เนื่องจากว่า ไปสอบ IELTS แบบ computer test กับ IDP ที่ FYI center มาจึงอยากจะ รีวิว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับ ทุกท่านที่สนใจ
ส่วนตัว มีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก และ ไม่ถนัดเขียนเอามากๆ เนื่องจาก คิดว่าลายมือไม่สวย พิมพ์ได้เร็วกว่าเขียน และเวลา writing ถ้าเขียนแล้วลบ ก็จะเละเทะมาก จึงตัดสินไป สอบแบบ computer ดีกว่า และที่สำคัญคือ ผลสอบออกเร็วมากกกกก ซึ่งจะกล่าวต่อไป
ในส่วนของ องค์ประกอบของ IELTS จะไม่กล่าวถึงเนื่องจากสามารถหาข้อมูลอ่านได้มากมาย
เริ่มต้น
การสมัคร ให้สมัครผ่าน
https://www.ielts.org/ โดยเลือก วันที่สอบ และ สถานที่สอบแล้วก็จ่ายตัง
โดยจะให้เลือกว่าจะสอบ computer รอบไหน และ สอบ speaking รอบไหน โดยผู้สอบสามารถเลือกได้ว่าจะสอบ speaking วันเดียวกัน หรือคนละวันก็ได้กับการสอบ computer test part อื่นๆ และยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะสอบ speaking ก่อนหรือหลังการทำ computer test โดยตัวเองเนื่องจากไม่สามารถลางงานไปสอบได้หลายวัน จึงเลือก สอบ computer test ตอนเช้า และสอบ speaking ต่อเลย โดย speaking จะแบ่งเป็นรอบๆ รอบละ ประมาณ 30 นาที
สำหรับการสอบนั้น
ก่อนสอบ
ทาง IDP จะ email มาล่วงหน้า เตือนสถานที่สอบ และจะมี link ของ youtube แนะนำหน้าตาของ program ที่จะสอบว่าแต่ละ part เป็นยังไง วิธีใช้มีปุ่มกดอะไรบ้าง และมีลูกศร อะไรไว้ทำอะไรบ้าง
วันสอบ
เค้าจะนัดให้เราไปก่อนเริ่มสอบอย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง เดินทางไปที่ตึก FYI สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นสถานี้ศูนย์สิริกิต
เดือนไปที่ตึก 2 ของ FYI เอาบัตรประชาชนให้ จนท ดูจากนั้นเค้าจะให้เรากด ลิฟท์ ไปชั้นห้า ก็จะเจอ idp เค้าจะมีที่นั่งรอให้ มีน้ำให้ดื่ม ไม่ต้องซื้อน้ำไปเอง
พอใกล้ๆสอบก็จะมาแนะนำวิธีสอบ และให้เราไปเข้าห้องน้ำ
เน้นว่าเวลาสอบ ห้ามไปเข้าห้องนำ ตอนที่ listening test และ ห้ามเข้าห้องน้ำ 10 นาทีก่อนจะหมดเวลาแต่ละ section
หลังจากแนะนำ วิธีการสอบแล้วเค้าจะเรียกรายคน เพื่อถ่ายภาพ แสกนรายนิ้วมือ แล้วเก็บของไว้ใน locker และเข้าห้องสอบ โดยจะแบ่งเป็น คอกๆ ให้นั่ง มี computer laptop และหูฟัง SONY จากนั้นจะให้เรา test เสียง และกรอกรหัสก่อน เพื่อ log in เข้าการสอบ
เริ่มสอบ listening ก่อน ตามด้วย reading และ writing ทุก part ที่กระดาษทดให้นะคะ
Listening
- หูฟังที่ให้มาดีมาก ได้ยินเสียงชัดเจนดี และเราสามารถปรับความดังได้ แต่ !! ระวังจะได้ยินเสียงของคอกข้างๆแว่วมา ซึ่งมันรบกวนสมาธิเรามาก
