ช่วงนี้กระแสย้ายประเทศมาแรง ใครๆ ก็สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ โดย ประเทศหลายแห่งที่ใช้ภาษาอังกฤษ จะต้องการคะแนนขั้นต่ำสำหรับการสมัคร PR ( permanent resident) โดยที่นิยมคือ IELTS เช่นประเทศ #ทีมออสเตเลีย #ทีมแคนาดา โดย IELTS General จะนิยมมากกว่าในการสมัคร PR ส่วนตัว TOFLE ลักษณะจะออกไปในแนว Academic มากๆกว่า และไม่มีแบ่งขนิด ส่วน Duoligo จขกท ไม่เคยสอบ เห็นว่าถูกกว่า แต่ว่ายังไม่นิยมแพร่หลายเท่า IELTS
โดย กระทู้นี้ จขกท จะมาขอรีวิว การไปสอบ IELTS general ที่ IDP ซึ่งจขกท ได้ไปสอบไว้เล่นๆ เผื่อได้ใช้
สำหรับท่านที่ไม่เคยสอบ IELTS มาก่อน ตัว IELTS จะมีสองแบบคือ Academic กับ General
ซึ่งถ้าจะเอาไปเรียนต่อ ปริญญาเมืองนอก เมกา ออสซี่ แคนาดา อังกฤษ ให้สอบ ตัว Academic
ถ้าจะเอาไปสมัคร PR ให้ใช้ตัว General
ทั้งสองอันนี้ต่างกันเล็กน้อย เน้น! ว่าเวลาสมัคร ให้ตรวจสอบให้ดีว่าตัวเองใช้อันไหน เพราะเพื่อน จขกท สมัครผิดไปแล้ว เสียตังไปเกือบ 7 พัน เอาไปใช้ไม่ได้ต้องสอบใหม่
และการสอบ ในเมืองไทยจะมี สองสถาบันสอบคือ British Council กับ IDP
ส่วนตัวไม่เคยสอบ BC เคยสอบแต่ IDP มาสามหน คิดว่าโอเค ประทับใจ สะดวก บางคนบอก BC จะสำเนียง British มากกว่า ส่วน IDP สำเสียง Australia มากกว่า คหสต ฟังยากทั้งสองสำเนียง แต่ส่วนใหญ่ครูที่มาสอบก็จะ mixed ปนๆ กันอยู่แล้ว
ลักษณะการสอบมี Paper based กับ Computer based
ส่วนตัว ชอบ Computer based เพราะตัว paper รอบสอบน้อย / listenting บางทีฟังรวมกัน ขึ้นกับตำแหน่งที่นั่งใกล้ลำโพง / เขียน writing ลายมือเขี่ยไก่มาก และ เขียนผิด ขีดฆ่า ดูสกปรก ไม่มี word count --- เห็น บางคนบอกชอบสอบ paper based เพราะอบอุ่น แต่จริงๆ แล้ว จขกท คิดว่าสอบ computer ดีกว่า ถมไป รอบสอบเยอะ พิมพ์ได้ นับคำได้ ถ้าอยากรู้รายละเอียด เคยรีวิวตอนสอบ Academic ไว้ ตามกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38247335
มาถึง IELTS GeneraL การสอบเป็นยังไง ขอไม่ได้รีวิว ว่าcomputer based หน้าตายังไง และการเตรียมตัวนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่า แทบไม่ได้เตรียมเลย ลองสอบดูไว้เผื่ออยากจะใช้ทำอะไรเฉยๆ สอบทีอยู่ได้สองปี
ก่อนสอบ
การสมัคร ให้สมัครผ่าน website เข้าไปในนี้แล้วกดสมัครสอบ ตามเค้าไปเรื่อยๆ ได้เลย
https://www.ielts.idp.co.th/index_th.aspx
ตอนจะสมัคร กรุณาเตรียม สิ่งเหล่านี้ให้พร้อม จะได้ไม่เสียเวลาวิ่งไปมา ไปค้นไปหา ถ่ายรูป สามารถทำใน คอม มือถือ / ipad ได้
1. รูปถ่ายบัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ต
2. บัตรเครดิต
สถานที่สอบ และการสอบ ตอนที่สมัคร เราจะต้องเลือกเลย ว่า
