สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กระทู้พันทิป
ขอใช้พื้นที่นี้รีวิวการไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่กับคุณหมอฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ ที่โรงพยาบาลวิภาวดีนะคะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่ด้วย
คือเราอายุจะ 41 ปีเต็มในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่งงานเมื่อกลางปี 2563 กับสามีอายุ 36 ปี แต่เราเพิ่งแพลนที่จะมีลูกเมื่อต้นปี 2564 นี้เอง
ตั้งแต่ต้นปีมาก็เริ่มปั๊มลูกกันค่ะ ปั๊มมา 3 เดือนก็คงยังไม่มา ก็แหม...อายุขนาดนี้แล้วยังกล้าคิดว่าเปิดปุ๊บจะติดปั๊บเหมือนหม้อหุงข้าวไปได้เนอะ
แต่เนื่องด้วยตัวเราเองเนี่ยอายุก็เยอะแล้วบวกกับไม่เคยไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมจะมีลูกเลย ก็เลยตัดสินใจไปตรวจร่างกายเผื่อว่าเราจะมีภาวะมีบุตรยาก เราจะได้รู้เรื่องกันไปว่าเรามีปัญหาอะไรมั้ย จะมีลูกได้เองมั้ยอะไรทำนองนั้น
ขอเกริ่นถึงสาเหตุของการมีบุตรยากคร่าวๆก็มีดังนี้ค่ะ
1. ปัญหาการตกไข่ (Ovulation Factor): ผญเราบางคนก็ไข่ไม่ตกนะคะ อาจจะต้องไปตรวจฮอร์โมนดูค่ะ
2. ปัญหาท่อนำไข่ (Tubal Factor): ท่อนำไข่อาจจะตีบตัน ทำให้สเปิร์มไม่สามารถว่ายเข้าไปเจอกับไข่ได้ อันนี้ต้องไปฉีดสีดู
3. ปัญหาอสุจิ (Male Factor): ปริมาณของตัวอสุจิอาจจะมีน้อย ด้อยคุณภาพ แนะนำให้ไปตรวจน้ำเชื้อดูค่ะ
4. ปัญหาที่มดลูกและปากมดลูก (Uterine / Cervical Factor): ต้องตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก
5. ปัญหาเยื่อบุภายในช่องท้อง (Peritoneal Factor): ต้องตรวจภายใน อัลตร้าซาวน์ดูค่ะ
เจ้าของกระทู้ไปตรวจมาเกือบครบยกเว้นปัญหาท่อนำไข่ที่ยังไม่ได้ไปตรวจ เพราะจากการหาข้อมูลแล้ว บอกตรงๆว่ากลัวเจ็บกลัวปวดจ้า
แต่ถ้าไม่ตรวจจะรู้ได้ไงว่าเรามีปัญหานี้หรือไม่ ก็เลยตัดสินใจแล้วว่าจะไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่เพื่อจะเมคชัวร์ว่าท่อนำไข่ของเราไม่ได้ตีบตัน สเปิร์มเค้าจะได้ว่ายเข้าไปเจอกับไข่ในท่อได้แน่นอน
พอหาข้อมูลการฉีดสีท่อนำไข่แล้วว่าเค้าทำกันยังไง เราก็หาโรงพยาบาลที่เค้ามีบริการในส่วนนี้ ก็ไปเจอแพคเกจฉีดสีท่อนำไข่ราคาดีของโรงพยาบาลวิภาวดี เพียง 6,900 บาท แถมอยู่ใกล้บ้านด้วย จากนั้นก็หาข้อมูลอีกว่าเราจะเลือกปรึกษากับคุณหมอท่านไหนดี เพราะคลินิครักษาผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลวิภาวดีก็มีคุณหมอฝีมือดีอยู่หลายท่าน สรุปเราเลือกคุณหมอฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ เพราะแกเป็นอาจารย์หมออยู่ที่ รพ. รามาธิบดี อย่างน้อยประสบการณ์ของคุณหมอก็จะช่วยให้เราลดความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้เราได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
เราไปเจอคุณหมอครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 64 เป็นการไป sound check ก่อนว่าเราถูกจริตกับคุณหมอมั้ย เพราะเอาจริงๆไปพบคุณหมอมาหลายที่แล้ว ยังไม่ถูกจริต ที่ถูกจริตกับเราน่ะก็มีนะคะแต่ว่าไม่ค่อยถูกจริตกับเงินในกระเป๋าเราสักเท่าไหร่ แฮ่ๆๆ...หลังจากที่ได้พบคุณหมอครั้งแรกก็อึ้งไปนิดหน่อย เพราะสไตล์คุณหมอก็จะเป็นอาจารย์หมออะเนอะ มีความ lecture คนไข้เบาๆ การใช้คำพูดของคุณหมอก็จะมีสำบัดสำนวนชวนยิ้ม แต่ที่ต้องระวังคือ หากคุณหมอกำลังพูดอะไรอยู่ อย่าเพิ่งถามต้องรอให้คุณหมอพูดจบก่อนนะคะแล้วค่อยถาม ไม่งั้นจะโดนคุณหมอดุเอา ฮ่าๆๆ...และสุดท้ายคุณหมอแนะนำว่าหากอยากฉีดสีเช็คท่อนำไข่ มีประจำเดือนวันแรกเมื่อไรให้โทรมานัดได้เลย
ประจำเดือนเรามาวันที่ 7 มิ.ย. 64 เราก็โทรไปนัดฉีดสีกับแผนกรักษาผู้มีบุตรยาก 02-5611111 ต่อ 1255 ได้คิววันที่ 13 มิ.ย. 64 เวลาเที่ยงตรง
พอถึงวันนัด เราไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงเผื่อเวลาไว้เตรียมตัว...พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปที่ห้องผ่าตัด ขอย้ำว่าเป็นห้องผ่าตัดนะคะ ไม่ใช่ห้องฉายรังสีเอ็กซเรย์เหมือนที่คนอื่นๆเค้าไปฉีดสีกัน เข้าไปก็เปลี่ยนใส่ชุดเขียวเหมือนเตรียมขึ้นเขียง ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดพร้อมถอดเครื่องประดับต่างๆด้วยนะคะ จากนั้นก็ไปนอนรอคุณหมอบนเตียงในห้องผ่าตัดที่กว้างใหญ่ มีไฟ OR แบบอลังการเหมือนยานแม่ พร้อมกับแอร์เย็นฉ่ำ สอบถามได้ความว่าห้องนี้เป็นห้องความดันลบและที่ต้องเปิดแอร์เย็นๆเพื่อป้องกันเรื่องการติดเชื้อเพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเราจะปลอดภัย ในห้องก็มีน้องพยาบาล 1 คนที่จะเป็นผู้ช่วยคุณหมอพร้อมจัดเตรียมความพร้อมต่างๆให้เรา มีเจ้าหน้าที่รังสีอีก 1 คนที่จะมาทำหน้าที่ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ เรานอนรอคุณหมอแบบเย็นวาบๆอยู่ประมาณพักนึงได้ คุณหมอก็เข้ามาด้วยความสุนทรีย์มีการชวนคุยอย่างเป็นกันเอง สรุปแล้วทั้งห้องมีกันทั้งหมด 4 คน คุณหมอ น้องพยาบาล จนทเอกซเรย์ และก็ตัวเรา ซึ่งมีคุณหมอคนเดียวที่เป็นผู้ชาย แต่เอาจริงๆก็อายทุกคนค่ะไม่ว่าจะชายหรือหญิง แต่การพูดคุยแบบเป็นกันเองก็ทำให้เราอายน้อยลงมาหน่อย
มากันที่ขั้นตอนเลยดีกว่า ท่านอนของการฉีดสีคือนอนหงาย ชันเข่าขึ้นและแบะขาออกเหมือนเราพนมมือแต่เป็นฝ่าเท้าเราคือฝ่าเท้าสองข้างประกบกันอยู่ อารมณ์แบบนั่งขัดสมาธิแต่ฝ่าเท้าประกบกันแล้วทิ้งตัวลงนอนน่ะค่ะ จากนั้นพยาบาลก็เอาหมอนมาหนุนก้นเรา เราก็จะนอนเปลือยเปล่าแบบเย็นๆก่อนที่เค้าเค้าจะมีผ้ามาคลุม โดยผ้าจะมีช่องหน้าต่างพอดีกับน้องจิมิโกะของเรา เพื่อที่คุณหมอจะได้ดำเนินการฉีดสีตามขั้นตอนต่อไป