- ขอสอบแต่ละ section จะมีแถบเลือกข้อทางด้านล่างสามาถกลับไปกลับมาในแต่ละข้อได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้กลับหรอก เพราะว่าถ้าฟังไม่ทัน มันก็คือจับใจความไม่ได้
- ช่องให้เติมคำสามารถพิมพ์เติมลงไปได้เลย
- ช่องให้เลือก choice จะเป็น ตุ่มกลมๆ ให้คลิก
- สอบหมดทุก section แล้วจะมีเวลาแค่ 2 นาทีในการตรวจคำตอบ ว่าขาดข้อไหนไหม ต่างกับ paper based ที่จะให้เวลา 10 นาทีลอกคำตอบ
- เมื่อหมดเวลา คอมจะตัดปิดเลย ทำไม่ทันไม่ทราบ ได้
สิ่งที่ชอบ
- หูฟังดี ส่วนตัวไม่ต้องกลัวเรื่องลำโพงแตก หรือ ตำแหน่งที่นั่ห่างจากลำโพง
- สามารถปรับความดังที่ต้องการได้
- สามารถพิมพ์เติมลงไปได้
- มีหมายเลขข้อทุกข้อบอกเป็นแถบทางด้านล่างว่าเราทำไปกี่ข้อแล้วและข้อไหนยังไม่ได้ทำ จะขึ้นเป็นสีอ่อน
ข้อเสีย
- เสียงจากหูฟังคนอื่นมันแว่วมา อาจจะ distract ได้
- หมดเวลาแล้วหน้าจอปิดเลย
- พิมพ์ช้า เสียเปรียบ
จากนั้น เข้าสู่ reading
part reading จะมี passage ให้อ่าน โดยจะอยู่กรอบทางซ็าย มือ และคำถามจะอยู่ทางขวามือ
passage จะคงข้างไว้ได้ ถึงแม้เราจะเปลี่ยนข้อคำถาม จนกว่าจะถึงข้อที่ต้องเปลี่ยน passage
สามารถย้อนไปมาทำสลับไปมาได้
มีข้อทางด้านล่างที่แสดงว่าข้อไหนเราทำไปแล้วบ้าง
มีการเติมข้อความที่ blank / ตารางต่างๆ
ข้อดี
- สามาถ highlight คำ หรือ key word สำคัญได้
- passage จะอยู่ทางซ้ายตลอด ทำให้ไม่ต้องพลิกไปมา ระหว่างข้อ
- ปรับความสว่างหน้าจอ กับขนาดตัวอักษรได้
- มีเวลานับ อยูทางด้านบน
ข้อเสีย
- ไม่สามาถ ทดได้
- ต้องเลื่อนข้อความขึ้นลงด้วย mouse
- หมดเวลาหน้าจอปิดเลย
ข้อแนะนำ ส่วนใหญ่จะทำ part นี้ไม่ค่อยทัน ให้รีบอ่านและทำไปก่อน คอยดูเวลาถ้าเหลือ อีก 5 นาที ให้รีบมาเติมทุกข้อให้ครบ ก่อน
เมื่อ จบ reading ก็จะนำไปสู่ writing
writing
จะขึ้นมาทีละข้อ สามารถเลือกทำข้อไหนก่อนก็ได้ จะมี box ให้พิมพ์ลงไป ละมี word count ให้ด้วยนะคะ
มีกระดาษทดให้กับดินสอ
ตอนสอบ ได้ เป็น อธิบายตาราง rate change ของ population ใน อดีต และ forcast change of population ในอนาตต
ส่วน task 2 ให้บอก agree or disagree of the self paid education is better than government paid education
ข้อดี
- เร็ว แก้ไขได้ esp คนที่พิมพ์ระบบสัมผัสเก่งๆ
- มีการนับเวลาบอกว่ากี่นาที มุมบนของจอ ทำให้เราบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- คนพิมพ์ช้าก็เงิบไปเลย
- อาจพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกได้
- หมดเวลาหน้าจอปิดเลย
- ไม่สามารถ วงหรือ highlight บนกร๊าฟ ได้
