นิคเป็นอะไรไป...
เอมี่เฝ้าถามตัวเองด้วยความงุนงงสงสัยเป็นอันมาก ผสมกับความน้อยใจ ขณะลอบมองเขาผ่านช่องประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่ เธอไม่กล้าเข้าไปหาเขาอีก รู้สึกหวั่นเกรงกับท่าทางก้าวร้าวหยาบกระด้างของเขาอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่นั่งกอดเข่าเป็นทุกข์อยู่บนเก้าอี้นวมหน้าห้องนอน...หรือว่านี่จะเป็นนิสัยอันแท้จริงของนิค ตลอดหลายปีที่คบกันเป็นแฟน เขาปกปิดตัวตนมาโดยตลอด แต่พอจะดังขึ้นมา ถึงค่อยเผยออกมาให้เห็น อาจเป็นไปได้...หญิงสาวครุ่นคิดอย่างเจ็บปวดใจอยู่ตามลำพัง!
เมี้ยววว...
เอมี่หันขวับไปทางเสียงแมวร้อง รู้สึกคุ้นกับเสียงของมันอย่างประหลาด เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แล้วเธอก็ต้องเบิกตาโต จ้องมองแมวสีดำตัวหนึ่ง ที่หมอบนิ่งอยู่ใกล้กระเป๋าใส่กีตาร์สีแดงตรงมุมห้อง ตาเหลืองวาวของมันจ้องมองมาที่เธอเขม็ง ทันทีนั้นเอง เอมี่ก็จำมันได้ มันคือแมวสีดำตัวใหญ่ ที่หมอบอยู่บนระเบียงตึก ข้างร้านขายของเก่านั่นเอง!
เมื่อเห็นเธอมองมา มันก็ยืดตัวลุกขึ้นจากท่าหมอบ พอสบกับนัยน์ตาสีเหลืองสุกสว่างของมัน ความรู้สึกก็ราวกับต้องมนต์สะกด หญิงสาวเกิดอาการเลอะเลือนมึนงง สติเหมือนไม่อยู่กับตัว สายตาถูกดึงดูดให้จับจ้องไปยังร่างของสัตว์ตัวน้อยขนสีดำ ที่ยืนบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ครู่หนึ่งมันจึงย่างเท้าออกเดินอย่างเชื่องช้าไปที่ประตูห้อง ใบหน้าเล็ก ๆ ของมันเหลียวมามอง ก่อนพยักน้อย ๆ หมือนเชิญชวนให้เดินตามมา เอมี่ลุกขึ้นจากท่านั่ง สาวเท้าตามร่างสีดำออกประตูห้องไปอย่างเลื่อนลอย
จนเมื่อพบว่าตัวเองกำลังลงมายืนอยู่หน้าร้านขายของเก่าร้านเดิม หญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัว กะพริบตาถี่ สลัดศีรษะไล่ความเลอะเลือนมึนงง ก่อนเริ่มต้นเค้นความทรงจำ...เธอลงมาได้อย่างไร มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้ตัวเลย
ครุ่นคิดอย่างตื่นตระหนก หรือว่าเธอเผลอหลับไป แล้วละเมอลุกเดินออกจากห้องลงมา
บ้าน่า! จำได้ว่าตัวเองไม่เคยนอนละเมอมาก่อน
ขณะจะหันหลังกลับ ก็เหลือบเห็นชายแก่เจ้าของร้านนั่งนิ่ง เหมือนกำลังรอใครอยู่ข้างในร้านพอดี แกลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเธอมองผ่านกระจกใสหน้าร้านเข้ามา พลางพยักหน้าเรียก เอมี่หันมองซ้ายขวา ไม่แน่ใจว่าแกเรียกใคร แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามทางเดิน ก็ไม่เห็นมีใครแสดงทีท่าจะเข้าไปหาแกเลยสักคน เมื่อไม่มีใครอื่นอีก เอมี่จึงจิ้มนิ้วชี้ที่หน้าอกตัวเอง ชายแก่ค้อมศีรษะลง หญิงสาวยืนลังเลว่าควรจะเข้าไปดีไหม...และจะเข้าไปทำไม
พลันเสียงแหบพร่าก็ดังก้องออกมาจากข้างในร้าน ให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้นอยู่
"กำลังทุกข์ใจเรื่องแฟนแต่งเพลงไม่ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันช่วยพวกเธอได้นะ เข้ามาก่อนสิ"
ตอนที่ 9
ฟรังโก้อยู่บนถนนบรอดเวย์ กำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังย่านมิดทาวน์ ดัวยหัวใจที่ร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ข้างใน เขาภาวนาให้ตัวเองไปทันก่อนที่เอมี่จะตัดสินใจ