1. วันสอบ เราควร กำหนดคร่าวๆ ไว้ในใจก่อนเลย จะสอบวันไหน เวลาไหน และจะสอบ speaking เมื่อไร : คหสต แนะนำให้เลือกสอบ รอบเช้า 9.00 แล้วสอบ speaking ตอนบ่ายเลย เพราะจะได้จบในวันเดียวกัน ตัว speaking เค้าจะมีรอบให้เลือก ก็เลือกไป ถ้าใครอยากเตรียมตัวเยอะ ก็เลือกรอบบ่ายๆ ถ้าใครอยากรีบจบๆ ก็เลือกรอบแรกๆ ไปเลย แต่เวลาทานข้าวจะน้อย สัก ไม่เกิน 1 ชั่วโมง รีบกินรีบมาสอบ
2. สถาบันสอบ : เนื่องจากศูนย์สอบมีหลายที่ ลองดูใน website ของสถาบัน แล้วเลือกอันที่เราสะดวก ไว้ก่อน จขกท เลือกสอบที่ ซีพีทาวเวอร์ ( ปล. ถ้าขับรถมา จอดฟรีแค่ 1 ชั่วโมงนะคะ สอบเสร็จค่าที่จอดบานมากค่ะ )
3. ชนิดของการสอบ Academic หรือ General สำคัญมว๊าก เลือกให้ถูก เพราะเปลี่ยนไม่ได้
สมัครเสร็จ ก็ upload รูปถ่าย บัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต ซึ่ง
ควรจะเป็นอันที่เราจะพกไปในวันสอบเพื่อยืนยันตัวตนนะ แล้วก็จ่ายเงิน บัตรเครดิตไป
ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดนะคะ ถ้าเกิดใครที่ภาษาอ่านไม่ได้จริงๆ ให้คนที่อ่านพอได้มาช่วยด้วยได้ค่ะ
เสร็จแล้วก็จะได้รับ email ยืนยัน
พอใกล้วันสอบ เค้าก้อจะ email มาเตือนเราอีกทีว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง และไปถึงกี่โมง
เราเลือกรอบ เช้า สอบ 9.00 ต้องไปถึง 8.15 น .
เสร็จแล้วก็เตรียมตัวสอบ -- จะท่องจะอ่านจะติว ก็เตรียมไป
วันก่อนสอบนอนเยอะๆ จะได้ไม่ตื่นเต้น และง่วงในที่สอบ
------------------------------------------------------
วันสอบ
คิดว่าหนังสือไม่ต้องเอาไปก็ได้นะคะ บางคนแบกหนักมาก หรือเตรียมไปท่องหน้าห้องสอบอย่างหนักหน่วย เพราะ !
พอไปถึง เค้าจะตรวจบัตรประชาชน / พาสปอร์ต เพื่อแสกนลายนิ้วมือ ยืนยันตัวตนของเรา จากนั้น ของทุกอย่างจะเก็บใน locker ไม่สามารถเอาอะไรออกมาได้เลย รวมถึงมือถือ แนะนำเข้าห้องน้ำก่อนยืนยันตัวจนรอบนึง
สิ่งที่เอาติดตัวไปได้ : บัตรประชาชน / เสื้อหนาว แค่นั้นเลย น้ำดื่มไม่ได้นะคะ กระดาษทิชชู่ก็ไม่ได้ แต่ทาง สถาบันจะมีเตรียมให้
หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จเค้าจะให้เราไปรอในห้อง ซึ่ง จะมีหน้าจอ แนะนำ วิธีการทำข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ ทุก part นะคะ ถ้าดีก็ศึกษา ใน youtube หรือลอง mock test ไปก่อนได้ค่ะ ว่าทำยังไง
พอถึงใกล้เวลา จนท จะขานเชื่อ เรียกเข้าไปในห้องสอบ แสกนลายนิ้วมือที่ห้องแล้วไปนั่งประจำคอมของเรานะคะ
ตอนนั้นนั่งรอเฉยๆเลยจนกว่า ทุกคนจะพร้อมนะจะ
อุปกรณ์ ทุกชิ้น เค้าบอกว่าเค้าทำความสะอาดด้วย alcohol เรียบร้อย ไม่ต้องกังวล การนั่งก็ เว้นคอกกันห่างพอสมควร ใส่ mask ตลอด
บนโต๊ะจะมี laptop x หูฟัง x ดินสอ และกระดาษทดให้ค่ะ
นั่งรอจนพร้อมแล้ว จนท จะประกาศแนะนำการสอบเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เค้าก็จะบอกว่า การสอบจะเริ่มด้วย listening ต่อด้วย reading แล้วก็ writing ถ้าจะเข้าห้องน้ำให้ยกมือก่อน และไปได้ครั้งละคน ห้ามเข้าห้องน้ำ 10 นาทีก่อนหมดเวลาในแต่ละpart
