Planet Venus กับ 3 ภารกิจใหม่สู่ดาวศุกร์ (EnVision, Veritas และ Davinci+)




ยานอวกาศ EnVision ของ ESA
Cr. European Space Agency/Paris Observatory/VR2Planets


ในขณะที่ช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีของดาวอังคาร แต่เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2021 ก่อนสิ้นทศวรรษนี้ นาซ่าโดยองค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency - ESA) ประกาศว่าจะเปิดตัวยานสำรวจดาวศุกร์ 2 ลำ เข้าร่วมในงานเฉพาะกิจเพื่อไปศึกษาดาวเคราะห์ดวงที่สองจากดวงอาทิตย์นี้ โดยเลือกยาน " EnVision " ซึ่งเป็นภารกิจยานอวกาศอีกลำมุ่งสู่ฝาแฝดที่ห่อหุ้มด้วยเมฆพิษของเรา ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2031 โดย EnVision ที่มีมูลค่า 610 ล้านยูโร เป็นภารกิจระดับกลางล่าสุดในโครงการวิทยาศาสตร์ของ ESA

เมื่อเปรียบเทียบกับดาวอังคารจะพบว่า ดาวศุกร์มียานอวกาศเข้าเยี่ยมน้อยกว่ามาก แต่นักวิจัยมีความสนใจมากขึ้น ในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของดาวเคราะห์นอกระบบที่คล้ายโลกนี้ โดยตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมดาวศุกร์ถึงกลายเป็นเตาเรือนกระจกที่ร้อนจัด และมีบรรยากาศกรดกำมะถัน (sulfuric acid) ทั้งที่มีความคล้ายคลึงกับโลกมาก 

Venus Express (ภารกิจสำรวจดาวศุกร์ครั้งแรกขององค์การอวกาศยุโรป) ของ ESA นั้น เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2014 ซึ่งช่วยค้นหาส่วนหลังของมหาสมุทรโบราณและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่บนดาวเคราะห์นอกระบบใบนี้  โดย Richard Ghail หัวหน้านักวิทยาศาสตร์จาก Royal Holloway มหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าวว่า การยืนยันหลักฐานนั้นเป็นเป้าหมายหลักของ EnVision และรูปแบบของภูเขาไฟจะบอกเราว่าดาวเคราะห์คล้ายโลกนี้ทำงานอย่างไร


Nasa ประกาศสองภารกิจใหม่ที่จะมีขึ้นระหว่างปี 2028 ถึงปี 2030
ไปยังดาวศุกร์เพื่อตรวจสอบชั้นบรรยากาศ และลักษณะทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์ / ภาพ REUTERS


หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ Esa ได้ประกาศ  Nasa คู่หูในอเมริกาได้เลือกโครงการ Venus ของตัวเองสองโครงการ ที่รู้จักกันในชื่อ " Veritas และ Davinci+"
ซึ่งไม่เพียงมีปลายทางเดียวกัน  แต่ยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะมีส่วนร่วมในความพยายามของกันและกันในรูปแบบของเครื่องมือที่จำเป็นต่อการพัฒนาในระดับปฏิบัติการด้วย

Dr Philippa Mason สมาชิกทีมวิทยาศาสตร์ของ Envision จาก Imperial College London ลอนดอน, สหราชอาณาจักร บอกกับ BBC News ว่า “ภารกิจทั้งสามนี้มีความสมบูรณ์อย่างยิ่ง” และทั้งสามโครงการจะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปลายทศวรรษนี้ สำหรับแคมเปญการสังเกตการณ์ที่ดำเนินไปจากช่วงต้นจนถึงกลางปี ​​​​2030 แต่สำหรับ Envision น่าจะมาถึงประมาณปี 2034/35

โดยภารกิจ " Davinci+ " ย่อมาจาก Deep Atmosphere Venus Investigation of Noble gases, Chemistry and Imaging (การสำรวจชั้นบรรยากาศลึกของดาวศุกร์เกี่ยวกับก๊าซเฉื่อย เคมี และการถ่ายภาพ) จะวัดชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์เพื่อให้เข้าใจถึงการก่อตัวและวิวัฒนาการของมัน นอกจากนี้ ยังจะตั้งเป้าที่จะตรวจสอบว่าดาวศุกร์เคยมีมหาสมุทรหรือไม่



พื้นที่สีเบจอ่อนในแผนผังนี้คือ " tesserae " (Tellus Tessera) เป็นโครงสร้างทางธรณีวิทยาของพื้นผิวของดาวศุกร์
 Cr.https://it.wikipedia.org/wiki/Tellus_Tessera / ภาพ ENVISIONVENUS.EU


Davinci+ คาดว่าจะส่งกลับภาพความละเอียดสูงภาพแรกของลักษณะทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า " tesserae " ของดาวเคราะห์ ที่เป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่เทียบได้กับทวีปต่างๆ ของโลก และการดำรงอยู่แสดงให้เห็นว่า ดาวศุกร์มีการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการก่อตัวของดาวเคราะห์บนพื้นโลกได้ 