- เวลาจะพอดีๆ อาจไม่มีเวลากลับมาทวน แก้ไขที่ผิดมากนัก
แนะนำ แบ่ง เป็น 20 / 40 นาที สำหรับ task 1 and 2 ถ้าเหลือเวลา ประมาณ 3-5 นาทีให้ เริ่ม conclusion ได้แล้ว
สอบเสร็จ จะมีเวลาพัก รอรอบสอบ speaking
โดยตัวเองเลือกสอบ speaking เลย จะได้เสร็จๆ สำหรับคนที่รอสอบก็สามารถไปหาอะไรกินแล้วกลับมา ถ้ากลับมาเร็วอาจจะได้สอบก่อนเวลานัดรอบของตนเองได้
สอบ speaking
task 2 ถูกถามว่า ใครคือ your childhood friend and explain how do you meet him/her
task 3 โดนถามว่า what do you think about relationship of childhood friend and coworker ? เราก็ตอบไปเรื่อยๆเปื่อย เวลาเหลือ เจอออีกคำถามว่า คิดยังไงกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน
ข้อดี
- สอบกับบุคคล เจออาจารย์ใจดีก็จะดี อาจารย์หน้าดุก็เครียดไป
- ถ้าเราตอบผิด หรือพูดไม่ออกจะมีการสนทนาบ้าง แต่แนะนำว่าพูดได้พูดไป
ข้อเสีย
- สำเนียง australia ฟังยาก เนื่องจากคนสอบ idp เป็นค่าย australia
- คนสอบจดๆ ขีดๆ ทำให้เรา เกร็งว่าหักคะแนนหรือว่าทำอะไร
แนะนำ ตอบไปตามความคิด ไหลไปตามน้ำ เหมือนสนทนาทั่วไปกับชาวต่างชาติ
หลังสอบ
ผลสอบออกเกร็วมาก 3-5 วันสามารถเช็คได้ทาง website เลย และถ้าไม่ชอบใจก็ลงสอบใหม่ได้ทันที
จดหมายจะส่งมาช้ากว่าใช้เวลา ประมาณ 14 วัน ที่บ้าน
Request additional report ยุ่งยาก กินเวลาและเปลืองตังค์ ส่งค่า courier อีกเป็นพัน ถ้าคิดว่าจะส่งไปที่ไหนได้ใก้แจ้งเค้าไปเลย
คำแนะนำ เตรียมตัวให้พร้อมทุก task
reading อ่านให้ไว จับให้ได้ ถ้า passage นั้นยาก ก็ข้ามไปก่อน
listerning ถ้าหลุด ให้ช่างมันข้ามไปก่อนจะได้ทำข้อต่อไปได้ ถ้ามากังวลนั่ง recall อาจทำให้หลุดบทสนทนาอื่นๆต่อไปได้
writing ฝึกฝนตาม pattern
speaking พูดเหมือนสนทนากับฝัร่ง ใส่ idea ลงไปได้ ถามให้ทวนคำได้ ถ้าหมดเวลาเค้าจะตัดเองและข้ามไป task ต่อไป
สุดท้าย สู้ๆนะคะ ทุกท่า่น
ของเราเตรียมตัว 1 เดือน เรียนไปทำงานไป เลยไปติว ตัวตัว ตามสถาบัน สอนภาษา อาทิตย์ละ 5 วัน วันละ 2 ชั่วโมง เอา technique
ผลน่าพอใจ ได้ overall 7.0 speaking 7.5 writing 6 listening 7 reading 6.5 เพียงพอต่อการ submit สมัครเรียนทันเวลาฉิวเฉียด
ถ้าใครพิมพ์สัมผัสได้ อยากได้ผลเร็ว แนะนำสอบ computer ดีกว่าค่ะ ได้ผลเร็วดีด้วย
สุดท้าย ขอให้โชคดีในการสอบทุกท่านค่ะ
ป.ล. น้ำดื่มไม่ต้องซื้อไปนะ เอาของสถาบัน
ของใช้เอาไปเค้ามี locker ให้เก็บ
อย่าลืม บัตรประชาชนไป
เสื้อ jacket เอาไปเผื่อได้ แต่แอร์ไม่ค่อยหนาวเท่าไร
program computer ง่าย เข้าใจไม่ยากไม่ต้องกังวล
[CR] review การสอบ IELTS computer test กับ idp
