https://ppantip.com/topic/40781521 ตอนที่ 1 การพบกัน
ตอนที่ 2
ปริมาเซไปชนกับโซฟารับแขก รีบพลิกตัวหลบ ก่อนที่น้ำเหลว ๆ จะพุ่งกระฉูดออกมาจากปากของหนุ่มผมยาวกระฉอกลงบนพื้นกระจายไปทั่ว เธออยากจะบ้าตาย! มันวันซวยอะไรของเธอเนี่ย!หญิงสาวมองซ้ายมองขวารีบคว้าไม้กวาดตรงมุมห้องมาไว้ในมือเพื่อป้องกันตัวเอง เธอพยายามตั้งสติ
แขกไม่ได้รับเชิญเงยหน้าขึ้นมามอง น้ำเหลวๆ ที่พุ่งออกมาไหลยืดอยู่ตามริมฝีปากนั้นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดของเขาเปื้อนอ้วกเต็มไปหมด
“ขะ...ขอโทษ... หะ..ห้อง...น้ำไป...ทางไหน...” หนุ่มแปลกหน้าเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก พูดอ้อแอ้สลับกับการสะอึก
“ไปทางโน้น!”ปริมาชี้ปลายไม้กวาดไปยังประตูบ้าน
“ออกไป!” หญิงสาวตวาดเขาเสียงดัง สองมือจับไม้กวาดแน่น ถ้ากล้าเข้ามาเธอหวดไม่ยั้งแน่
“ปริม!”ปรามรีบเดินมายังห้องรับแขกว่าเกิดอะไรขึ้น!
“ใจเย็น!เพื่อนพี่เอง ชื่อปฏิการ” เขารีบยกมือห้ามน้องสาวและบอกสถานะของคนแปลกหน้า
หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความงงสุดขีดเมื่อไอ้ขี้เมาคนนี้ดันเป็นเพื่อนพี่ชายของเธอเอง!
“เพื่อนพี่เหรอ!!”เธอโพล่งออกมา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองทำไมพี่ปรามถึงเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ได้
“พี่ขอโทษนะ ที่วันนี้ไม่ได้ไปรับพี่ไปงานแต่งงานของพ่อปฏิการตอนเช้า กะว่าเสร็จงานแล้วจะแวะไปรับปริม พอดีว่าปฏิการมันเอาแต่กินเหล้าจนเมาโวยวายในงานเลี้ยงพี่เลยต้องพามันมาที่บ้านให้สงบสติอารมณ์ก่อน” เขาแจงสาเหตุที่ผิดนัดกับน้องสาว
“พี่เห็นเพื่อนดีกว่าน้องเหรอคะ” ปริมาพูดน้ำเสียงนั้นน้อยใจพี่ชายอยู่ไม่น้อยหญิงสาวส่ายหัวพลางถอนหายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น... แล้วพี่โทรหาทำไมติดต่อปริมไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไรรึเปล่า?”เขามองน้องสาวคนเดียวด้วยสายตาขอโทษที่ต้องผิดคำพูดกับเธอ
“ฝนตกหนักมาก ปริมเลยปิดเครื่อง” น้ำเสียงห้วนนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมากินโจ๊กร้อน ๆ นะ” เขารู้ดีว่าทางเข้าบ้านนั้นลำบากขนาดไหนถ้าฝนตกขึ้นมา ที่สำคัญไม่มีรถสองแถวเข้ามาได้ เธอคงต้องเดินตากฝนมาตั้งไกลกว่าจะถึงบ้าน
“ปริมไม่หิวค่ะ” เธอรีบเดินออกจากห้องนั้นไปทันที
ปรามมองตามหลังน้องสาวไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหันกลับมามองเพื่อนตัวปัญหาอย่างกลุ้มใจ ปกติปฏิการไม่ใช่คนขี้เหล้าเมายาแบบนี้เลย พอพ่อเลิกกับแม่แล้วแต่งงานใหม่กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้มันจะประชดชีวิตอะไรนักหนาครอบครัวที่หย่าร้างกันมีเยอะแยะไปพลางส่ายหัวกับสภาพของเพื่อนรักเวลานี้
*********************
“ก๊อก ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ปริมาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองไปที่ต้นกำเนิดเสียง
“ปริม กินข้าวได้แล้วจ้า” เสียงพี่ชายตะโกนบอกอยู่หน้าประตู
เงียบกริบ...คนที่อยู่ในห้องยังไม่ยอมตอบ
“พี่ขอโทษพี่สำนึกผิดแล้ว” เมื่อยังไม่มีเสียงตอบกลับ ปรามจึงพูดต่อไป
“วันนี้พี่ทำข้าวต้มต้มยำที่ปริมชอบด้วยนะ ไม่สนเหรอ เดี๋ยวเย็นหมดน้า...” คนเป็นพี่ยังพยายามง้อน้องสาวต่อไป
“พี่จะยืนรอตรงนี้ จนกว่าปริมจะออกมากินด้วยกันนะ”