พอจัดท่าที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว คุณหมอก็พูดกับเราว่า หมอมี 2 เครื่องมือให้หนูเลือก หนูจะเลือกอันไหน ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะเป็นแท่งยาวๆ อันนึงเป็นสแตนเลส ส่วนอีกอันเป็นพลาสติก มาถึงจุดนี้ก็เอ้า...เลือกไรดีอะ ไม่เห็นมีใครเคยรีวิวเรื่องนี้เลย ต่ายแล้ววววว ทำตาเลิ่กลั่กอยู่นาน พยาบาลส่งสัญญาณมือให้เลือกพลาสติก เราก็เลยเลือกพลาสติก แต่เอาจริงๆใจก็ไปที่พลาสติกแหละ เพราะแท่งสแตนเลสดูน่ากลัวไปอ่า --" (ใครอยากเห็นภาพแท่งพลาสติก หลังไมค์์มาได้นะคะ)
จากนั้นคุณหมอก็เริ่มจากการสอด speculum หรือที่ชาวบ้านเราเรียกกันว่า ปากเป็ด โดนเริ่มจากเบอร์เล็กสุดก่อนเพื่อดูว่าคุณหมอจะมองเห็นภายในของเราหรือไม่ แต่อาจจะเพราะไฟห้องผ่าตัดอาจจะไม่ได้ดั่งใจ คุณหมอเลยเพิ่มขนาดของปากเป็ดให้สมศักดิ์ศรีเจ้าของกระทู้ไปอีกครึ่งเบอร์ (เพิ่มความหน่วตึงเข้าไปอีกจ้าแม่จ๋า) จากนั้นคุณหมอก็เริ่มสอดท่อจิ๋วพลาสติกที่เราเลือกเข้าไปค่ะ ในขั้นตอนนี้คุณหมอจะใช้เครืองมืออีกตัวบีบปากมดลูกไว้เพื่อไม่ให้ของเหลวที่จะฉีดเข้าไปในท่อนำไข่เค้าไหลย้อนกลับ ตอนนี้ก็จะมีเจ็บจิ๊ดๆ คุณหมอบอกว่างั้น แต่เอาจริงๆเราไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย จากนั้นคุณหมอก็เริ่มฉีดของเหลวที่เป็นสีทึบแสงเข้าไปในมดลูกของเรา โดยคุณหมอจะค่อยๆฉีดเข้าไปช้าๆ จากนั้นเราก็จะเริ่มเห็นสีในมดลูกของเราบนจอมอร์นิเตอร์ คุณหมอก็จะบอกให้จนทรังสีเค้าถ่ายภาพไว้เป็นช๊อทๆ คุณหมออธิบายว่าคุณหมอใช้ค่ารังสีเพียงแค่ 0.2856 mGy ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยมากสำหรับคนไข้ แต่การจะเห็นว่าสีวิ่งมั้ยอาจจะต้องรอเวลาสักหน่อย แต่คุณหมอแกใส่ใจในความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก เลยเลือกใช้ค่ารังสีที่ต่ำ ยังไงก็เห็นภาพเช่นกันค่ะ ปล. หากค่ารังสีสูงมากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถเห็นสีทึบแสงแบบ live ไม่ต้องรอเวลา แต่การที่เราให้ค่ารังสีที่สูงผ่านร่างกายเรามากๆมันก็ไม่ดีต่อร่างกายเราเองน่ะค่ะ คุณหมอแกเลยเลือกแบบปลอดภัยไว้ก่อน
ตอนที่ทำบอกตรงๆเลยว่าไม่รู้สึกอะไร รู้สึกหน่วงตรงปากเป็ดมากกว่า ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดอะไรที่ท้องน้อยแบบที่เคยอ่านรีวิวไว้เลย ถ้าไม่ได้มองจอฉายภาพ ก็ไม่รู้ว่าคุณหมอฉีดสีเข้าไปแล้ว คุณหมอทำอย่างเบามือมากๆค่ะ...จากที่รอลุ้นอยู่ไม่นานสีก็ผ่านท่อนำไข่ด้านซ้ายไปอย่างสบายๆ และคุณหมอกับทีมงานก็รอลุ้นด้านขวาอีกข้าง และแล้วสีก็ผ่านท่อนำไข่ด้านขวาออกมาอย่างฉลุยในที่สุด