ส่วนตัว มีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก และ ไม่ถนัดเขียนเอามากๆ เนื่องจาก คิดว่าลายมือไม่สวย พิมพ์ได้เร็วกว่าเขียน และเวลา writing ถ้าเขียนแล้วลบ ก็จะเละเทะมาก จึงตัดสินไป สอบแบบ computer ดีกว่า และที่สำคัญคือ ผลสอบออกเร็วมากกกกก ซึ่งจะกล่าวต่อไป
ในส่วนของ องค์ประกอบของ IELTS จะไม่กล่าวถึงเนื่องจากสามารถหาข้อมูลอ่านได้มากมาย
เริ่มต้น
การสมัคร ให้สมัครผ่าน https://www.ielts.org/ โดยเลือก วันที่สอบ และ สถานที่สอบแล้วก็จ่ายตัง
โดยจะให้เลือกว่าจะสอบ computer รอบไหน และ สอบ speaking รอบไหน โดยผู้สอบสามารถเลือกได้ว่าจะสอบ speaking วันเดียวกัน หรือคนละวันก็ได้กับการสอบ computer test part อื่นๆ และยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะสอบ speaking ก่อนหรือหลังการทำ computer test โดยตัวเองเนื่องจากไม่สามารถลางงานไปสอบได้หลายวัน จึงเลือก สอบ computer test ตอนเช้า และสอบ speaking ต่อเลย โดย speaking จะแบ่งเป็นรอบๆ รอบละ ประมาณ 30 นาที
สำหรับการสอบนั้น
ก่อนสอบ
ทาง IDP จะ email มาล่วงหน้า เตือนสถานที่สอบ และจะมี link ของ youtube แนะนำหน้าตาของ program ที่จะสอบว่าแต่ละ part เป็นยังไง วิธีใช้มีปุ่มกดอะไรบ้าง และมีลูกศร อะไรไว้ทำอะไรบ้าง
วันสอบ
เค้าจะนัดให้เราไปก่อนเริ่มสอบอย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง เดินทางไปที่ตึก FYI สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นสถานี้ศูนย์สิริกิต
เดือนไปที่ตึก 2 ของ FYI เอาบัตรประชาชนให้ จนท ดูจากนั้นเค้าจะให้เรากด ลิฟท์ ไปชั้นห้า ก็จะเจอ idp เค้าจะมีที่นั่งรอให้ มีน้ำให้ดื่ม ไม่ต้องซื้อน้ำไปเอง
พอใกล้ๆสอบก็จะมาแนะนำวิธีสอบ และให้เราไปเข้าห้องน้ำ
เน้นว่าเวลาสอบ ห้ามไปเข้าห้องนำ ตอนที่ listening test และ ห้ามเข้าห้องน้ำ 10 นาทีก่อนจะหมดเวลาแต่ละ section
หลังจากแนะนำ วิธีการสอบแล้วเค้าจะเรียกรายคน เพื่อถ่ายภาพ แสกนรายนิ้วมือ แล้วเก็บของไว้ใน locker และเข้าห้องสอบ โดยจะแบ่งเป็น คอกๆ ให้นั่ง มี computer laptop และหูฟัง SONY จากนั้นจะให้เรา test เสียง และกรอกรหัสก่อน เพื่อ log in เข้าการสอบ
เริ่มสอบ listening ก่อน ตามด้วย reading และ writing ทุก part ที่กระดาษทดให้นะคะ
Listening
- หูฟังที่ให้มาดีมาก ได้ยินเสียงชัดเจนดี และเราสามารถปรับความดังได้ แต่ !! ระวังจะได้ยินเสียงของคอกข้างๆแว่วมา ซึ่งมันรบกวนสมาธิเรามาก
- ขอสอบแต่ละ section จะมีแถบเลือกข้อทางด้านล่างสามาถกลับไปกลับมาในแต่ละข้อได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้กลับหรอก เพราะว่าถ้าฟังไม่ทัน มันก็คือจับใจความไม่ได้