จากนั้น จนท จะแจก password การสอบของแต่ละคน
ข้อสอบของทุกคนจะไม่เหมือนกันนะคะ แล้วแต่ใครได้ชุดไหน
การสอบจะเริ่มด้วย listening 40 นาที จากนั้น reading 60 นาที แล้ว ก็ writing 60 นาทีค่ะ ถ้าใครจะเข้าห้องน้ำก็รีบทำข้อสอบเร็วๆ แล้วออกไปเข้า ในช่วง reading / writing ได้ค่ะ
การสอบ listening ielts general vs academic
ข้อสอบ listening จะเหมือนกันทั้ง general / academic นะคะ
เริ่มด้วย บทสนทนาทางโทรศัพท์ ต่อด้วยแผนที่
จากนั้น ก็เป็น บทสนทนาของ นศ มหาลัย เวลาพูดเค้าจะพูดครั้งเดียว เราทำไล่ไปเรื่อยๆ นะคะ ถ้าหลุดข้อนึง อย่ากังวลทำข้อต่อไปเลยค่ะ
ตัว task ก็เหมือนกับที่คนอื่นรีวิวไปแล้วค่ะ
เมื่อเสร็จแล้ว จะมีเวลาตรวจทาน 2 นาทีนะคะ แล้วคอมจะตัดเลยค่ะ เมื่อจบเวลา
part นี้ห้ามไปเข้าห้องน้ำโดยเด็ดขาดนะคะ
ข้อสอบ Reading
ในส่วน ของ General จะเป็นพวกบทความทั่วไปจาก magazine ประกาศต่างๆ จขกท ได้บทความเรื่อง การทำประมงแนวชายฝั่งทะเล
การลงทุนเรื่องการเลี้ยงปลาใน ออสเตเลีย
ชนิดของกระเป๋าเดินทางแต่ละญี่ห้อง แล้วให้จับคู่ว่าญี่ห้อไหนดี ยังไง เช่น อันไหนถูกสุด อันไหนแข็งแรงสุด
คิดว่าข้อสอบ reading อันนี้ง่ายกว่า academic นะคะ ตัว academic จะเป็นพวก บทความเหมือนงานวิจัย มากกว่าค่ะ และ paragraph ยาวมากๆ อันนี้ อันที่ยาวๆคือ อันสุดท้าย
งวดนี้ เจอ True/ false / Not given ไปสองอัน
ก่อนจบ จะมีเตือน ว่าเหลือเวลา 5 นาทีแนะนำให้กลับมาทบทวน ข้อที่เราทำไป
ถ้าอันไหนเป็นเติมคำให้ กด Clt+c และ Clt+v มาแปะได้เลยนะคะ จะได้ไม่สะกดผิดค่ะ
ปล. สามารถ highlight text ที่เราอ่านได้ โดยคลิ๊กขวานะคะ และสามารถปรับตัวอักษรขยายใหญ่ได้ค่ะ
ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำแนะนำไปตอน reading นี่แหละ เพราะ writing ปกติจะทำกันไม่ทันอยู่แล้ว
ข้อสอบ writing
มี 2 part คือ เขียน email กับ วิเคราะห์ นะคะ
จขกท ได้ว่า ให้เขียน email บอกเพื่อนร่วมงานที่เดินทางมาจาก ตปท ว่า local transportation เป็นอย่างไร / hotel confirmation / ชนิดของ meeting ที่จะเกิดขึ้นค่ะ
ส่วน task 2 ได้เรื่องว่าให้เขียนความเห็นว่า การอ่าน เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการศึกษาหาความรู้ หลังจากเรียนจบในผู้ใหญ่ ให้แสดงความคิดเห็น คะ่
เมื่อเปรียบเทียบกับ academic นั้นคิดว่า ง่ายกว่านะคะ ใน task 1 เพราะเขียน email จะง่ายกว่าบรรยาย graph
แต่ task 2 ก็เหมือนกันเลยค่ะ
พอหมดเวลาตัดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นแบ่งเวลาทำดีๆ
อย่าลืมดู word counts ด้วย เพราะว่ามี minimum word count นะคะ
พอเสร็จ ก็ไปเอาของใน locker แล้วก็ ออกไปทานข้าว กลับมารอ speaking ค่ะ
-------------------------------------------------