สรุปคือท่อนำไข่ของอิชั้นไม่ตันจ้าาาา โอ้ยดีใจมากกกก!!! เจ้าของกระทู้ไม่แน่ใจนะคะว่าที่ไม่ปวดเพราะท่อนำไข่เราไม่ตันหรือเปล่า คนที่ท่อนำไข่ตันก็อาจจะมีอาการต่างไปก็ได้ (คหสต นะคะ)
เสร็จเรียบร้อยนอนพักสักสองสามนาทีก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า น้องพยาบาลให้ผ้าอนามัยมาแผ่นนึงเพราะว่าอาจจะมีของเหลวไหลออกมาก็ให้ใส่ไว้ก่อน จากนั้นไปพบคุณหมอหน้าห้อง บอกไว้ก่อนว่าคุณหมอฉัตรชัยแกมีความ lecturer สูง แกจะมีกระดาษสรุปให้คนไข้ทุกครั้งที่มาพร้อมใส่แฟ้มให้เรียบร้อย ตอนนี้เรามี 2 แฟ้มแล้ว (คราวหน้าจะถือไปด้วยแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองแฟ้มคณหมออีก) คุณหมอบอกว่าหลังจากทำไปอาจจะมีอาการปวดท้องน้อย และอาจจะมีเศษเลือดออกมาบ้างเล็กน้อยไม่ต้องตกใจ คุณหมอจ่ายยาฆ่าเชื้อชื่อ Metronidazole 200mg ให้เราไปกิน 3 วัน เพราะการที่เราฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย อาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่ก็ความเป็นไปได้ที่จะมีอาการแทรกซ้อนมีเพียงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1% เท่านั้น แต่เพื่อความชัวร์ก็กินดักไว้ก่อนเลย กรณีถ้าเพื่อนๆคนไหนไปฉีดสีท่อนำไข่มาแล้วมีอาการแทรกซ้อน เช่นปวดท้องไม่หายให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันทีอย่าได้นิ่งนอนใจ...ส่วนค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 8,717 บาทนะคะ (แพคเกจฉีดสี 6,900 บาท+ ค่ายา 1,597 บาท + ค่าพยาบาล 140 บาท + ค่าบริการโรงพยาบาล 80 บาท)
ก่อนกลับบ้านยังสามารถแวะช้อปปิ้งซื้อกับข้าวที่แมคโครได้เป็นชั่วโมงโดยไม่รู้สึกอะไร ถึงบ้านก็กินข้าวกินยาตามคุณหมอสั่ง แต่เริ่มมีอาการปวดหน่วงเพียงเล็กน้อยมากๆ ตื่นเช้ามาอีกวันก็ปกติไม่ปวดท้องอีกเลย ถือว่าโอเคมากๆค่ะ
นี่แหละค่ะ ประสบการณ์การฉีดสีเช็คท่อนำไข่ของเจ้าของกระทู้ อาจจะยาวหน่อยแต่น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่กำลังตัดสินใจเข้ารับการฉีดสีเช็คท่อนำไข่ และอยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากจะมีบุตรแล้วยังไม่มีสักที ลองไปเช็คดูนะคะว่าคุณมีภาวะมีบุตรยากหรือไม่ ถ้ามีเราจะได้รู้สาเหตุและรักษาให้ถูกจุดค่ะ
นี่เป็นภาพหลังจากฉีดสีเข้าไปปริมาณ 5.5 cc. แล้วสีก็ออกจากท่อนำไข่ทั้งสองข้างตามที่เราวงไว้จ้า
หลังจากนี้เจ้าของกระทู้จะไปต่อที่ การฉีดเชื้อ IUI ค่ะ คิดว่าจะไปทำกับอาจารย์หมอฉัตรชัยคนเดิมนี่หละค่ะ ไว้ยังไงจะมารีวิวอีกนะคะ
ขออวยพรให้ทุกคนที่อยากมีลูกประสบผลสำเร็จกันถ้วนหน้านะคะ ^__^
