คุยกันก่อนอ่าน
#เนื่องจากท่านผู้อ่านหลายท่านบอกกับลิว่า มนต์เพลงซาตานที่ลิเขียนต่อจากเรื่องสั้นกีต้าร์มารของอาจารย์ GTW อ่านสนุกแต่สั้นไปหน่อย ตามประสาคนบ้ายอที่พอถูกชมก็ฮึกเหิม ลิจึงคิดอยากเขียนให้เป็นเรื่องยาวโดยเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ ขยายเนื้อเรื่องออกให้ตื่นเต้นมากขึ้น เรื่องใหม่นี้ลิได้ปรึกษาขอคำแนะนำจากอาจารย์ GTW และท่านได้อนุเคราะห์เรื่องสั้นของท่านให้เป็นบทนำ ลิขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ#
กีต้าร์ล่าวิญญาณ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
กีตาร์นรกตัวนั้นสีแดงคล้ำเหมือนอาบด้วยโลหิตสดๆ ก่อนนำไปผึ่งแดดจนแห้งกรังเหมือนผีตายซาก สภาพของมันคล้ายทำมาจากกระดูกท่อนใหญ่เล็กสั้นยาว ถักสอดไขว้ร้อยประสานซับซ้อน ผนวกเส้นเอ็นบูดเบี้ยวจนมีรูปทรงเป็นรูปตัวกีตาร์ชวนขยะแขยง ลูกบิดเป็นรูปท่อนกระดูกหกชิ้นเสียบฝังเข้าไปในขมับของหัวกะโหลก ยามสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นชืดหยุ่นเหนียวชวนสยองแสยง ดั่งห่อหุ้มด้วยหนังมนุษย์ ยามกรีดนิ้วลงไปบนสายจะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญ บาดลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ
................................................................................
บทนำ
กรุงโรม...อิตาลี
ร้านขายของเก่าแห่งนี้ อัลแบโต้ เดสเต แน่ใจว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ทั้งที่มันตั้งอยู่บริเวณปากซอยในซอกตึกแคบๆ ใกล้กับอะพาร์ตเม้นต์ของเขา ห่างกันไม่เกินสามร้อยเมตรเท่านั้น เป็นร้านขนาดหนึ่งคูหา ตกแต่งหน้าร้านด้วยสไตล์ลอฟท์ที่ดูเถื่อนดิบทึมทึบ มองทะลุประตูกระจกใสบานใหญ่เข้าไปเห็นภายในวางสิ่งของระเกะระกะเต็มไปหมด
มันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่เคยเห็น...ชายหนุ่มนึกสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ เพราะส่วนใหญ่เขามักจะขับรถยนต์ของตัวเองไปกลับที่พักเลย ไม่ได้เดินออกมาปากซอยเหมือนอย่างวันนี้ เป็นเพราะตื่นขึ้นมาเช้านี้พอแต่งตัวเสร็จจะออกไปซ้อมดนตรีกับวง ก็เจอเข้ากับเรื่องชวนหงุดหงิดเสียก่อน เจ้าเก๋งสปอร์ตคันเก่งเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาดื้อๆ แต่เพราะว่ายังไม่มีเวลาจัดการกับมันก็เลยต้องปล่อยทิ้งไว้ แล้วตัดสินใจเดินออกมาเพื่อเรียกแท็กซี่ไปห้องซ้อมแทน จนมาเจอร้านขายของเก่านี้เข้า ด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้นึกสนใจอยากเข้าไปดูสิ่งของข้างใน แม้อีกใจหนึ่งค้านว่าเขากำลังจะสาย
ไม่เป็นไรน่า แค่แวะเข้าไปดูแป๊บเดียวเอง ไปสายนิดหน่อยไอ้พวกเพื่อนในวงไม่ว่าอะไรหรอก...