เสียงพี่ชายของเธอเงียบไปแล้ว ปริมามองข้อความบนไลน์พีซีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
“จะส่งของได้เมื่อไหร่ ทำไมโทรไม่ติดครับ” ลูกค้ารายแรกที่เธอขายน้ำหมักชีวภาพได้จากเว็บไซต์ถามเข้ามา
ปริมาเพิ่งนึกขึ้นได้เธอปิดโทรศัพท์เอาไว้ ยังไม่ได้เปิดเลยที่สำคัญยังไม่กล้าเข้าไปตอบ เพราะยังไม่รู้จะส่งของให้ลูกค้าได้อย่างไร น้ำหมักชีวภาพนั้นมีน้ำหนักไม่น้อย อาจจะหกซึมออกมาได้ ยังไม่รู้จะแพ็ควิธีไหนดี เธอไม่มีสมาธิที่จะคิดจะทำอะไร ด้วยใจหนึ่งก็กังวลเป็นห่วงพี่ชาย ถ้าเธอไม่ออกไปกินข้าว เขาก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน เธอจึงได้ตัดสินใจไปเติมอาหารให้สมองก่อน
เมื่อเปิดประตูออกไป เห็นพี่ชายยืนรออยู่หน้าห้องจริง ๆ
“ดีกันนะ” คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ยกนิ้วก้อยมาตรงหน้าคนขี้น้อยใจ
ปริมามองหน้าพี่ชาย ก่อนจะค่อย ๆ ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับเขา เธอเหลือพี่ชายแค่คนเดียวแล้ว ถ้าเธอไม่พูดกับเขาแล้วเธอจะพูดกับใครได้
“ไปกินข้าวกัน วันนี้พี่ทำสุดฝีมือเลยนะ” ปรามยกมือกอดคอน้องสาว เขารู้ว่าวิธีนี้จะทำให้คนขี้น้อยใจต้องออกมาแน่นอน เพราะเธอรักและเป็นห่วงเขามาก กำชับให้เขาทานข้าวให้ตรงเวลาเสมอ
“แล้วให้คะแนนพี่ด้วยนะ ว่าอร่อยแค่ไหน เต็มสิบจะได้กี่คะแนนเอ่ย...”
“ได้ค่ะ” รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้านั้น เธอจะโกรธพี่ชายได้อย่างไร น่ารักขนาดนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของปริมาค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารและมองเห็นไอ้หนุ่มขี้เมามานั่งร่วมโต๊ะด้วย เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทำไมหมอนี่ยังไม่กลับอีกวะ! รู้สึกข้องใจขึ้นมาทันที
“ปริมนี่ปฏิการเพื่อนพี่เอง” ปรามแนะนำเพื่อนซี้ให้น้องสาวคนเดียวรู้จักอย่างเป็นทางการ
“ขอโทษด้วยนะ ที่เมื่อคืนนี้ ทำให้ตกใจ” หนุ่มผมยาวเอ่ยขึ้นที่เป็นเหตุให้เจ้าของบ้านอกสั่นขวัญหายไม่น้อย ปฏิการมองน้องสาวเพื่อนอย่างนึกไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ แต่ดูจากสีหน้าและแววตาของเธอเวลานี้ คงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะ” ปริมาตวัดสายตามองเขาอย่างเบื่อขี้หน้าเต็มที แม้เวลานี้เขาจะดูดีกว่าเมื่อคืนราวกับคนละคนกันก็ตาม ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นตุ้มหูเงินข้างหนึ่ง บ่งบอกถึงรสนิยมอยู่ในที
คำถามนั้นทำให้ปฏิการต้องวางช้อนข้าวต้มในมือลงอย่างกะทันหัน! เขาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่ประกาศศึกกับเขาต่อหน้าต่อตา แสดงออกว่าไม่พอใจเขาอย่างมาก หนุ่มผมยาวชันข้อศอกกับพื้นโต๊ะอาหาร ยกมือข้างหนึ่งมาจับที่ปลายคางตนเองทำทีเป็นกำลังครุ่นคิด เมื่ออีกฝ่ายตอบมาแบบนี้ คนอย่างเขามีหรือจะยอม
“อืม...ที่นี่...บรรยากาศดี...คงต้องอยู่อีกหลายวันแล้วล่ะ ต้องขอพักผ่อนเดินเที่ยวชมเสียหน่อย” ชายหนุ่มตอบลอยหน้าลอยตาอดกวนประสาทเธอไม่ได้ อุตส่าห์ขอโทษ คนอะไร! ไม่รู้จักการให้อภัยซะบ้างเลย ริมฝีปากบางได้รูปสวยนั้นค่อยๆ เหยียดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก
คำตอบนั้นกับรอยยิ้มกวนโอ๊ยของเขา ทำให้น้องสาวเจ้าของบ้านหัวร้อนขึ้นมาทันควัน
“ไม่มีบ้านจะกลับหรือไง!”