ภารกิจที่สอง Veritas (Venus Emissivity, Radio Science, InSAR, Topography และ Spectroscopy) จะทำแผนที่พื้นผิวของดาวเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา และตรวจสอบว่ามันพัฒนาแตกต่างจากโลกอย่างไร โดยใช้รูปแบบของเรดาร์เพื่อทำแผนภูมิสามมิติ ในระดับความสูงของพื้นผิวและยืนยันว่าภูเขาไฟและแผ่นดินไหวยังคงเกิดขึ้นอยู่หรือไม่

นอกจากนี้ ยังจะใช้การสแกนด้วยอินฟราเรดเพื่อระบุประเภทของหินที่ส่วนใหญ่ไม่ทราบลายละเอียอแน่ชัด รวมทั้งภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นสามารถปล่อยไอน้ำ
สู่ชั้นบรรยากาศหรือไม่  โดยภารกิจที่นำโดย NASA นั้น ศูนย์การบินและอวกาศของเยอรมันจะจัดหาเครื่องทำแผนที่อินฟราเรด ในขณะที่หน่วยงานอวกาศอิตาลีและศูนย์แห่งชาติฝรั่งเศส d'Etudes Spatiales จะมีส่วนร่วมในเรดาร์และส่วนอื่น ๆ ของภารกิจ


ภาพซ้ายคือ Earth และขวาคือ Venus ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ทำไมดาวเคราะห์ทั้งสองนี้มีวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน
ซึ่งภารกิจ EnVision มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบคำถามสำคัญเหล่านี้
Cr. European Space Agency / Paris Observatory / VR2Planets


ดาวศุกร์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ที่สุดของโลกนั้น ได้รับความสนใจทางวิทยาศาสตร์น้อยกว่าดาวอังคาร โดยภารกิจเฉพาะครั้งสุดท้ายของ NASA ที่ส่งไปยังดาวศุกร์คือ ยานอวกาศ Magellan ที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในปี 1989 และได้ไปถึงดาวเคราะห์ในปี 1990 หลังจากสี่ปีในวงโคจรที่ทำแผนที่โลกครั้งแรกของพื้นผิวดาวศุกร์ และสร้างแผนภูมิสนามแรงโน้มถ่วงของมัน  Magellan ก็จบภารกิจลง ด้วยการเข้าใกล้ดาวศุกร์จนถูกเผาไหม้

ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเป็นอันดับสอง ด้วยระยะทางประมาณ 67 ล้านไมล์ ซึ่งหนึ่งวันหรือหนึ่งรอบบนดาวศุกร์เท่ากับ 243 วันของโลกเพราะดาวศุกร์หมุนถอยหลัง โดยมีดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออก และพื้นผิวแข็งของดาวศุกร์เป็นภูมิประเทศของภูเขาไฟที่ปกคลุมไปด้วยที่ราบ ซึ่งมีภูเขาไฟสูงและที่ราบสูงที่มีสันเขาอันกว้างใหญ่ มีอุณหภูมิพื้นผิวของดาวเคราะห์ประมาณ 465 องศาเซลเซียสและดาวศุกร์ไม่มีดวงจันทร์

ทั้งนี้ ภารกิจ EnVision นั้นอยู่ในผลงานมากว่าทศวรรษ รุ่นแรกของมันถูกปฏิเสธมากว่าห้าปีเนื่องจากมีราคาแพงเกินไป แต่ตอนนี้ นาซ่ากำลังพิจารณาจัดหาเรดาร์สำรวจพื้นผิวไปยังดาวศุกร์ และเชื่อมั่นว่า EnVision จะนำความสามารถนี้ไปได้ ทำให้ข้อเสนอเบื้องต้นนี้มีความสำคัญขึ้น และจำเป็นต้องลดต้นทุนลงเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเริ่มต้นของการนำมาใช้

แผนของนาซาคือ EnVision จะถูกปล่อยด้วยจรวด Ariane 6 เป็นเวลาประมาณห้าเดือน จากนั้น เข้าสู่วงโคจรเป็นวงกลมรอบดาวศุกร์หลังจากระยะเวลา aerobraking period หกเดือน หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะมีเชื้อเพลิงเหลือเพียงพอที่จะคงวงโคจรไว้ได้สี่ปี และครอบคลุมอย่างน้อยหกรอบเต็ม
(1 รอบ = 1 วันดาวศุกร์ 243 วันโลก)



ภารกิจ Veritas ( Venus Emissivity, Radio Science, InSAR, Topography และ Spectroscopy )



ภาพจำลองการเข้าสู่บรรยากาศของดาวศุกร์ของยาน DAVINCI+
เมื่อ DAVINCI+ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ ตอนแรกจะใช้ร่มชูชีพเพื่อชะลอความเร็ว จากนั้นจึงโยนทิ้งและตกลงสู่พื้นผิวอย่างอิสระ
Cr.การสร้างภาพ GSFC ของ NASA และ CI Labs Michael Lentz และเพื่อนร่วมงาน
Cr.https://astronomy.com/sitefiles/resources/image.aspx?item={B1113D25-C4D1-499E-BCD3-52C2793C9F99}



Cr.https://www.thespacereview.com/article/3891/1 / โดย Arwen Rimmer

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่