[CR] ฉีดสีเช็คท่อนำไข่กับคุณหมอฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
ขอใช้พื้นที่นี้รีวิวการไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่กับคุณหมอฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ ที่โรงพยาบาลวิภาวดีนะคะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่ด้วย
คือเราอายุจะ 41 ปีเต็มในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่งงานเมื่อกลางปี 2563 กับสามีอายุ 36 ปี แต่เราเพิ่งแพลนที่จะมีลูกเมื่อต้นปี 2564 นี้เอง
ตั้งแต่ต้นปีมาก็เริ่มปั๊มลูกกันค่ะ ปั๊มมา 3 เดือนก็คงยังไม่มา ก็แหม...อายุขนาดนี้แล้วยังกล้าคิดว่าเปิดปุ๊บจะติดปั๊บเหมือนหม้อหุงข้าวไปได้เนอะ
แต่เนื่องด้วยตัวเราเองเนี่ยอายุก็เยอะแล้วบวกกับไม่เคยไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมจะมีลูกเลย ก็เลยตัดสินใจไปตรวจร่างกายเผื่อว่าเราจะมีภาวะมีบุตรยาก เราจะได้รู้เรื่องกันไปว่าเรามีปัญหาอะไรมั้ย จะมีลูกได้เองมั้ยอะไรทำนองนั้น
ขอเกริ่นถึงสาเหตุของการมีบุตรยากคร่าวๆก็มีดังนี้ค่ะ
1. ปัญหาการตกไข่ (Ovulation Factor): ผญเราบางคนก็ไข่ไม่ตกนะคะ อาจจะต้องไปตรวจฮอร์โมนดูค่ะ
2. ปัญหาท่อนำไข่ (Tubal Factor): ท่อนำไข่อาจจะตีบตัน ทำให้สเปิร์มไม่สามารถว่ายเข้าไปเจอกับไข่ได้ อันนี้ต้องไปฉีดสีดู
3. ปัญหาอสุจิ (Male Factor): ปริมาณของตัวอสุจิอาจจะมีน้อย ด้อยคุณภาพ แนะนำให้ไปตรวจน้ำเชื้อดูค่ะ
4. ปัญหาที่มดลูกและปากมดลูก (Uterine / Cervical Factor): ต้องตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก
5. ปัญหาเยื่อบุภายในช่องท้อง (Peritoneal Factor): ต้องตรวจภายใน อัลตร้าซาวน์ดูค่ะ
เจ้าของกระทู้ไปตรวจมาเกือบครบยกเว้นปัญหาท่อนำไข่ที่ยังไม่ได้ไปตรวจ เพราะจากการหาข้อมูลแล้ว บอกตรงๆว่ากลัวเจ็บกลัวปวดจ้า
แต่ถ้าไม่ตรวจจะรู้ได้ไงว่าเรามีปัญหานี้หรือไม่ ก็เลยตัดสินใจแล้วว่าจะไปฉีดสีเช็คท่อนำไข่เพื่อจะเมคชัวร์ว่าท่อนำไข่ของเราไม่ได้ตีบตัน สเปิร์มเค้าจะได้ว่ายเข้าไปเจอกับไข่ในท่อได้แน่นอน
พอหาข้อมูลการฉีดสีท่อนำไข่แล้วว่าเค้าทำกันยังไง เราก็หาโรงพยาบาลที่เค้ามีบริการในส่วนนี้ ก็ไปเจอแพคเกจฉีดสีท่อนำไข่ราคาดีของโรงพยาบาลวิภาวดี เพียง 6,900 บาท แถมอยู่ใกล้บ้านด้วย จากนั้นก็หาข้อมูลอีกว่าเราจะเลือกปรึกษากับคุณหมอท่านไหนดี เพราะคลินิครักษาผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลวิภาวดีก็มีคุณหมอฝีมือดีอยู่หลายท่าน สรุปเราเลือกคุณหมอฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ เพราะแกเป็นอาจารย์หมออยู่ที่ รพ. รามาธิบดี อย่างน้อยประสบการณ์ของคุณหมอก็จะช่วยให้เราลดความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้เราได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
เราไปเจอคุณหมอครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 64 เป็นการไป sound check ก่อนว่าเราถูกจริตกับคุณหมอมั้ย เพราะเอาจริงๆไปพบคุณหมอมาหลายที่แล้ว ยังไม่ถูกจริต ที่ถูกจริตกับเราน่ะก็มีนะคะแต่ว่าไม่ค่อยถูกจริตกับเงินในกระเป๋าเราสักเท่าไหร่ แฮ่ๆๆ...หลังจากที่ได้พบคุณหมอครั้งแรกก็อึ้งไปนิดหน่อย เพราะสไตล์คุณหมอก็จะเป็นอาจารย์หมออะเนอะ มีความ lecture คนไข้เบาๆ การใช้คำพูดของคุณหมอก็จะมีสำบัดสำนวนชวนยิ้ม แต่ที่ต้องระวังคือ หากคุณหมอกำลังพูดอะไรอยู่ อย่าเพิ่งถามต้องรอให้คุณหมอพูดจบก่อนนะคะแล้วค่อยถาม ไม่งั้นจะโดนคุณหมอดุเอา ฮ่าๆๆ...และสุดท้ายคุณหมอแนะนำว่าหากอยากฉีดสีเช็คท่อนำไข่ มีประจำเดือนวันแรกเมื่อไรให้โทรมานัดได้เลย
ประจำเดือนเรามาวันที่ 7 มิ.ย. 64 เราก็โทรไปนัดฉีดสีกับแผนกรักษาผู้มีบุตรยาก 02-5611111 ต่อ 1255 ได้คิววันที่ 13 มิ.ย. 64 เวลาเที่ยงตรง
พอถึงวันนัด เราไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงเผื่อเวลาไว้เตรียมตัว...พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปที่ห้องผ่าตัด ขอย้ำว่าเป็นห้องผ่าตัดนะคะ ไม่ใช่ห้องฉายรังสีเอ็กซเรย์เหมือนที่คนอื่นๆเค้าไปฉีดสีกัน เข้าไปก็เปลี่ยนใส่ชุดเขียวเหมือนเตรียมขึ้นเขียง ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดพร้อมถอดเครื่องประดับต่างๆด้วยนะคะ จากนั้นก็ไปนอนรอคุณหมอบนเตียงในห้องผ่าตัดที่กว้างใหญ่ มีไฟ OR แบบอลังการเหมือนยานแม่ พร้อมกับแอร์เย็นฉ่ำ สอบถามได้ความว่าห้องนี้เป็นห้องความดันลบและที่ต้องเปิดแอร์เย็นๆเพื่อป้องกันเรื่องการติดเชื้อเพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเราจะปลอดภัย ในห้องก็มีน้องพยาบาล 1 คนที่จะเป็นผู้ช่วยคุณหมอพร้อมจัดเตรียมความพร้อมต่างๆให้เรา มีเจ้าหน้าที่รังสีอีก 1 คนที่จะมาทำหน้าที่ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ เรานอนรอคุณหมอแบบเย็นวาบๆอยู่ประมาณพักนึงได้ คุณหมอก็เข้ามาด้วยความสุนทรีย์มีการชวนคุยอย่างเป็นกันเอง สรุปแล้วทั้งห้องมีกันทั้งหมด 4 คน คุณหมอ น้องพยาบาล จนทเอกซเรย์ และก็ตัวเรา ซึ่งมีคุณหมอคนเดียวที่เป็นผู้ชาย แต่เอาจริงๆก็อายทุกคนค่ะไม่ว่าจะชายหรือหญิง แต่การพูดคุยแบบเป็นกันเองก็ทำให้เราอายน้อยลงมาหน่อย
มากันที่ขั้นตอนเลยดีกว่า ท่านอนของการฉีดสีคือนอนหงาย ชันเข่าขึ้นและแบะขาออกเหมือนเราพนมมือแต่เป็นฝ่าเท้าเราคือฝ่าเท้าสองข้างประกบกันอยู่ อารมณ์แบบนั่งขัดสมาธิแต่ฝ่าเท้าประกบกันแล้วทิ้งตัวลงนอนน่ะค่ะ จากนั้นพยาบาลก็เอาหมอนมาหนุนก้นเรา เราก็จะนอนเปลือยเปล่าแบบเย็นๆก่อนที่เค้าเค้าจะมีผ้ามาคลุม โดยผ้าจะมีช่องหน้าต่างพอดีกับน้องจิมิโกะของเรา เพื่อที่คุณหมอจะได้ดำเนินการฉีดสีตามขั้นตอนต่อไป