“ปริมทานข้าวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด” เสียงพี่ชายปรามเบาๆ พลางยกมือแตะแขนน้องสาว
“ปรามที่นี่สวยมากให้น้องแกพาข้าเที่ยวชมสถานที่หน่อยนะ” เขายังคงยิ้มกวนบาทาและกวนประสาทฝ่ายตรงข้ามไม่เลิก
ปริมาหันขวับไปหาพี่ชายทันที
“พี่ปรามต้องให้เขากลับวันนี้เลยนะคะ” เธอเน้นเสียงดังลั่นอย่างไม่พอใจที่จะต้องอยู่ร่วมชายคากับคนแปลกหน้าอย่างเขา
“เดี๋ยวข้าพาแกเดินเที่ยวเอง เติมข้าวต้มหน่อยนะ” ปรามหันไปปรามเพื่อนซี้แล้วตักข้าวต้มเติมให้ มันจะได้หุบปากเสียที ปกติเพื่อนของเขาเป็นคนขี้เกรงใจแต่บางทีปากก็ชอบกวนประสาท ถึงได้มีเรื่องไม่ลงรอยกับพ่อเป็นประจำ
หนุ่มผมยาวได้ยินจึงสงบคำลงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ไม่อยากทำให้เพื่อนลำบากใจ
ปรามมองน้องสาวกินข้าวต้มต้มยำที่เขาตักให้จนหมดชามแล้ว
“เป็นไง อร่อยมั้ย? ให้กี่คะแนนเอ่ย?”
“ศูนย์ค่ะ” เธอรู้สึกรำคาญหนุ่มผมยาวเอามากๆ จนพาลมาถึงพี่ชายด้วย
“เติมอีกนะ” ปรามตักข้าวต้มให้น้องสาวเพิ่ม
ปรามยื่นซองสีขาวไปตรงหน้าคนหน้างอ
“พ่อฝากมาให้ ช่วยค่าเทอมจ้ะ”
“ปริมเลี้ยงตัวเองได้แล้ว พี่ช่วยเอาไปคืนด้วยค่ะ” หญิงสาวเลื่อนซองขาวไปตรงหน้าพี่ชาย เธอพูดอย่างชัดเจนหลายครั้งแล้ว ว่าจะไม่รับเงินช่วยเหลือใด ๆ จากบิดาอีก เมื่อพ่อหย่ากับแม่ไปแต่งงานใหม่ เขาก็ไม่ใช่พ่อของเธออีกต่อไป เธอเกลียดคนที่ทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจ คนที่เธอจะเรียกว่าพ่อได้ต้องไม่ใช่คนหลายใจแบบนี้
“แล้วเว็บที่ปริมทำไปถึงไหนแล้วล่ะ” ปรามมองหน้าน้องสาวที่เครียดขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงผู้เป็นบิดา เขาจึงต้องเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศคลี่คลายลง
“ทำเสร็จแล้วค่ะ ลองเอาน้ำหมักชีวภาพไปลงขายตอนนี้ขายได้แล้วตั้งสิบสองขวด ลูกค้าโอนแล้วด้วย ปริมงงมาก ๆ เลยค่ะ มันขายได้” สีหน้าเอาเรื่องเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มตื่นเต้นทันทีทันใด เธออยากจะเล่าให้เขาฟังตั้งแต่เมื่อคืนแล้วถ้าไม่มีคนขี้เมามาวุ่นวายในบ้าน
“ไหนเว็บอะไร ให้พี่ดูหน่อยซิ” ปรามมองน้องสาวอย่างทึ่ง เธอมีหัวการค้ามาตั้งแต่เด็ก ทำโน่นทำนี่ไปขายตลอดจนไม่ต้องขอเงินใครเรียนหนังสืออีกเลย
ปริมารีบลุกขึ้นไปหยิบมือถือที่วางผึ่งไว้ที่ห้องรับแขก กดเปิดเครื่องโชว์เว็บไซต์สำเร็จรูปที่เธอทำเองกับมือให้พี่ชายดู
“น้องเราเก่งจัง” เขามองเว็บไซต์โทนสีหวานในมือถือของน้องสาว
“แต่มีปัญหาว่าจะส่งอย่างไรดีน่ะสิคะ ขนส่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับส่งน้ำหมักและจำกัดกิโล แถมราคาก็แพงด้วยค่ะ”