speaking part
เค้าก้อจะยืนยันตัวตนกับเราใหม่ แล้วก้อ ให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้ ห้ามเอาของเข้าไป จากนั้นคุณครุจะมาเรียกเข้าไปในห้องสอบ
การสอบ ทั้ง Academit/ general เหมือนกันนะคะ ไม่ได้แตกต่าง
จะเริ่มด้วย ถามว่าเราชื่ออะไร / ขอดูเอกสาร /
จากนั้นถามว่าเราทำงานหรือเรียน
จขกท โดนถามว่า ใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่ทำงานอย่างไร และ ในที่ทำงานมีการใช้ เทคโนโลยีอะไรบ้า ง
ตัว task 2 พูดยาว 2 นาที โดนถามว่า เคยแชร์อะไรกับใครไหม และสิ่งที่แชร์คืออะไร รู้สึกยังไง เมื่อไร
ตัว task 3 โดนถามเกี่ยวกับการ share เกี่ยวกับข้อดีขัอเสียของ การแชร์ apartment ของเด็กนักเรียน เห็นด้วยหรือไม่ // และ คิดว่าการแชร์ไอเดีย ใน team work มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
หลังสอบ
สอบเสร็จ ก็กลับบ้านตัวปลิว ค่ะ เพราะสอบไปแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็ช่างแล้ว รอผลค่อยดูอีกทีว่าเราทำได้แค่ไหน
ประมาณ 3-5 Days ผลก็จะออกมาให้เชยชมค่ะ
สำหรับคนที่คาดหวังคะแนน ถ้าไม่ได้ก็รีบลงใหม่ได้เลยค่ะ มีวันสอบเยอะอยู่ ผลจริงรอประมาณสองอาทิตย์ส่งมาที่บ้านนะคะ
โชคดีทุกคนนะคะ
ปล. สำหรับท่านที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย แนะนำศึกษา หน้าตาของคอมพิวเตอร์ตาม website / youtube ไปก่อนนะคะ และเงื่อนไข กติกา ว่าแต่ละ part นานเท่าไร ทำอะไรได้บ้าง ต่างๆในห้องสอบ เพราะหลังจากเราก้าวเข้าห้องสอบแล้ว เค้าจะพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษทุกอย่างเลยค่ะ
[CR] รีวิว สอบ IELTS General test ที่ idp ตามกระแสย้ายประเทศ ช่วง COVID และเปรียบเทียบความแตกต่างกับ Academic ในแง่ข้อสอบ
โดย กระทู้นี้ จขกท จะมาขอรีวิว การไปสอบ IELTS general ที่ IDP ซึ่งจขกท ได้ไปสอบไว้เล่นๆ เผื่อได้ใช้
สำหรับท่านที่ไม่เคยสอบ IELTS มาก่อน ตัว IELTS จะมีสองแบบคือ Academic กับ General
ซึ่งถ้าจะเอาไปเรียนต่อ ปริญญาเมืองนอก เมกา ออสซี่ แคนาดา อังกฤษ ให้สอบ ตัว Academic
ถ้าจะเอาไปสมัคร PR ให้ใช้ตัว General
ทั้งสองอันนี้ต่างกันเล็กน้อย เน้น! ว่าเวลาสมัคร ให้ตรวจสอบให้ดีว่าตัวเองใช้อันไหน เพราะเพื่อน จขกท สมัครผิดไปแล้ว เสียตังไปเกือบ 7 พัน เอาไปใช้ไม่ได้ต้องสอบใหม่
และการสอบ ในเมืองไทยจะมี สองสถาบันสอบคือ British Council กับ IDP
ส่วนตัวไม่เคยสอบ BC เคยสอบแต่ IDP มาสามหน คิดว่าโอเค ประทับใจ สะดวก บางคนบอก BC จะสำเนียง British มากกว่า ส่วน IDP สำเสียง Australia มากกว่า คหสต ฟังยากทั้งสองสำเนียง แต่ส่วนใหญ่ครูที่มาสอบก็จะ mixed ปนๆ กันอยู่แล้ว
ลักษณะการสอบมี Paper based กับ Computer based