"อย่าเพิ่งนะ เอมี่ รอฉันก่อน ฉันกำลังไปหาเธอเดี๋ยวนี้แล้ว"
เขาพึมพำกับตัวเอง เหมือนอยากสื่อไปให้ถึงเอมี่ด้วย ระหว่างขับรถมาก็ครุ่นคิดไปถึงเรื่องที่หญิงสาวเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ และบางอย่างที่เขาเข้าไปพบโดยบังเอิญในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะตัดสินใจคว้ากุญแจรถ ขับมาหาเอมี่ที่อะพาร์ตเม้นต์ของนิค ด้วยความเร่งร้อน
"มันเป็นกลลวงของซาตาน ระวังตาแก่นั่นนะ เขาอาจไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา"
เวลานั้นเขาร้องห้ามเธอไปตามสายเสียงลั่น อ้อนวอนเธอขอให้เชื่อเขาสักครั้ง
เพราะเรื่องที่เธอเล่ามานั้น ทำให้เขานึกไปถึงเรื่องของอัลแบโต้เมื่อหลายปีก่อน พี่ชายของเขาก็เคยสารภาพว่า แอบไปทำสัญญาบางอย่างกับชายแก่เจ้าของร้านขายของเก่า ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นนักกีตาร์ฝีมือฉกาจเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งฟรังโก้มั่นใจมากว่า มันจะต้องเป็นสัญญาของซาตาน เพื่อแลกกับการเล่นดนตรีอันเยี่ยมยอดของพี่ชายตัวเอง เหมือนอย่างเคยได้ยินเรื่องเล่าของนักกีตาร์ที่ชื่อโรเบิร์ต จอห์นสัน
ก็คนธรรมดาที่ไหนกัน จะพัฒนาทักษะการเล่นกีตาร์ได้รวดเร็ว ราวกับมีพรวิเศษแบบนั้น เขาต้องไปให้เห็นกับตาตัวเองว่า ชายแก่เจ้าของร้านขายของเก่า มีรูปร่างหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร มีกลิ่นไอหรือสัญลักษณ์ของซาตานตรงไหนหรือเปล่า เขาสงสัยว่าชายชราคนนั้นจะต้องเป็นคนเดียวกันกับที่ให้กีตาร์อัลแบโต้มาแน่ เพราะเอมี่เล่าให้ฟังอีกว่า
"เขาว่ามันเป็นแค่สัญญาซื้อขายพรสวรรค์กันเท่านั้นนะฟรั้ง...บางทีมันอาจเป็นข้อตกลงที่ไม่อันตรายอะไร ฉันอยากลองดู...อยากจะช่วยนิคจัง ถ้าเธอได้มาเห็นนิคตอนนี้ เธอก็จะเข้าใจ...ตาแก่นั่นบอกว่าที่นิคเกิดแต่งเพลงไม่ได้ เป็นเพราะพรสวรรค์ด้านนี้ของเขาขาดหายไปกะทันหัน จากอาถรรพ์ของกีตาร์สีแดงตัวนั้น มันคงเป็นกีตาร์ของพวกลัทธิวูดู กีตาร์ตัวนั้นมันโกรธที่เขาไม่ยอมเล่นมันอีก และถ้าเขาไม่ได้รับพรสวรรค์เพิ่มเติมจากฉัน อีกหน่อยเขาก็จะลืมการร้องเพลง จนร้องไม่ได้อีกเลย ฟรั้ง...ฉันควรทำไงดี"
"มันอาจเป็นแค่คำขู่ ใจเย็น เอมี่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
"ฉันเพิ่งขึ้นมาจากร้านตาแก่ อยู่นอกห้องนอน ฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้นิคฟัง เขากำลังอารมณ์ไม่ดี คิดว่าตอนนี้เขาคงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น นิคหัวเสียมากที่อยู่ ๆ ก็เกิดคิดทำนองไม่ออกขึ้นมาอีก บอกว่าลืมทำนองเพลงไปเสียเฉย ๆ เขาปิดประตูห้องนอนใส่หน้าฉันด้วยซ้ำ"
"รอเดี๋ยวนะเอมี่ รอฉันก่อน อย่าเพิ่งตกลงอะไรกับตาแก่นั่น ฉันกำลังไป"
แล้วฟรังโก้ก็ขับรถมาด้วยความเร็วสูงสุด เท่าที่กฎหมายกำหนด...ต้องไปช่วยเอมี่ให้ไว ก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน พวกมันคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าวันนี้เขาไปพบอะไรในตู้เสื้อผ้าเข้า...บ้าฉิบ!