“เขาอยู่แถวไหนล่ะ ไหนพี่ดูซิ” เมื่อมองเห็นที่อยู่ของลูกค้า ปรามจึงหันไปมองปฏิการ
“แกไปส่งให้หน่อยได้ไหม อยู่ใกล้ ๆ บ้านแกเลยว่ะ” เขารีบโยนงานเพื่อการสมานฉันท์ให้เพื่อนรักทันที
“พี่ปรามไม่ต้องรบกวนเขาหรอกค่ะ” เธอรีบพูดตัดบทเอาดื้อ ๆ
ปฏิการหันมามองหน้าน้องสาวเพื่อน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ อายุเพียงแค่นี้พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ได้แล้ว? เขาอดทึ่งในตัวเธอไม่ได้เช่นกัน
โทรศัพท์ของปริมาดังขึ้น ลูกค้ารายแรกของเธอโทรเข้ามา
“ส่งของวันนี้ได้รึเปล่าครับ พรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่บ้าน”
“ขะ... ค่ะ ได้ค่ะ” ปริมาจำเป็นต้องรับปากลูกค้าไปก่อน แม้ว่าจะยังคิดไม่ตกว่าจะส่งของให้ด้วยวิธีไหน
“ว่าไง จะให้ไปส่งก็ได้นะ” หนุ่มผมยาวหันมาลอยหน้าลอยตาถาม
“ก็ได้” เธอจำใจต้องให้เขาไปส่งให้ ทั้งที่ไม่อยากรับความช่วยเหลือใด ๆ จากผู้ชายคนนี้ เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกเลย
“ค่าจ้างล่ะ” ปฏิการแบมือไปข้างหน้า
“นายจะคิดเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย” ปริมาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งห้วนกลับไป
ปฏิการเลิกคิ้ว ริมฝีปากนั้นเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนแกล้งทำท่าคิดหนัก เคาะนิ้วชี้ที่ปลายคางของตัวเองเบาๆ
“อืม...เอาแบบนี้แล้วกัน! จ่ายเป็นค่าที่พักคืนนี้กับค่าอาหารเย็นนะ”
หญิงสาวตวัดสายตาขึ้นมาจ้องหน้าชายหนุ่มทันที นี่มันแกล้งกันชัด ๆ จะยังไม่ยอมกลับใช่ไหม?
“ทำไม! ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ นะ จากนี่ไปถึงโน่นกี่กิโล แล้วสินค้าของเธอน้ำหนักเท่าไหร่?” ปฏิการรีบสวนกลับทันควัน
“ก็ได้ ตามนั้น” เธอยอมจำนนอย่างขอไปที
“ของอยู่ไหนล่ะ จะได้รีบไป เดี๋ยวจะกลับมืด”
ปฏิการเดินตามน้องสาวเจ้าของบ้านออกไปจัดของน้ำหมักชีวภาพบรรจุอยู่ในขวดหนึ่งลิตรครึ่งวางอยู่บนชั้นยาวขนาดสี่ชั้นเต็ม โรงเรือนนั้นมุงหลังคาจากยกสูง ด้านในมีแต่ถังพลาสติกขนาดสามสิบลิตรวางเรียงรายพรึ่บไปหมด
“มีลังใส่หรือเปล่า ลังเบียร์ลังแม่โขงน่าจะใส่ได้นะ” หนุ่มผมยาวคะเนขนาดของลังใส่สินค้า
“รู้ดีจริงนะ” ปริมาอดค่อนแคะเขาไม่ได้
หนุ่มผมยาวถอยรถมอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ ๆ มองเห็นน้องสาวเพื่อนกำลังจัดของใส่ลังกระดาษอยู่
“เดี๋ยวฉันช่วยยกเอง” หนุ่มผมยาวรีบเข้าไปช่วยยกลังที่บรรจุน้ำหมักครบจำนวนแล้วมาไว้ที่เบาะซ้อนท้ายแต่ทว่ายังยกไปไม่ถึงรถ เขาเดินสะดุดก้อนหิน ทำให้ขวดน้ำหมักในมือหล่นลงกระแทกพื้นแตกไปสามขวด
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่2 จะให้ไปส่งก็ได้นะ!