อัลแบโต้คิดเข้าข้างตัวเอง เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขารู้สึกเสมอว่าตัวเองไม่ใช่มือกีต้าร์คนสำคัญเท่ากับเคลาดิโอ เปโต มือกีต้าร์อีกคนของวงที่เพื่อนๆ ให้ฉายาว่ากีต้าร์เทพเจ้า เขานึกถึงนักกีต้าร์รุ่นน้องอย่างขุ่นเคือง...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้หมอนั่นมันยังเคยขอให้เขาสอนเล่นกีต้าร์ด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้มันกลับแซงหน้าเขาไปไกลลิบ กลายเป็นนักกีต้าร์มือหนึ่งของวงไปแล้ว
ในที่สุดความสงสัยใคร่รู้ก็ชนะ เขาเดินเข้าไปใกล้ หยุดสังเกตดูหน้าร้านอีกทีก่อนเหลียวมองผู้คนเดินผ่านไปมา...ไม่ยักเห็นมีใครทำท่าสนใจมองมาทางร้านเลยสักคน จะเข้าไปดีไหมนะ คิดพลางยังยืนลังเลอยู่บริเวณหน้าร้าน
เมี้ยว...สะดุ้งน้อยๆ กับเสียงแมวไร้สังกัดสีดำตัวเขื่องที่หมอบดูท่าทีอยู่บนกำแพงข้างร้าน มันร้องขึ้นราวกับเร่งให้เขาเข้าไปข้างใน พร้อมจ้องตาสีเหลืองวาววามมองมา แมวดำตัวนี้เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
อัลแบโต้พยักหน้ายิ้มให้สัตว์ตัวน้อยก่อนหันมาเพ่งมองเข้าไปในร้านใหม่ กวาดสายตาผ่านสิ่งของน้อยใหญ่กระทั่งมาสะดุดอยู่ที่กีตาร์สีแดงตัวหนึ่งซึ่งแขวนอยู่บนผนัง เรียงรายล้อมรอบไปด้วยข้าวของแปลกตาน่าขนหัวลุก เจ้าเครื่องดนตรีที่เหมือนถูกชโลมด้วยเลือดสดๆ สงบนิ่งอยู่บนนั้น คล้ายกำลังรอเขาอยู่อย่างเยือกเย็น
พอเห็นมันเข้าอัลแบโต้ก็คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เขาผลักประตูขอบไม้สีดำสนิทติดบานกระจกใสเดินเข้าไปภายในอย่างเลื่อนลอย ก้าวผ่านกะโหลกศีรษะสัตว์นานาชนิด อาวุธโบราณประเภท มีด ดาบ โล่ หรืออะไรทำนองนั้น หนังสือเก่าแก่หน้าปกมีตัวอักษรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จอก ถ้วย แก้วรูปทรงประหลาด ซากสัตว์ตากแห้งพิกลพิการ และสิ่งของสยองอื่นๆ มากมาย มีทั้งวางอยู่บนชั้น กองอยู่กับพื้น และที่ใช้ประดับผนัง แต่สิ่งของเหล่านั้นเหมือนมีเพื่อเป็นองค์ประกอบ ขับเน้นให้เห็นกีตาร์ตัวนั้นโดดเด่นขึ้นมาโดยเฉพาะ
กระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าเครื่องดนตรีสีสันแปลกตา อัลแบโต้จ้องมองมันอย่างหลงใหลชื่นชม...ให้ตายเถอะ กีต้าร์ตัวนี้ทำไมยิ่งดูก็ยิ่งสวยงาม มันเป็นความงามที่สั่นประสาทคนมองไปพร้อมกัน เหมาะกับมือกีตาร์ประเภท เฮพวี่ เมทัล อย่างเขามาก
"คุณสนใจกีตาร์ตัวนั้น…" เสียงต่ำลึกแหบพร่าดังมาจากข้างหลัง ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง หันไปมองชายชราผู้เก่าแก่พอๆ กับข้าวของในร้านซึ่งกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน พอจะเดาออกว่าแกคงเป็นเจ้าของร้าน หรือไม่ก็อาจเป็นคนดูแลร้าน