พอจัดท่าที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว คุณหมอก็พูดกับเราว่า หมอมี 2 เครื่องมือให้หนูเลือก หนูจะเลือกอันไหน ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะเป็นแท่งยาวๆ อันนึงเป็นสแตนเลส ส่วนอีกอันเป็นพลาสติก มาถึงจุดนี้ก็เอ้า...เลือกไรดีอะ ไม่เห็นมีใครเคยรีวิวเรื่องนี้เลย ต่ายแล้ววววว ทำตาเลิ่กลั่กอยู่นาน พยาบาลส่งสัญญาณมือให้เลือกพลาสติก เราก็เลยเลือกพลาสติก แต่เอาจริงๆใจก็ไปที่พลาสติกแหละ เพราะแท่งสแตนเลสดูน่ากลัวไปอ่า --" (ใครอยากเห็นภาพแท่งพลาสติก หลังไมค์์มาได้นะคะ)
จากนั้นคุณหมอก็เริ่มจากการสอด speculum หรือที่ชาวบ้านเราเรียกกันว่า ปากเป็ด โดนเริ่มจากเบอร์เล็กสุดก่อนเพื่อดูว่าคุณหมอจะมองเห็นภายในของเราหรือไม่ แต่อาจจะเพราะไฟห้องผ่าตัดอาจจะไม่ได้ดั่งใจ คุณหมอเลยเพิ่มขนาดของปากเป็ดให้สมศักดิ์ศรีเจ้าของกระทู้ไปอีกครึ่งเบอร์ (เพิ่มความหน่วตึงเข้าไปอีกจ้าแม่จ๋า) จากนั้นคุณหมอก็เริ่มสอดท่อจิ๋วพลาสติกที่เราเลือกเข้าไปค่ะ ในขั้นตอนนี้คุณหมอจะใช้เครืองมืออีกตัวบีบปากมดลูกไว้เพื่อไม่ให้ของเหลวที่จะฉีดเข้าไปในท่อนำไข่เค้าไหลย้อนกลับ ตอนนี้ก็จะมีเจ็บจิ๊ดๆ คุณหมอบอกว่างั้น แต่เอาจริงๆเราไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย จากนั้นคุณหมอก็เริ่มฉีดของเหลวที่เป็นสีทึบแสงเข้าไปในมดลูกของเรา โดยคุณหมอจะค่อยๆฉีดเข้าไปช้าๆ จากนั้นเราก็จะเริ่มเห็นสีในมดลูกของเราบนจอมอร์นิเตอร์ คุณหมอก็จะบอกให้จนทรังสีเค้าถ่ายภาพไว้เป็นช๊อทๆ คุณหมออธิบายว่าคุณหมอใช้ค่ารังสีเพียงแค่ 0.2856 mGy ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยมากสำหรับคนไข้ แต่การจะเห็นว่าสีวิ่งมั้ยอาจจะต้องรอเวลาสักหน่อย แต่คุณหมอแกใส่ใจในความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก เลยเลือกใช้ค่ารังสีที่ต่ำ ยังไงก็เห็นภาพเช่นกันค่ะ ปล. หากค่ารังสีสูงมากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถเห็นสีทึบแสงแบบ live ไม่ต้องรอเวลา แต่การที่เราให้ค่ารังสีที่สูงผ่านร่างกายเรามากๆมันก็ไม่ดีต่อร่างกายเราเองน่ะค่ะ คุณหมอแกเลยเลือกแบบปลอดภัยไว้ก่อน
ตอนที่ทำบอกตรงๆเลยว่าไม่รู้สึกอะไร รู้สึกหน่วงตรงปากเป็ดมากกว่า ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดอะไรที่ท้องน้อยแบบที่เคยอ่านรีวิวไว้เลย ถ้าไม่ได้มองจอฉายภาพ ก็ไม่รู้ว่าคุณหมอฉีดสีเข้าไปแล้ว คุณหมอทำอย่างเบามือมากๆค่ะ...จากที่รอลุ้นอยู่ไม่นานสีก็ผ่านท่อนำไข่ด้านซ้ายไปอย่างสบายๆ และคุณหมอกับทีมงานก็รอลุ้นด้านขวาอีกข้าง และแล้วสีก็ผ่านท่อนำไข่ด้านขวาออกมาอย่างฉลุยในที่สุด