ถนนเส้นหลักข้างหน้ามียวดยานค่อนข้างหนาแน่น ตึกสูงสองข้างทางไหลเรื่อยไปตามการเคลื่อนที่ผ่านของรถ พาหนะคันหรูกำลังพาเขาทะยานเข้าสู่ย่านมิดทาวน์ ต่อไปเขาจะต้องตัดเข้าเอวีนิวสายรอง เพื่อไปยังอะพาร์ตเม้นท์ของนิคให้ทันเวลา ฟรังโก้เหยียบคันเร่งส่งเมื่อรถเลี้ยวผ่านโค้งมุมถนนมาแล้ว
หง๊าว! กรรส์!
แต่ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็อุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ ผงะหงายไปข้างหลัง เมื่อร่างสีดำโผล่พรวดออกมาจากข้างใต้เบาะนั่ง แบบที่เขาไม่ทันระวังตัว เขาปล่อยมือจากพวงมาลัยรถ ตะปบร่างขนปุกปุยที่กระโจนเข้าใส่ใบหน้าเขาอย่างมุ่งร้าย เท้าเหยียบเบรกเต็มแรง ตามสัญชาตญาณมากกว่าจะตั้งใจหยุดรถ เสียงล้อบดผิวถนนดังเสียดประสาท รถเสียหลักหลุดพ้นการควบคุม หมุนคว้างเอาด้านข้างเหวี่ยงเข้ากระแทกกับตัวตึกข้างทาง เสียงดังสนั่น
โครม!
(โปรดติดตามในกระทู้หน้า)
กีตาร์ล่าวิญญาณ ตอนที่ 8 (ต่อ) ตอนที่ 9
เอมี่เฝ้าถามตัวเองด้วยความงุนงงสงสัยเป็นอันมาก ผสมกับความน้อยใจ ขณะลอบมองเขาผ่านช่องประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่ เธอไม่กล้าเข้าไปหาเขาอีก รู้สึกหวั่นเกรงกับท่าทางก้าวร้าวหยาบกระด้างของเขาอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่นั่งกอดเข่าเป็นทุกข์อยู่บนเก้าอี้นวมหน้าห้องนอน...หรือว่านี่จะเป็นนิสัยอันแท้จริงของนิค ตลอดหลายปีที่คบกันเป็นแฟน เขาปกปิดตัวตนมาโดยตลอด แต่พอจะดังขึ้นมา ถึงค่อยเผยออกมาให้เห็น อาจเป็นไปได้...หญิงสาวครุ่นคิดอย่างเจ็บปวดใจอยู่ตามลำพัง!
เมี้ยววว...
เอมี่หันขวับไปทางเสียงแมวร้อง รู้สึกคุ้นกับเสียงของมันอย่างประหลาด เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แล้วเธอก็ต้องเบิกตาโต จ้องมองแมวสีดำตัวหนึ่ง ที่หมอบนิ่งอยู่ใกล้กระเป๋าใส่กีตาร์สีแดงตรงมุมห้อง ตาเหลืองวาวของมันจ้องมองมาที่เธอเขม็ง ทันทีนั้นเอง เอมี่ก็จำมันได้ มันคือแมวสีดำตัวใหญ่ ที่หมอบอยู่บนระเบียงตึก ข้างร้านขายของเก่านั่นเอง!
