พ่อเสีย แต่ญาติฝ่ายพ่อไม่ชอบเราซึ่งเป็นหลานเขาแท้ๆ

ขอเล่าย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนพ่อเสียประมาณ 1 ปีนะค่ะ

เมื่อมีนานปีที่แล้วเราย้ายครอบครัว(สามี เรา ลูก)ไปอยู่กับพ่อที่บ้านย่า (สมาชิกบ้านย่ามี ปู่ ย่า ป้า น้องชายแท้ๆ หลาน พ่อ แต่พ่อแยกออกมาสร้างบ้านอยู่แยกต่างหาก แต่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน) อยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คุยกับทุกคนได้ปกติ ไม่มีเรื่องทะเลาะอะไรกัน
แต่พออยู่ได้สัก2-3เดือน มันก็เริ่มมีปัญหา (แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่) ขอเดานะ เรื่องที่เราไปแนะนำการขายของให้น้องชายแท้ๆฟัง เพราะเราเคยขายของมาก่อน แต่น้องมันไม่เคยขาย เราเลยไปแค่แนะนำ มันก็เริ่มไม่พอใจ ใช้วิธีโพสด่าเรา เหน็บเราในเฟส ตอนแรกเราจะโวยวายแต่พ่อมาห้ามไว้ เราก็เฉยเพราะพ่อบอกให้เฉยๆถ้าน้องมันไม่ฟัง ไม่เชื่อก็ปล่อยมัน เราก็เฉยๆตามที่พ่อบอก ระยะเวลาที่เราอยู่กับพ่อ เราก็อยู่กับพ่อกันแค่สองคน (ส่วนใหญ่เราจะใช้เวลาอยู่กับพ่อมากกว่าสามีเรา เพราะสามีออกไปทำงานข้างนอก) เราช่วยพ่อทุกอย่าง พ่อเราเลี้ยงวัวอยู่ที่บ้าน เราก็ช่วยพ่อทุกอย่าง เราทำไม่เป็นก็พยายามเรียนรู้ พ่อก็สอน พ่อตัดย่าให้วัว มัดย่า หอบย่าให้วัว เราก็ช่วย พ่ออยากได้อะไร อยากกินอะไรก็ซื้อให้พ่อตลอด แต่พ่อเราเป็นคนทำกับข้าวให้เรากิน เรามีหน้าที่ไปซื้อวัตถุดิบมาเตรียมไว้ให้ ทำแบบนี้ทุกวัน จนมาวันนึงทะเลาะกับน้องชายแท้ๆ รุนแรงขึ้นเพราะมีคนยุแยง มันมาชี้หน้าด่าเรา มันบอกว่ามันไม่เคยเห็นเราเป็นพี่ การที่เรามาอยู่บ้านย่าเราคือผู้อาศัย ไล่เราต่างๆนาๆ จนพ่อบอกว่าให้มาอยู่บ้านพ่อ พ่อให้ช่างมากั้นห้องกระจกให้ แต่เราอ่ะยืนยันกับพ่อก่อนไปหน้านั่นอยู่แล้วว่า พ่อหนูจะออกไปเช่าห้องอยู่ข้างนอก การที่คนมันเกลียดกันแล้วยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เจอหน้า เห็นหน้ากันทุกวัน มันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกพ่อ ยังไงเดี๋ยวก็ต้องทะเลาะกันอยู่ดี หนูไม่อยากทำให้พ่อต้องมาปวดหัวอีก เราก็ย้ายออกไปเช่าห้องอยู่ข้างนอก แต่ถึงเราจะย้ายออกแล้ว เราก็ยังเข้าไปช่วยพ่อเหมือนเดิม สัปดาห์ละ 3 วัน จนวันนึงปู่มาด่าเรา ไม่ให้เราเข้าไปที่บ้านอีก เราเลยบอกพ่อไปว่า"พ่อหนูจะไม่เข้าไปบ้านหลังนั้นแล้วนะ หนูเข้าไปหนูไปหาพ่อ ไปดูแลพ่อ ทำไมปู่จะต้องมาด่าหนู"แล้วเราก็ไม่เข้าไปอีกเลย แต่พ่อกับเราก็ยังติดต่อกันบ้าง พ่ออยากได้อะไรเราก็ซื้อไปให้ แต่เอาไปฝากหรือแอบเจอพ่อที่บ้านยายข้างบ้านตลอด จนเรากับพ่อไม่ได้เจอกัน เจอกันอีกทีวันที่เราเข้าไปขนของที่ยังเหลืออยู่ที่ฝากไว้ที่บ้านพ่อ และเมื่อวันที่ 1พฤษภาที่ผ่านมา เราย้ายกลับมาอยู่บ้านเก่าซึ่งเป็นฝ่ายแม่ เราก็โทรบอกพ่อว่า"พ่อ หนูกลับมาแล้วนะ" พ่อตอบว่า"อื้มม"นั่นคือการคุยกับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