ตอนที่ 2
ปริมาเซไปชนกับโซฟารับแขก รีบพลิกตัวหลบ ก่อนที่น้ำเหลว ๆ จะพุ่งกระฉูดออกมาจากปากของหนุ่มผมยาวกระฉอกลงบนพื้นกระจายไปทั่ว เธออยากจะบ้าตาย! มันวันซวยอะไรของเธอเนี่ย!หญิงสาวมองซ้ายมองขวารีบคว้าไม้กวาดตรงมุมห้องมาไว้ในมือเพื่อป้องกันตัวเอง เธอพยายามตั้งสติ
แขกไม่ได้รับเชิญเงยหน้าขึ้นมามอง น้ำเหลวๆ ที่พุ่งออกมาไหลยืดอยู่ตามริมฝีปากนั้นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดของเขาเปื้อนอ้วกเต็มไปหมด
“ขะ...ขอโทษ... หะ..ห้อง...น้ำไป...ทางไหน...” หนุ่มแปลกหน้าเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก พูดอ้อแอ้สลับกับการสะอึก
“ไปทางโน้น!”ปริมาชี้ปลายไม้กวาดไปยังประตูบ้าน
“ออกไป!” หญิงสาวตวาดเขาเสียงดัง สองมือจับไม้กวาดแน่น ถ้ากล้าเข้ามาเธอหวดไม่ยั้งแน่
“ปริม!”ปรามรีบเดินมายังห้องรับแขกว่าเกิดอะไรขึ้น!
“ใจเย็น!เพื่อนพี่เอง ชื่อปฏิการ” เขารีบยกมือห้ามน้องสาวและบอกสถานะของคนแปลกหน้า
หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความงงสุดขีดเมื่อไอ้ขี้เมาคนนี้ดันเป็นเพื่อนพี่ชายของเธอเอง!
“เพื่อนพี่เหรอ!!”เธอโพล่งออกมา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองทำไมพี่ปรามถึงเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ได้
“พี่ขอโทษนะ ที่วันนี้ไม่ได้ไปรับพี่ไปงานแต่งงานของพ่อปฏิการตอนเช้า กะว่าเสร็จงานแล้วจะแวะไปรับปริม พอดีว่าปฏิการมันเอาแต่กินเหล้าจนเมาโวยวายในงานเลี้ยงพี่เลยต้องพามันมาที่บ้านให้สงบสติอารมณ์ก่อน” เขาแจงสาเหตุที่ผิดนัดกับน้องสาว
“พี่เห็นเพื่อนดีกว่าน้องเหรอคะ” ปริมาพูดน้ำเสียงนั้นน้อยใจพี่ชายอยู่ไม่น้อยหญิงสาวส่ายหัวพลางถอนหายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น... แล้วพี่โทรหาทำไมติดต่อปริมไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไรรึเปล่า?”เขามองน้องสาวคนเดียวด้วยสายตาขอโทษที่ต้องผิดคำพูดกับเธอ
“ฝนตกหนักมาก ปริมเลยปิดเครื่อง” น้ำเสียงห้วนนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมากินโจ๊กร้อน ๆ นะ” เขารู้ดีว่าทางเข้าบ้านนั้นลำบากขนาดไหนถ้าฝนตกขึ้นมา ที่สำคัญไม่มีรถสองแถวเข้ามาได้ เธอคงต้องเดินตากฝนมาตั้งไกลกว่าจะถึงบ้าน
“ปริมไม่หิวค่ะ” เธอรีบเดินออกจากห้องนั้นไปทันที
ปรามมองตามหลังน้องสาวไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหันกลับมามองเพื่อนตัวปัญหาอย่างกลุ้มใจ ปกติปฏิการไม่ใช่คนขี้เหล้าเมายาแบบนี้เลย พอพ่อเลิกกับแม่แล้วแต่งงานใหม่กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้มันจะประชดชีวิตอะไรนักหนาครอบครัวที่หย่าร้างกันมีเยอะแยะไปพลางส่ายหัวกับสภาพของเพื่อนรักเวลานี้
*********************
“ก๊อก ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ปริมาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองไปที่ต้นกำเนิดเสียง
“ปริม กินข้าวได้แล้วจ้า” เสียงพี่ชายตะโกนบอกอยู่หน้าประตู
เงียบกริบ...คนที่อยู่ในห้องยังไม่ยอมตอบ
“พี่ขอโทษพี่สำนึกผิดแล้ว” เมื่อยังไม่มีเสียงตอบกลับ ปรามจึงพูดต่อไป
“วันนี้พี่ทำข้าวต้มต้มยำที่ปริมชอบด้วยนะ ไม่สนเหรอ เดี๋ยวเย็นหมดน้า...” คนเป็นพี่ยังพยายามง้อน้องสาวต่อไป
“พี่จะยืนรอตรงนี้ จนกว่าปริมจะออกมากินด้วยกันนะ”