ส่วนตัว ชอบ Computer based เพราะตัว paper รอบสอบน้อย / listenting บางทีฟังรวมกัน ขึ้นกับตำแหน่งที่นั่งใกล้ลำโพง / เขียน writing ลายมือเขี่ยไก่มาก และ เขียนผิด ขีดฆ่า ดูสกปรก ไม่มี word count --- เห็น บางคนบอกชอบสอบ paper based เพราะอบอุ่น แต่จริงๆ แล้ว จขกท คิดว่าสอบ computer ดีกว่า ถมไป รอบสอบเยอะ พิมพ์ได้ นับคำได้ ถ้าอยากรู้รายละเอียด เคยรีวิวตอนสอบ Academic ไว้ ตามกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38247335
มาถึง IELTS GeneraL การสอบเป็นยังไง ขอไม่ได้รีวิว ว่าcomputer based หน้าตายังไง และการเตรียมตัวนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่า แทบไม่ได้เตรียมเลย ลองสอบดูไว้เผื่ออยากจะใช้ทำอะไรเฉยๆ สอบทีอยู่ได้สองปี
ก่อนสอบ
การสมัคร ให้สมัครผ่าน website เข้าไปในนี้แล้วกดสมัครสอบ ตามเค้าไปเรื่อยๆ ได้เลย https://www.ielts.idp.co.th/index_th.aspx
ตอนจะสมัคร กรุณาเตรียม สิ่งเหล่านี้ให้พร้อม จะได้ไม่เสียเวลาวิ่งไปมา ไปค้นไปหา ถ่ายรูป สามารถทำใน คอม มือถือ / ipad ได้
1. รูปถ่ายบัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ต
2. บัตรเครดิต
สถานที่สอบ และการสอบ ตอนที่สมัคร เราจะต้องเลือกเลย ว่า
1. วันสอบ เราควร กำหนดคร่าวๆ ไว้ในใจก่อนเลย จะสอบวันไหน เวลาไหน และจะสอบ speaking เมื่อไร : คหสต แนะนำให้เลือกสอบ รอบเช้า 9.00 แล้วสอบ speaking ตอนบ่ายเลย เพราะจะได้จบในวันเดียวกัน ตัว speaking เค้าจะมีรอบให้เลือก ก็เลือกไป ถ้าใครอยากเตรียมตัวเยอะ ก็เลือกรอบบ่ายๆ ถ้าใครอยากรีบจบๆ ก็เลือกรอบแรกๆ ไปเลย แต่เวลาทานข้าวจะน้อย สัก ไม่เกิน 1 ชั่วโมง รีบกินรีบมาสอบ
2. สถาบันสอบ : เนื่องจากศูนย์สอบมีหลายที่ ลองดูใน website ของสถาบัน แล้วเลือกอันที่เราสะดวก ไว้ก่อน จขกท เลือกสอบที่ ซีพีทาวเวอร์ ( ปล. ถ้าขับรถมา จอดฟรีแค่ 1 ชั่วโมงนะคะ สอบเสร็จค่าที่จอดบานมากค่ะ )
3. ชนิดของการสอบ Academic หรือ General สำคัญมว๊าก เลือกให้ถูก เพราะเปลี่ยนไม่ได้
สมัครเสร็จ ก็ upload รูปถ่าย บัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต ซึ่ง ควรจะเป็นอันที่เราจะพกไปในวันสอบเพื่อยืนยันตัวตนนะ แล้วก็จ่ายเงิน บัตรเครดิตไป
ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดนะคะ ถ้าเกิดใครที่ภาษาอ่านไม่ได้จริงๆ ให้คนที่อ่านพอได้มาช่วยด้วยได้ค่ะ
เสร็จแล้วก็จะได้รับ email ยืนยัน
พอใกล้วันสอบ เค้าก้อจะ email มาเตือนเราอีกทีว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง และไปถึงกี่โมง
เราเลือกรอบ เช้า สอบ 9.00 ต้องไปถึง 8.15 น .
เสร็จแล้วก็เตรียมตัวสอบ -- จะท่องจะอ่านจะติว ก็เตรียมไป
วันก่อนสอบนอนเยอะๆ จะได้ไม่ตื่นเต้น และง่วงในที่สอบ
------------------------------------------------------
วันสอบ
คิดว่าหนังสือไม่ต้องเอาไปก็ได้นะคะ บางคนแบกหนักมาก หรือเตรียมไปท่องหน้าห้องสอบอย่างหนักหน่วย เพราะ !