จนมาเมื่อวันอังคารตอนประมาณสองทุ่มครึ้งพี่(เป็นลูกของลุงแท้)โทรมาบอกว่าพ่อวูบหมดสติ อาจจะไม่รอด ให้เรารีบไปดูพ่อ ซึ่งเราไปตอนนั้นไม่ได้เพราะเราอยู่คนละจังหวัดกัน เราเลยไปตอนตีห้า พอใหล้จะถึงโรงพยาบาลที่ประมาณ 10 นาที พี่โทรมาบอกว่า พ่อเสียแล้วนะ เราแบบทำอะไรไม่ถูกเลย น้ำตาไม่ไหล แต่มือไม้สั่นไปหมด มือเท้าเย็น พอได้เห็นร่างพ่อที่มีผ้าคลุม เราร้องไห้ออกมาตลอด เราได้แค่จับเท้าพ่อ จับมือพ่อ ผ่านผ้าคลุม เราไม่กล้าเปิดเพราะเราทำใจไม่ได้ แล้วเมื่อวานรดน้ำศพ เรามีความรู้สึกว่าเราอึกอัดมากที่มีแต่สายตาของฝ่ายพ่อมองเราแบบรังเกลียด แต่เราคิดแค่ว่าเราไปทำหน้าที่ของลูกเป็นครั้งสุดท้าย งานจัดแบบไหน มีพิธีอะไรบ้าง เผาวันไหน เราไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะฝ่ายพ่อไม่คุยกับเรา ไม่มาถามอะไรเราเลยสักอย่าง การที่เราไป เรารู้สึกว่า เราไปเป็นแค่แขก ไปแค่ในฐานะลูกเท่านั้น แต่ที่เราเจ็บใจและสงสารพ่อมากๆคือ

การกระทำของคนที่บ้านหลังนั้นที่ทำกับพ่อเราตั้งแต่ยังมีชีวิต และตอนที่พ่อตายไปแล้ว 
ตอนพ่อเรายังอยู่ พ่อเคยเล่าให้เราฟังว่า"พ่ออยู่บ้านหลังนี้ พ่อก็เหมือนอยู่คนเดียว ไม่ได้มีใครมาคุยกับพ่อเลยสักคน พ่อไม่มีใครคอยให้คุย ไม่มีใครให้คำปรึกษา พอพ่อป่วยก็หายากอนเอง นอนซมอยู่คนเดียวในบ้าน ไม่มีใครมาสนใจ พ่อตัดย่าให้วัว ตากแดดร้อนๆพ่อทำอยู่คนเดียว ก็ไม่มีใครมาช่วยอะไรพ่อ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร พ่อทำคนเดียวได้ แต่พอใครอยากได้อะไรก็พ่อทั้งนั้น อยากได้อะไรพ่อก็จัดการให้ ซื้อให้ทุกอย่าง แต่พอหนู(หมายถึงเรา)ย้ายมาอยู่กับพ่อ พ่อมีเพื่อนคุย มีคนให้ปรึกษา แบ่งเบาภาระงานของพ่อไปได้เยอะ พ่อตัดย่า หอบย่าหนูก็ช่วยพ่อทุกอย่าง พ่อหายเหงาล่ะ"
ซึ่งตอนเราไปอยู่แรกๆเราก็ยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่พ่อพูดมันจริงไหม พออยู่ไปได้สักพัก เออจริงอย่างที่พ่อพูด ไม่มีใครสนใจพ่อเลยสักคน ไม่มีใครคุยกับพ่อเลยสักคน ขนาดพี่สาวแท้ๆยังด่าพ่อ ลูกชายแท้ๆของพ่อก็ด่าพ่อตัวเอง พอพ่อดุ ด่าเข้าหน่อยไม่พอใจไม่คุยกับพ่อเกือบสองปี น้องไม่อยากเป็นทหาร ไปบอกย่าให้เอาเงินไปจัดการให้หน่อย พอพ่อรู้พ่อไม่พอใจเพราะพ่ออยากให้น้องเป็นทหาร อยากให้มันจับใบดำใบแดง พอพ่อรู้ว่ามันทำแบบนั้น ก็โมโหเลยใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า มันโทรแจ้งตำรวจจับพ่อตัวเอง แต่พ่อไม่รู้ว่ามันเป็นคนโทรแจ้ง เพราะทุกคนในบ้านปิดไม่ให้พ่อรู้ จนวันที่พ่อตายพ่อก็ไม่รู้ว่ามันเป็นคนทำ เห็นพฤติกรรมต่างๆนาๆที่คนในบ้านทำกับพ่อ เรารับไม่ได้ เราก็อยู่กับพ่อเอง ไม่มีใครดูแลงั้นเดี๋ยวดูแลเอง มีอะไรคุยกับพ่อตลอด แต่พอเราย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เราก็ไม่ค่อยได้คุยกับพ่อ พ่อก็ไม่กล้าให้เราซื้ออะไรไปให้เพราะเราอยู่ไกล พ่อก็กลับมาทำอะไรคนเดียวเหมือนเดิม