เสียงพี่ชายของเธอเงียบไปแล้ว ปริมามองข้อความบนไลน์พีซีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
“จะส่งของได้เมื่อไหร่ ทำไมโทรไม่ติดครับ” ลูกค้ารายแรกที่เธอขายน้ำหมักชีวภาพได้จากเว็บไซต์ถามเข้ามา
ปริมาเพิ่งนึกขึ้นได้เธอปิดโทรศัพท์เอาไว้ ยังไม่ได้เปิดเลยที่สำคัญยังไม่กล้าเข้าไปตอบ เพราะยังไม่รู้จะส่งของให้ลูกค้าได้อย่างไร น้ำหมักชีวภาพนั้นมีน้ำหนักไม่น้อย อาจจะหกซึมออกมาได้ ยังไม่รู้จะแพ็ควิธีไหนดี เธอไม่มีสมาธิที่จะคิดจะทำอะไร ด้วยใจหนึ่งก็กังวลเป็นห่วงพี่ชาย ถ้าเธอไม่ออกไปกินข้าว เขาก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน เธอจึงได้ตัดสินใจไปเติมอาหารให้สมองก่อน
เมื่อเปิดประตูออกไป เห็นพี่ชายยืนรออยู่หน้าห้องจริง ๆ
“ดีกันนะ” คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ยกนิ้วก้อยมาตรงหน้าคนขี้น้อยใจ
ปริมามองหน้าพี่ชาย ก่อนจะค่อย ๆ ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับเขา เธอเหลือพี่ชายแค่คนเดียวแล้ว ถ้าเธอไม่พูดกับเขาแล้วเธอจะพูดกับใครได้
“ไปกินข้าวกัน วันนี้พี่ทำสุดฝีมือเลยนะ” ปรามยกมือกอดคอน้องสาว เขารู้ว่าวิธีนี้จะทำให้คนขี้น้อยใจต้องออกมาแน่นอน เพราะเธอรักและเป็นห่วงเขามาก กำชับให้เขาทานข้าวให้ตรงเวลาเสมอ
“แล้วให้คะแนนพี่ด้วยนะ ว่าอร่อยแค่ไหน เต็มสิบจะได้กี่คะแนนเอ่ย...”
“ได้ค่ะ” รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้านั้น เธอจะโกรธพี่ชายได้อย่างไร น่ารักขนาดนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของปริมาค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารและมองเห็นไอ้หนุ่มขี้เมามานั่งร่วมโต๊ะด้วย เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทำไมหมอนี่ยังไม่กลับอีกวะ! รู้สึกข้องใจขึ้นมาทันที
“ปริมนี่ปฏิการเพื่อนพี่เอง” ปรามแนะนำเพื่อนซี้ให้น้องสาวคนเดียวรู้จักอย่างเป็นทางการ
“ขอโทษด้วยนะ ที่เมื่อคืนนี้ ทำให้ตกใจ” หนุ่มผมยาวเอ่ยขึ้นที่เป็นเหตุให้เจ้าของบ้านอกสั่นขวัญหายไม่น้อย ปฏิการมองน้องสาวเพื่อนอย่างนึกไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ แต่ดูจากสีหน้าและแววตาของเธอเวลานี้ คงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะ” ปริมาตวัดสายตามองเขาอย่างเบื่อขี้หน้าเต็มที แม้เวลานี้เขาจะดูดีกว่าเมื่อคืนราวกับคนละคนกันก็ตาม ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นตุ้มหูเงินข้างหนึ่ง บ่งบอกถึงรสนิยมอยู่ในที
คำถามนั้นทำให้ปฏิการต้องวางช้อนข้าวต้มในมือลงอย่างกะทันหัน! เขาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่ประกาศศึกกับเขาต่อหน้าต่อตา แสดงออกว่าไม่พอใจเขาอย่างมาก หนุ่มผมยาวชันข้อศอกกับพื้นโต๊ะอาหาร ยกมือข้างหนึ่งมาจับที่ปลายคางตนเองทำทีเป็นกำลังครุ่นคิด เมื่ออีกฝ่ายตอบมาแบบนี้ คนอย่างเขามีหรือจะยอม
“อืม...ที่นี่...บรรยากาศดี...คงต้องอยู่อีกหลายวันแล้วล่ะ ต้องขอพักผ่อนเดินเที่ยวชมเสียหน่อย” ชายหนุ่มตอบลอยหน้าลอยตาอดกวนประสาทเธอไม่ได้ อุตส่าห์ขอโทษ คนอะไร! ไม่รู้จักการให้อภัยซะบ้างเลย ริมฝีปากบางได้รูปสวยนั้นค่อยๆ เหยียดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก
คำตอบนั้นกับรอยยิ้มกวนโอ๊ยของเขา ทำให้น้องสาวเจ้าของบ้านหัวร้อนขึ้นมาทันควัน
“ไม่มีบ้านจะกลับหรือไง!”