เมื่อเห็นเธอมองมา มันก็ยืดตัวลุกขึ้นจากท่าหมอบ พอสบกับนัยน์ตาสีเหลืองสุกสว่างของมัน ความรู้สึกก็ราวกับต้องมนต์สะกด หญิงสาวเกิดอาการเลอะเลือนมึนงง สติเหมือนไม่อยู่กับตัว สายตาถูกดึงดูดให้จับจ้องไปยังร่างของสัตว์ตัวน้อยขนสีดำ ที่ยืนบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ครู่หนึ่งมันจึงย่างเท้าออกเดินอย่างเชื่องช้าไปที่ประตูห้อง ใบหน้าเล็ก ๆ ของมันเหลียวมามอง ก่อนพยักน้อย ๆ หมือนเชิญชวนให้เดินตามมา เอมี่ลุกขึ้นจากท่านั่ง สาวเท้าตามร่างสีดำออกประตูห้องไปอย่างเลื่อนลอย
จนเมื่อพบว่าตัวเองกำลังลงมายืนอยู่หน้าร้านขายของเก่าร้านเดิม หญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัว กะพริบตาถี่ สลัดศีรษะไล่ความเลอะเลือนมึนงง ก่อนเริ่มต้นเค้นความทรงจำ...เธอลงมาได้อย่างไร มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้ตัวเลย
ครุ่นคิดอย่างตื่นตระหนก หรือว่าเธอเผลอหลับไป แล้วละเมอลุกเดินออกจากห้องลงมา
บ้าน่า! จำได้ว่าตัวเองไม่เคยนอนละเมอมาก่อน
ขณะจะหันหลังกลับ ก็เหลือบเห็นชายแก่เจ้าของร้านนั่งนิ่ง เหมือนกำลังรอใครอยู่ข้างในร้านพอดี แกลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเธอมองผ่านกระจกใสหน้าร้านเข้ามา พลางพยักหน้าเรียก เอมี่หันมองซ้ายขวา ไม่แน่ใจว่าแกเรียกใคร แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามทางเดิน ก็ไม่เห็นมีใครแสดงทีท่าจะเข้าไปหาแกเลยสักคน เมื่อไม่มีใครอื่นอีก เอมี่จึงจิ้มนิ้วชี้ที่หน้าอกตัวเอง ชายแก่ค้อมศีรษะลง หญิงสาวยืนลังเลว่าควรจะเข้าไปดีไหม...และจะเข้าไปทำไม
พลันเสียงแหบพร่าก็ดังก้องออกมาจากข้างในร้าน ให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้นอยู่
"กำลังทุกข์ใจเรื่องแฟนแต่งเพลงไม่ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันช่วยพวกเธอได้นะ เข้ามาก่อนสิ"
ตอนที่ 9
ฟรังโก้อยู่บนถนนบรอดเวย์ กำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังย่านมิดทาวน์ ดัวยหัวใจที่ร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ข้างใน เขาภาวนาให้ตัวเองไปทันก่อนที่เอมี่จะตัดสินใจ
"อย่าเพิ่งนะ เอมี่ รอฉันก่อน ฉันกำลังไปหาเธอเดี๋ยวนี้แล้ว"
เขาพึมพำกับตัวเอง เหมือนอยากสื่อไปให้ถึงเอมี่ด้วย ระหว่างขับรถมาก็ครุ่นคิดไปถึงเรื่องที่หญิงสาวเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ และบางอย่างที่เขาเข้าไปพบโดยบังเอิญในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะตัดสินใจคว้ากุญแจรถ ขับมาหาเอมี่ที่อะพาร์ตเม้นต์ของนิค ด้วยความเร่งร้อน
"มันเป็นกลลวงของซาตาน ระวังตาแก่นั่นนะ เขาอาจไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา"
เวลานั้นเขาร้องห้ามเธอไปตามสายเสียงลั่น อ้อนวอนเธอขอให้เชื่อเขาสักครั้ง