จนพ่อเสีย เรานั่งมองการกระทำของคนในบ้านที่คอยเข้าไปบ้านพอ ไปสำรวยรถยนต์พ่อ รถมอร์ไซต์พ่อ พยายามหาว่าพ่อมีอะไรทิ้งไว้บ้าง เราเห็นแล้วแบบคิดในใจนะว่า "ยิ้มตอนพ่อกุอยู่ไม่เคยสนใจใยดีอะไรเขาเลยสักอย่าง พอพ่อกุตายจะมาเอาสมบัติพ่อกูทุกอย่าง"

พ่อเราไม่ได้มีสมบัติอะไรเยอะแยะมากมาย แต่เท่าที่เรารู้เพราะพ่อเคยบอกเราไว้ พ่อมีที่ดินภายในบริเวรบ้านประมาณ 8 ไร่ ที่น่าอีก 2 ไร่ เท่าที่รู้ รถยนต์ 1 คัน มอร์เตอร์ไซต์ 1 คัน วัวที่พ่อเลี้ยงไว้อีกประมาณเกือบ 20 ตัว นี่คือสมบัติที่พ่อทิ้งไว้ พอเราเห็นพฤติกรรมของคนใยบ้านนั้นแล้วแบบสงสารพ่อมากอ่ะ ตอนมีขีวิตอยู่ก็อยู่คนเดียว ขนาดตายยังตายคนเดียว พอตายยังมีสมบัติทิ้งไว้ให้อีก
แต่ตอนที่พ่อยังอยู่เราเคยบอกพ่อไปว่า"หนูมาอยู่กับพ่อหนูไม่ได้หวังสมบัติของพ่อ หนูมาอยู่เพราะหนูมาดูแลพ่อ เท่าที่หนูจะดูแลได้ แต่คนอื่นจะคิดว่าที่หนูมาเพราะหนูหลัวสมบัติจากพ่อ หนูไม่สนใจหรอกว่าใครจะคิดอะไร แต่หนูอยากให้พ่อรู้ไว้ก็พอ"

แต่พอเราเห็นแบบนั้นแล้ว ตอนนี้เราอยากได้สมบัติพ่อขึ้นมาเลย เพราะเราคิดว่าถ้าเราไม่ได้อะไรมาเลย ท่าทางคนพวกนั้นคงขายกินหมดแน่ เราเลยอยากได้เอามาเก็บไว้ อย่างน้อยๆมันก็ยังเป็นของพ่อ แต่เรามั่นใจว่าฝ่ายนั้นเขาไม่ให้เราแน่ๆ อาจจะอ้างเหตุผลว่า เราไม่ได้อยู่กับพ่อ ไม่ได้ดูแลพ่อ แต่มาหวังสมบัติของพ่อแทน ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นมาจริงๆเราควรทำยังไงดี เราก็เถียงอะไรไม่ได้ด้วยเพราะเราก็ไม่ได้อยู่กับพ่อ ไม่ได้ดูแลพ่อจริงๆ แต่ขอถามหน่อยว่าแล้วดูแลพ่อกูด้วยหรอ คนที่สมควรได้สมบัติพ่อที่สุดก็คือหมา หมาที่พ่อเลี้ยงมันคอยเดินตามพ่อทุกก้าว พ่อป่วยมันนอนเฝ้า พ่อไปอยู่มันเดินตามหา พ่อไปไหนมันเดินตามตลอด มันสมควรได้มากกว่าอีก แต่เราก็ได้แค่อยู่เฉยๆว่าคนพวกนั้นจะจัดการยังไงเรื่องมรดก คงต้องรอหลังจากเผาพ่อเสร็จ

-อยากถามส่า เรื่องนี้เราควรทำยังไงดี เราควรเรียกร้องสิทธิของความเป็นลูก หรือเราควรอยู่เฉยๆ เงียบๆไป เพราะการที่เราไปงานศพพ่อ เราไปเหมือนไปในฐานะแขก หรือว่าไปแค่ให้รู้ว่านี่ลูก เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับงานเลยสักอย่าง เพราะเขาคุยกันเอง ปรึกษากันเอง ตัดสินใจกันเองทุกอย่าง ไม่บอกเราสักอย่าง ขนาดวันเผาเราต้องไปถามเพื่อนพ่อที่มางานเองว่าเผาวันไหนกี่โมง สวดกี่โมงเราก็ไม่รู้ ขนาดแค่โทรศัพท์ของพ่อตัวเองแท้ๆเรายังไม่มีสิทธิได้จับเลยด้วยซ้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่