“ปริมทานข้าวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด” เสียงพี่ชายปรามเบาๆ พลางยกมือแตะแขนน้องสาว
“ปรามที่นี่สวยมากให้น้องแกพาข้าเที่ยวชมสถานที่หน่อยนะ” เขายังคงยิ้มกวนบาทาและกวนประสาทฝ่ายตรงข้ามไม่เลิก
ปริมาหันขวับไปหาพี่ชายทันที
“พี่ปรามต้องให้เขากลับวันนี้เลยนะคะ” เธอเน้นเสียงดังลั่นอย่างไม่พอใจที่จะต้องอยู่ร่วมชายคากับคนแปลกหน้าอย่างเขา
“เดี๋ยวข้าพาแกเดินเที่ยวเอง เติมข้าวต้มหน่อยนะ” ปรามหันไปปรามเพื่อนซี้แล้วตักข้าวต้มเติมให้ มันจะได้หุบปากเสียที ปกติเพื่อนของเขาเป็นคนขี้เกรงใจแต่บางทีปากก็ชอบกวนประสาท ถึงได้มีเรื่องไม่ลงรอยกับพ่อเป็นประจำ
หนุ่มผมยาวได้ยินจึงสงบคำลงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ไม่อยากทำให้เพื่อนลำบากใจ
ปรามมองน้องสาวกินข้าวต้มต้มยำที่เขาตักให้จนหมดชามแล้ว
“เป็นไง อร่อยมั้ย? ให้กี่คะแนนเอ่ย?”
“ศูนย์ค่ะ” เธอรู้สึกรำคาญหนุ่มผมยาวเอามากๆ จนพาลมาถึงพี่ชายด้วย
“เติมอีกนะ” ปรามตักข้าวต้มให้น้องสาวเพิ่ม
ปรามยื่นซองสีขาวไปตรงหน้าคนหน้างอ
“พ่อฝากมาให้ ช่วยค่าเทอมจ้ะ”
“ปริมเลี้ยงตัวเองได้แล้ว พี่ช่วยเอาไปคืนด้วยค่ะ” หญิงสาวเลื่อนซองขาวไปตรงหน้าพี่ชาย เธอพูดอย่างชัดเจนหลายครั้งแล้ว ว่าจะไม่รับเงินช่วยเหลือใด ๆ จากบิดาอีก เมื่อพ่อหย่ากับแม่ไปแต่งงานใหม่ เขาก็ไม่ใช่พ่อของเธออีกต่อไป เธอเกลียดคนที่ทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจ คนที่เธอจะเรียกว่าพ่อได้ต้องไม่ใช่คนหลายใจแบบนี้
“แล้วเว็บที่ปริมทำไปถึงไหนแล้วล่ะ” ปรามมองหน้าน้องสาวที่เครียดขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงผู้เป็นบิดา เขาจึงต้องเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศคลี่คลายลง
“ทำเสร็จแล้วค่ะ ลองเอาน้ำหมักชีวภาพไปลงขายตอนนี้ขายได้แล้วตั้งสิบสองขวด ลูกค้าโอนแล้วด้วย ปริมงงมาก ๆ เลยค่ะ มันขายได้” สีหน้าเอาเรื่องเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มตื่นเต้นทันทีทันใด เธออยากจะเล่าให้เขาฟังตั้งแต่เมื่อคืนแล้วถ้าไม่มีคนขี้เมามาวุ่นวายในบ้าน
“ไหนเว็บอะไร ให้พี่ดูหน่อยซิ” ปรามมองน้องสาวอย่างทึ่ง เธอมีหัวการค้ามาตั้งแต่เด็ก ทำโน่นทำนี่ไปขายตลอดจนไม่ต้องขอเงินใครเรียนหนังสืออีกเลย
ปริมารีบลุกขึ้นไปหยิบมือถือที่วางผึ่งไว้ที่ห้องรับแขก กดเปิดเครื่องโชว์เว็บไซต์สำเร็จรูปที่เธอทำเองกับมือให้พี่ชายดู
“น้องเราเก่งจัง” เขามองเว็บไซต์โทนสีหวานในมือถือของน้องสาว
“แต่มีปัญหาว่าจะส่งอย่างไรดีน่ะสิคะ ขนส่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับส่งน้ำหมักและจำกัดกิโล แถมราคาก็แพงด้วยค่ะ”