กีต้าร์ล่าวิญญาณ (มนต์เพลงซาตานรีไร้ท์)
#เนื่องจากท่านผู้อ่านหลายท่านบอกกับลิว่า มนต์เพลงซาตานที่ลิเขียนต่อจากเรื่องสั้นกีต้าร์มารของอาจารย์ GTW อ่านสนุกแต่สั้นไปหน่อย ตามประสาคนบ้ายอที่พอถูกชมก็ฮึกเหิม ลิจึงคิดอยากเขียนให้เป็นเรื่องยาวโดยเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ ขยายเนื้อเรื่องออกให้ตื่นเต้นมากขึ้น เรื่องใหม่นี้ลิได้ปรึกษาขอคำแนะนำจากอาจารย์ GTW และท่านได้อนุเคราะห์เรื่องสั้นของท่านให้เป็นบทนำ ลิขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ#
โดย...ล. วิลิศมาหรา
กีตาร์นรกตัวนั้นสีแดงคล้ำเหมือนอาบด้วยโลหิตสดๆ ก่อนนำไปผึ่งแดดจนแห้งกรังเหมือนผีตายซาก สภาพของมันคล้ายทำมาจากกระดูกท่อนใหญ่เล็กสั้นยาว ถักสอดไขว้ร้อยประสานซับซ้อน ผนวกเส้นเอ็นบูดเบี้ยวจนมีรูปทรงเป็นรูปตัวกีตาร์ชวนขยะแขยง ลูกบิดเป็นรูปท่อนกระดูกหกชิ้นเสียบฝังเข้าไปในขมับของหัวกะโหลก ยามสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นชืดหยุ่นเหนียวชวนสยองแสยง ดั่งห่อหุ้มด้วยหนังมนุษย์ ยามกรีดนิ้วลงไปบนสายจะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญ บาดลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ
บทนำ
กรุงโรม...อิตาลี
ร้านขายของเก่าแห่งนี้ อัลแบโต้ เดสเต แน่ใจว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ทั้งที่มันตั้งอยู่บริเวณปากซอยในซอกตึกแคบๆ ใกล้กับอะพาร์ตเม้นต์ของเขา ห่างกันไม่เกินสามร้อยเมตรเท่านั้น เป็นร้านขนาดหนึ่งคูหา ตกแต่งหน้าร้านด้วยสไตล์ลอฟท์ที่ดูเถื่อนดิบทึมทึบ มองทะลุประตูกระจกใสบานใหญ่เข้าไปเห็นภายในวางสิ่งของระเกะระกะเต็มไปหมด
มันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่เคยเห็น...ชายหนุ่มนึกสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ เพราะส่วนใหญ่เขามักจะขับรถยนต์ของตัวเองไปกลับที่พักเลย ไม่ได้เดินออกมาปากซอยเหมือนอย่างวันนี้ เป็นเพราะตื่นขึ้นมาเช้านี้พอแต่งตัวเสร็จจะออกไปซ้อมดนตรีกับวง ก็เจอเข้ากับเรื่องชวนหงุดหงิดเสียก่อน เจ้าเก๋งสปอร์ตคันเก่งเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาดื้อๆ แต่เพราะว่ายังไม่มีเวลาจัดการกับมันก็เลยต้องปล่อยทิ้งไว้ แล้วตัดสินใจเดินออกมาเพื่อเรียกแท็กซี่ไปห้องซ้อมแทน จนมาเจอร้านขายของเก่านี้เข้า ด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้นึกสนใจอยากเข้าไปดูสิ่งของข้างใน แม้อีกใจหนึ่งค้านว่าเขากำลังจะสาย
ไม่เป็นไรน่า แค่แวะเข้าไปดูแป๊บเดียวเอง ไปสายนิดหน่อยไอ้พวกเพื่อนในวงไม่ว่าอะไรหรอก...
