในหมู่บ้าน อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน
ส่วนที่มั่นใจว่าเป็นแบงก์ปลอมจริงๆ ก็คือ ได้ทดลองเอาน้ำหยดลงไปบนแบงก์ 1 หยด ก็พบว่ามีหมึกสีแดงออกมา โดยแบงก์ปลอมก็มีขนาดเล็กกว่าแบงก์จริงเล็กน้อย ซึ่งตอนแรกที่ยังไม่ได้หยดน้ำใส่นั้น ลักษณะเหมือนแบงก์จริงมาก พอเอาแบงก์ปลอมมากำดู ก็ไม่คลายตัว ไม่เหมือนแบงก์จริงที่กำแล้วจะคลายตัวออก
อยากฝากไปบอกคนทำแบงก์ปลอมออกมาว่า จะทำไปทำไม คนไทยด้วยกัน อย่ามาเบียดเบียนกันเลย ตอนนี้หากินยาก หาเงินก็หายาก หากใครเจอก็ถือว่าเคราะห์ร้าย ไม่อยากให้ใครเจอ ไม่อยากให้ทำในสิ่งที่มันผิด ส่วนคนซื้อคนขายก็อยากให้ดูกันดีๆ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จะได้ไม่ต้องมาเจอเหมือนกับตน