“เขาอยู่แถวไหนล่ะ ไหนพี่ดูซิ” เมื่อมองเห็นที่อยู่ของลูกค้า ปรามจึงหันไปมองปฏิการ
“แกไปส่งให้หน่อยได้ไหม อยู่ใกล้ ๆ บ้านแกเลยว่ะ” เขารีบโยนงานเพื่อการสมานฉันท์ให้เพื่อนรักทันที
“พี่ปรามไม่ต้องรบกวนเขาหรอกค่ะ” เธอรีบพูดตัดบทเอาดื้อ ๆ
ปฏิการหันมามองหน้าน้องสาวเพื่อน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ อายุเพียงแค่นี้พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ได้แล้ว? เขาอดทึ่งในตัวเธอไม่ได้เช่นกัน
โทรศัพท์ของปริมาดังขึ้น ลูกค้ารายแรกของเธอโทรเข้ามา
“ส่งของวันนี้ได้รึเปล่าครับ พรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่บ้าน”
“ขะ... ค่ะ ได้ค่ะ” ปริมาจำเป็นต้องรับปากลูกค้าไปก่อน แม้ว่าจะยังคิดไม่ตกว่าจะส่งของให้ด้วยวิธีไหน
“ว่าไง จะให้ไปส่งก็ได้นะ” หนุ่มผมยาวหันมาลอยหน้าลอยตาถาม
“ก็ได้” เธอจำใจต้องให้เขาไปส่งให้ ทั้งที่ไม่อยากรับความช่วยเหลือใด ๆ จากผู้ชายคนนี้ เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกเลย
“ค่าจ้างล่ะ” ปฏิการแบมือไปข้างหน้า
“นายจะคิดเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย” ปริมาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งห้วนกลับไป
ปฏิการเลิกคิ้ว ริมฝีปากนั้นเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนแกล้งทำท่าคิดหนัก เคาะนิ้วชี้ที่ปลายคางของตัวเองเบาๆ
“อืม...เอาแบบนี้แล้วกัน! จ่ายเป็นค่าที่พักคืนนี้กับค่าอาหารเย็นนะ”
หญิงสาวตวัดสายตาขึ้นมาจ้องหน้าชายหนุ่มทันที นี่มันแกล้งกันชัด ๆ จะยังไม่ยอมกลับใช่ไหม?
“ทำไม! ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ นะ จากนี่ไปถึงโน่นกี่กิโล แล้วสินค้าของเธอน้ำหนักเท่าไหร่?” ปฏิการรีบสวนกลับทันควัน
“ก็ได้ ตามนั้น” เธอยอมจำนนอย่างขอไปที
“ของอยู่ไหนล่ะ จะได้รีบไป เดี๋ยวจะกลับมืด”
ปฏิการเดินตามน้องสาวเจ้าของบ้านออกไปจัดของน้ำหมักชีวภาพบรรจุอยู่ในขวดหนึ่งลิตรครึ่งวางอยู่บนชั้นยาวขนาดสี่ชั้นเต็ม โรงเรือนนั้นมุงหลังคาจากยกสูง ด้านในมีแต่ถังพลาสติกขนาดสามสิบลิตรวางเรียงรายพรึ่บไปหมด
“มีลังใส่หรือเปล่า ลังเบียร์ลังแม่โขงน่าจะใส่ได้นะ” หนุ่มผมยาวคะเนขนาดของลังใส่สินค้า
“รู้ดีจริงนะ” ปริมาอดค่อนแคะเขาไม่ได้
หนุ่มผมยาวถอยรถมอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ ๆ มองเห็นน้องสาวเพื่อนกำลังจัดของใส่ลังกระดาษอยู่
“เดี๋ยวฉันช่วยยกเอง” หนุ่มผมยาวรีบเข้าไปช่วยยกลังที่บรรจุน้ำหมักครบจำนวนแล้วมาไว้ที่เบาะซ้อนท้ายแต่ทว่ายังยกไปไม่ถึงรถ เขาเดินสะดุดก้อนหิน ทำให้ขวดน้ำหมักในมือหล่นลงกระแทกพื้นแตกไปสามขวด