อัลแบโต้คิดเข้าข้างตัวเอง เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขารู้สึกเสมอว่าตัวเองไม่ใช่มือกีต้าร์คนสำคัญเท่ากับเคลาดิโอ เปโต มือกีต้าร์อีกคนของวงที่เพื่อนๆ ให้ฉายาว่ากีต้าร์เทพเจ้า เขานึกถึงนักกีต้าร์รุ่นน้องอย่างขุ่นเคือง...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้หมอนั่นมันยังเคยขอให้เขาสอนเล่นกีต้าร์ด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้มันกลับแซงหน้าเขาไปไกลลิบ กลายเป็นนักกีต้าร์มือหนึ่งของวงไปแล้ว
ในที่สุดความสงสัยใคร่รู้ก็ชนะ เขาเดินเข้าไปใกล้ หยุดสังเกตดูหน้าร้านอีกทีก่อนเหลียวมองผู้คนเดินผ่านไปมา...ไม่ยักเห็นมีใครทำท่าสนใจมองมาทางร้านเลยสักคน จะเข้าไปดีไหมนะ คิดพลางยังยืนลังเลอยู่บริเวณหน้าร้าน
เมี้ยว...สะดุ้งน้อยๆ กับเสียงแมวไร้สังกัดสีดำตัวเขื่องที่หมอบดูท่าทีอยู่บนกำแพงข้างร้าน มันร้องขึ้นราวกับเร่งให้เขาเข้าไปข้างใน พร้อมจ้องตาสีเหลืองวาววามมองมา แมวดำตัวนี้เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
อัลแบโต้พยักหน้ายิ้มให้สัตว์ตัวน้อยก่อนหันมาเพ่งมองเข้าไปในร้านใหม่ กวาดสายตาผ่านสิ่งของน้อยใหญ่กระทั่งมาสะดุดอยู่ที่กีตาร์สีแดงตัวหนึ่งซึ่งแขวนอยู่บนผนัง เรียงรายล้อมรอบไปด้วยข้าวของแปลกตาน่าขนหัวลุก เจ้าเครื่องดนตรีที่เหมือนถูกชโลมด้วยเลือดสดๆ สงบนิ่งอยู่บนนั้น คล้ายกำลังรอเขาอยู่อย่างเยือกเย็น
พอเห็นมันเข้าอัลแบโต้ก็คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เขาผลักประตูขอบไม้สีดำสนิทติดบานกระจกใสเดินเข้าไปภายในอย่างเลื่อนลอย ก้าวผ่านกะโหลกศีรษะสัตว์นานาชนิด อาวุธโบราณประเภท มีด ดาบ โล่ หรืออะไรทำนองนั้น หนังสือเก่าแก่หน้าปกมีตัวอักษรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จอก ถ้วย แก้วรูปทรงประหลาด ซากสัตว์ตากแห้งพิกลพิการ และสิ่งของสยองอื่นๆ มากมาย มีทั้งวางอยู่บนชั้น กองอยู่กับพื้น และที่ใช้ประดับผนัง แต่สิ่งของเหล่านั้นเหมือนมีเพื่อเป็นองค์ประกอบ ขับเน้นให้เห็นกีตาร์ตัวนั้นโดดเด่นขึ้นมาโดยเฉพาะ
กระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าเครื่องดนตรีสีสันแปลกตา อัลแบโต้จ้องมองมันอย่างหลงใหลชื่นชม...ให้ตายเถอะ กีต้าร์ตัวนี้ทำไมยิ่งดูก็ยิ่งสวยงาม มันเป็นความงามที่สั่นประสาทคนมองไปพร้อมกัน เหมาะกับมือกีตาร์ประเภท เฮพวี่ เมทัล อย่างเขามาก
"คุณสนใจกีตาร์ตัวนั้น…" เสียงต่ำลึกแหบพร่าดังมาจากข้างหลัง ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง หันไปมองชายชราผู้เก่าแก่พอๆ กับข้าวของในร้านซึ่งกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน พอจะเดาออกว่าแกคงเป็นเจ้าของร้าน หรือไม่ก็อาจเป็นคนดูแลร้าน