เพราะเรื่องที่เธอเล่ามานั้น ทำให้เขานึกไปถึงเรื่องของอัลแบโต้เมื่อหลายปีก่อน พี่ชายของเขาก็เคยสารภาพว่า แอบไปทำสัญญาบางอย่างกับชายแก่เจ้าของร้านขายของเก่า ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นนักกีตาร์ฝีมือฉกาจเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งฟรังโก้มั่นใจมากว่า มันจะต้องเป็นสัญญาของซาตาน เพื่อแลกกับการเล่นดนตรีอันเยี่ยมยอดของพี่ชายตัวเอง เหมือนอย่างเคยได้ยินเรื่องเล่าของนักกีตาร์ที่ชื่อโรเบิร์ต จอห์นสัน
ก็คนธรรมดาที่ไหนกัน จะพัฒนาทักษะการเล่นกีตาร์ได้รวดเร็ว ราวกับมีพรวิเศษแบบนั้น เขาต้องไปให้เห็นกับตาตัวเองว่า ชายแก่เจ้าของร้านขายของเก่า มีรูปร่างหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร มีกลิ่นไอหรือสัญลักษณ์ของซาตานตรงไหนหรือเปล่า เขาสงสัยว่าชายชราคนนั้นจะต้องเป็นคนเดียวกันกับที่ให้กีตาร์อัลแบโต้มาแน่ เพราะเอมี่เล่าให้ฟังอีกว่า
"เขาว่ามันเป็นแค่สัญญาซื้อขายพรสวรรค์กันเท่านั้นนะฟรั้ง...บางทีมันอาจเป็นข้อตกลงที่ไม่อันตรายอะไร ฉันอยากลองดู...อยากจะช่วยนิคจัง ถ้าเธอได้มาเห็นนิคตอนนี้ เธอก็จะเข้าใจ...ตาแก่นั่นบอกว่าที่นิคเกิดแต่งเพลงไม่ได้ เป็นเพราะพรสวรรค์ด้านนี้ของเขาขาดหายไปกะทันหัน จากอาถรรพ์ของกีตาร์สีแดงตัวนั้น มันคงเป็นกีตาร์ของพวกลัทธิวูดู กีตาร์ตัวนั้นมันโกรธที่เขาไม่ยอมเล่นมันอีก และถ้าเขาไม่ได้รับพรสวรรค์เพิ่มเติมจากฉัน อีกหน่อยเขาก็จะลืมการร้องเพลง จนร้องไม่ได้อีกเลย ฟรั้ง...ฉันควรทำไงดี"
"มันอาจเป็นแค่คำขู่ ใจเย็น เอมี่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
"ฉันเพิ่งขึ้นมาจากร้านตาแก่ อยู่นอกห้องนอน ฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้นิคฟัง เขากำลังอารมณ์ไม่ดี คิดว่าตอนนี้เขาคงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น นิคหัวเสียมากที่อยู่ ๆ ก็เกิดคิดทำนองไม่ออกขึ้นมาอีก บอกว่าลืมทำนองเพลงไปเสียเฉย ๆ เขาปิดประตูห้องนอนใส่หน้าฉันด้วยซ้ำ"
"รอเดี๋ยวนะเอมี่ รอฉันก่อน อย่าเพิ่งตกลงอะไรกับตาแก่นั่น ฉันกำลังไป"
แล้วฟรังโก้ก็ขับรถมาด้วยความเร็วสูงสุด เท่าที่กฎหมายกำหนด...ต้องไปช่วยเอมี่ให้ไว ก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน พวกมันคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าวันนี้เขาไปพบอะไรในตู้เสื้อผ้าเข้า...บ้าฉิบ!
ถนนเส้นหลักข้างหน้ามียวดยานค่อนข้างหนาแน่น ตึกสูงสองข้างทางไหลเรื่อยไปตามการเคลื่อนที่ผ่านของรถ พาหนะคันหรูกำลังพาเขาทะยานเข้าสู่ย่านมิดทาวน์ ต่อไปเขาจะต้องตัดเข้าเอวีนิวสายรอง เพื่อไปยังอะพาร์ตเม้นท์ของนิคให้ทันเวลา ฟรังโก้เหยียบคันเร่งส่งเมื่อรถเลี้ยวผ่านโค้งมุมถนนมาแล้ว
หง๊าว! กรรส์!
แต่ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็อุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ ผงะหงายไปข้างหลัง เมื่อร่างสีดำโผล่พรวดออกมาจากข้างใต้เบาะนั่ง แบบที่เขาไม่ทันระวังตัว เขาปล่อยมือจากพวงมาลัยรถ ตะปบร่างขนปุกปุยที่กระโจนเข้าใส่ใบหน้าเขาอย่างมุ่งร้าย เท้าเหยียบเบรกเต็มแรง ตามสัญชาตญาณมากกว่าจะตั้งใจหยุดรถ เสียงล้อบดผิวถนนดังเสียดประสาท รถเสียหลักหลุดพ้นการควบคุม หมุนคว้างเอาด้านข้างเหวี่ยงเข้ากระแทกกับตัวตึกข้างทาง เสียงดังสนั่น
โครม!
(โปรดติดตามในกระทู้หน้า)