พอไปถึง เค้าจะตรวจบัตรประชาชน / พาสปอร์ต เพื่อแสกนลายนิ้วมือ ยืนยันตัวตนของเรา จากนั้น ของทุกอย่างจะเก็บใน locker ไม่สามารถเอาอะไรออกมาได้เลย รวมถึงมือถือ แนะนำเข้าห้องน้ำก่อนยืนยันตัวจนรอบนึง
สิ่งที่เอาติดตัวไปได้ : บัตรประชาชน / เสื้อหนาว แค่นั้นเลย น้ำดื่มไม่ได้นะคะ กระดาษทิชชู่ก็ไม่ได้ แต่ทาง สถาบันจะมีเตรียมให้
หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จเค้าจะให้เราไปรอในห้อง ซึ่ง จะมีหน้าจอ แนะนำ วิธีการทำข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ ทุก part นะคะ ถ้าดีก็ศึกษา ใน youtube หรือลอง mock test ไปก่อนได้ค่ะ ว่าทำยังไง
พอถึงใกล้เวลา จนท จะขานเชื่อ เรียกเข้าไปในห้องสอบ แสกนลายนิ้วมือที่ห้องแล้วไปนั่งประจำคอมของเรานะคะ
ตอนนั้นนั่งรอเฉยๆเลยจนกว่า ทุกคนจะพร้อมนะจะ
อุปกรณ์ ทุกชิ้น เค้าบอกว่าเค้าทำความสะอาดด้วย alcohol เรียบร้อย ไม่ต้องกังวล การนั่งก็ เว้นคอกกันห่างพอสมควร ใส่ mask ตลอด
บนโต๊ะจะมี laptop x หูฟัง x ดินสอ และกระดาษทดให้ค่ะ
นั่งรอจนพร้อมแล้ว จนท จะประกาศแนะนำการสอบเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เค้าก็จะบอกว่า การสอบจะเริ่มด้วย listening ต่อด้วย reading แล้วก็ writing ถ้าจะเข้าห้องน้ำให้ยกมือก่อน และไปได้ครั้งละคน ห้ามเข้าห้องน้ำ 10 นาทีก่อนหมดเวลาในแต่ละpart
จากนั้น จนท จะแจก password การสอบของแต่ละคน
ข้อสอบของทุกคนจะไม่เหมือนกันนะคะ แล้วแต่ใครได้ชุดไหน
การสอบจะเริ่มด้วย listening 40 นาที จากนั้น reading 60 นาที แล้ว ก็ writing 60 นาทีค่ะ ถ้าใครจะเข้าห้องน้ำก็รีบทำข้อสอบเร็วๆ แล้วออกไปเข้า ในช่วง reading / writing ได้ค่ะ
การสอบ listening ielts general vs academic
ข้อสอบ listening จะเหมือนกันทั้ง general / academic นะคะ
เริ่มด้วย บทสนทนาทางโทรศัพท์ ต่อด้วยแผนที่
จากนั้น ก็เป็น บทสนทนาของ นศ มหาลัย เวลาพูดเค้าจะพูดครั้งเดียว เราทำไล่ไปเรื่อยๆ นะคะ ถ้าหลุดข้อนึง อย่ากังวลทำข้อต่อไปเลยค่ะ
ตัว task ก็เหมือนกับที่คนอื่นรีวิวไปแล้วค่ะ
เมื่อเสร็จแล้ว จะมีเวลาตรวจทาน 2 นาทีนะคะ แล้วคอมจะตัดเลยค่ะ เมื่อจบเวลา
part นี้ห้ามไปเข้าห้องน้ำโดยเด็ดขาดนะคะ
ข้อสอบ Reading
ในส่วน ของ General จะเป็นพวกบทความทั่วไปจาก magazine ประกาศต่างๆ จขกท ได้บทความเรื่อง การทำประมงแนวชายฝั่งทะเล
การลงทุนเรื่องการเลี้ยงปลาใน ออสเตเลีย
ชนิดของกระเป๋าเดินทางแต่ละญี่ห้อง แล้วให้จับคู่ว่าญี่ห้อไหนดี ยังไง เช่น อันไหนถูกสุด อันไหนแข็งแรงสุด
คิดว่าข้อสอบ reading อันนี้ง่ายกว่า academic นะคะ ตัว academic จะเป็นพวก บทความเหมือนงานวิจัย มากกว่าค่ะ และ paragraph ยาวมากๆ อันนี้ อันที่ยาวๆคือ อันสุดท้าย
งวดนี้ เจอ True/ false / Not given ไปสองอัน
ก่อนจบ จะมีเตือน ว่าเหลือเวลา 5 นาทีแนะนำให้กลับมาทบทวน ข้อที่เราทำไป
ถ้าอันไหนเป็นเติมคำให้ กด Clt+c และ Clt+v มาแปะได้เลยนะคะ จะได้ไม่สะกดผิดค่ะ