สรุปคือท่อนำไข่ของอิชั้นไม่ตันจ้าาาา โอ้ยดีใจมากกกก!!! เจ้าของกระทู้ไม่แน่ใจนะคะว่าที่ไม่ปวดเพราะท่อนำไข่เราไม่ตันหรือเปล่า คนที่ท่อนำไข่ตันก็อาจจะมีอาการต่างไปก็ได้ (คหสต นะคะ)
เสร็จเรียบร้อยนอนพักสักสองสามนาทีก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า น้องพยาบาลให้ผ้าอนามัยมาแผ่นนึงเพราะว่าอาจจะมีของเหลวไหลออกมาก็ให้ใส่ไว้ก่อน จากนั้นไปพบคุณหมอหน้าห้อง บอกไว้ก่อนว่าคุณหมอฉัตรชัยแกมีความ lecturer สูง แกจะมีกระดาษสรุปให้คนไข้ทุกครั้งที่มาพร้อมใส่แฟ้มให้เรียบร้อย ตอนนี้เรามี 2 แฟ้มแล้ว (คราวหน้าจะถือไปด้วยแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองแฟ้มคณหมออีก) คุณหมอบอกว่าหลังจากทำไปอาจจะมีอาการปวดท้องน้อย และอาจจะมีเศษเลือดออกมาบ้างเล็กน้อยไม่ต้องตกใจ คุณหมอจ่ายยาฆ่าเชื้อชื่อ Metronidazole 200mg ให้เราไปกิน 3 วัน เพราะการที่เราฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย อาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่ก็ความเป็นไปได้ที่จะมีอาการแทรกซ้อนมีเพียงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1% เท่านั้น แต่เพื่อความชัวร์ก็กินดักไว้ก่อนเลย กรณีถ้าเพื่อนๆคนไหนไปฉีดสีท่อนำไข่มาแล้วมีอาการแทรกซ้อน เช่นปวดท้องไม่หายให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันทีอย่าได้นิ่งนอนใจ...ส่วนค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 8,717 บาทนะคะ (แพคเกจฉีดสี 6,900 บาท+ ค่ายา 1,597 บาท + ค่าพยาบาล 140 บาท + ค่าบริการโรงพยาบาล 80 บาท)
ก่อนกลับบ้านยังสามารถแวะช้อปปิ้งซื้อกับข้าวที่แมคโครได้เป็นชั่วโมงโดยไม่รู้สึกอะไร ถึงบ้านก็กินข้าวกินยาตามคุณหมอสั่ง แต่เริ่มมีอาการปวดหน่วงเพียงเล็กน้อยมากๆ ตื่นเช้ามาอีกวันก็ปกติไม่ปวดท้องอีกเลย ถือว่าโอเคมากๆค่ะ
นี่แหละค่ะ ประสบการณ์การฉีดสีเช็คท่อนำไข่ของเจ้าของกระทู้ อาจจะยาวหน่อยแต่น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่กำลังตัดสินใจเข้ารับการฉีดสีเช็คท่อนำไข่ และอยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากจะมีบุตรแล้วยังไม่มีสักที ลองไปเช็คดูนะคะว่าคุณมีภาวะมีบุตรยากหรือไม่ ถ้ามีเราจะได้รู้สาเหตุและรักษาให้ถูกจุดค่ะ
นี่เป็นภาพหลังจากฉีดสีเข้าไปปริมาณ 5.5 cc. แล้วสีก็ออกจากท่อนำไข่ทั้งสองข้างตามที่เราวงไว้จ้า
หลังจากนี้เจ้าของกระทู้จะไปต่อที่ การฉีดเชื้อ IUI ค่ะ คิดว่าจะไปทำกับอาจารย์หมอฉัตรชัยคนเดิมนี่หละค่ะ ไว้ยังไงจะมารีวิวอีกนะคะ
ขออวยพรให้ทุกคนที่อยากมีลูกประสบผลสำเร็จกันถ้วนหน้านะคะ ^__^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้