ปล. สามารถ highlight text ที่เราอ่านได้ โดยคลิ๊กขวานะคะ และสามารถปรับตัวอักษรขยายใหญ่ได้ค่ะ
ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำแนะนำไปตอน reading นี่แหละ เพราะ writing ปกติจะทำกันไม่ทันอยู่แล้ว
ข้อสอบ writing
มี 2 part คือ เขียน email กับ วิเคราะห์ นะคะ
จขกท ได้ว่า ให้เขียน email บอกเพื่อนร่วมงานที่เดินทางมาจาก ตปท ว่า local transportation เป็นอย่างไร / hotel confirmation / ชนิดของ meeting ที่จะเกิดขึ้นค่ะ
ส่วน task 2 ได้เรื่องว่าให้เขียนความเห็นว่า การอ่าน เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการศึกษาหาความรู้ หลังจากเรียนจบในผู้ใหญ่ ให้แสดงความคิดเห็น คะ่
เมื่อเปรียบเทียบกับ academic นั้นคิดว่า ง่ายกว่านะคะ ใน task 1 เพราะเขียน email จะง่ายกว่าบรรยาย graph
แต่ task 2 ก็เหมือนกันเลยค่ะ
พอหมดเวลาตัดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นแบ่งเวลาทำดีๆ
อย่าลืมดู word counts ด้วย เพราะว่ามี minimum word count นะคะ
พอเสร็จ ก็ไปเอาของใน locker แล้วก็ ออกไปทานข้าว กลับมารอ speaking ค่ะ
-------------------------------------------------
speaking part
เค้าก้อจะยืนยันตัวตนกับเราใหม่ แล้วก้อ ให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้ ห้ามเอาของเข้าไป จากนั้นคุณครุจะมาเรียกเข้าไปในห้องสอบ
การสอบ ทั้ง Academit/ general เหมือนกันนะคะ ไม่ได้แตกต่าง
จะเริ่มด้วย ถามว่าเราชื่ออะไร / ขอดูเอกสาร /
จากนั้นถามว่าเราทำงานหรือเรียน
จขกท โดนถามว่า ใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่ทำงานอย่างไร และ ในที่ทำงานมีการใช้ เทคโนโลยีอะไรบ้า ง
ตัว task 2 พูดยาว 2 นาที โดนถามว่า เคยแชร์อะไรกับใครไหม และสิ่งที่แชร์คืออะไร รู้สึกยังไง เมื่อไร
ตัว task 3 โดนถามเกี่ยวกับการ share เกี่ยวกับข้อดีขัอเสียของ การแชร์ apartment ของเด็กนักเรียน เห็นด้วยหรือไม่ // และ คิดว่าการแชร์ไอเดีย ใน team work มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
หลังสอบ
สอบเสร็จ ก็กลับบ้านตัวปลิว ค่ะ เพราะสอบไปแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็ช่างแล้ว รอผลค่อยดูอีกทีว่าเราทำได้แค่ไหน
ประมาณ 3-5 Days ผลก็จะออกมาให้เชยชมค่ะ
สำหรับคนที่คาดหวังคะแนน ถ้าไม่ได้ก็รีบลงใหม่ได้เลยค่ะ มีวันสอบเยอะอยู่ ผลจริงรอประมาณสองอาทิตย์ส่งมาที่บ้านนะคะ
โชคดีทุกคนนะคะ
ปล. สำหรับท่านที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย แนะนำศึกษา หน้าตาของคอมพิวเตอร์ตาม website / youtube ไปก่อนนะคะ และเงื่อนไข กติกา ว่าแต่ละ part นานเท่าไร ทำอะไรได้บ้าง ต่างๆในห้องสอบ เพราะหลังจากเราก้าวเข้าห้องสอบแล้ว เค้าจะพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษทุกอย่างเลยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้