- ช่องให้เติมคำสามารถพิมพ์เติมลงไปได้เลย
- ช่องให้เลือก choice จะเป็น ตุ่มกลมๆ ให้คลิก
- สอบหมดทุก section แล้วจะมีเวลาแค่ 2 นาทีในการตรวจคำตอบ ว่าขาดข้อไหนไหม ต่างกับ paper based ที่จะให้เวลา 10 นาทีลอกคำตอบ
- เมื่อหมดเวลา คอมจะตัดปิดเลย ทำไม่ทันไม่ทราบ ได้
สิ่งที่ชอบ
- หูฟังดี ส่วนตัวไม่ต้องกลัวเรื่องลำโพงแตก หรือ ตำแหน่งที่นั่ห่างจากลำโพง
- สามารถปรับความดังที่ต้องการได้
- สามารถพิมพ์เติมลงไปได้
- มีหมายเลขข้อทุกข้อบอกเป็นแถบทางด้านล่างว่าเราทำไปกี่ข้อแล้วและข้อไหนยังไม่ได้ทำ จะขึ้นเป็นสีอ่อน
ข้อเสีย
- เสียงจากหูฟังคนอื่นมันแว่วมา อาจจะ distract ได้
- หมดเวลาแล้วหน้าจอปิดเลย
- พิมพ์ช้า เสียเปรียบ
จากนั้น เข้าสู่ reading
part reading จะมี passage ให้อ่าน โดยจะอยู่กรอบทางซ็าย มือ และคำถามจะอยู่ทางขวามือ
passage จะคงข้างไว้ได้ ถึงแม้เราจะเปลี่ยนข้อคำถาม จนกว่าจะถึงข้อที่ต้องเปลี่ยน passage
สามารถย้อนไปมาทำสลับไปมาได้
มีข้อทางด้านล่างที่แสดงว่าข้อไหนเราทำไปแล้วบ้าง
มีการเติมข้อความที่ blank / ตารางต่างๆ
ข้อดี
- สามาถ highlight คำ หรือ key word สำคัญได้
- passage จะอยู่ทางซ้ายตลอด ทำให้ไม่ต้องพลิกไปมา ระหว่างข้อ
- ปรับความสว่างหน้าจอ กับขนาดตัวอักษรได้
- มีเวลานับ อยูทางด้านบน
ข้อเสีย
- ไม่สามาถ ทดได้
- ต้องเลื่อนข้อความขึ้นลงด้วย mouse
- หมดเวลาหน้าจอปิดเลย
ข้อแนะนำ ส่วนใหญ่จะทำ part นี้ไม่ค่อยทัน ให้รีบอ่านและทำไปก่อน คอยดูเวลาถ้าเหลือ อีก 5 นาที ให้รีบมาเติมทุกข้อให้ครบ ก่อน
เมื่อ จบ reading ก็จะนำไปสู่ writing
writing
จะขึ้นมาทีละข้อ สามารถเลือกทำข้อไหนก่อนก็ได้ จะมี box ให้พิมพ์ลงไป ละมี word count ให้ด้วยนะคะ
มีกระดาษทดให้กับดินสอ
ตอนสอบ ได้ เป็น อธิบายตาราง rate change ของ population ใน อดีต และ forcast change of population ในอนาตต
ส่วน task 2 ให้บอก agree or disagree of the self paid education is better than government paid education
ข้อดี
- เร็ว แก้ไขได้ esp คนที่พิมพ์ระบบสัมผัสเก่งๆ
- มีการนับเวลาบอกว่ากี่นาที มุมบนของจอ ทำให้เราบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- คนพิมพ์ช้าก็เงิบไปเลย
- อาจพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกได้
- หมดเวลาหน้าจอปิดเลย
- ไม่สามารถ วงหรือ highlight บนกร๊าฟ ได้
- เวลาจะพอดีๆ อาจไม่มีเวลากลับมาทวน แก้ไขที่ผิดมากนัก
แนะนำ แบ่ง เป็น 20 / 40 นาที สำหรับ task 1 and 2 ถ้าเหลือเวลา ประมาณ 3-5 นาทีให้ เริ่ม conclusion ได้แล้ว
สอบเสร็จ จะมีเวลาพัก รอรอบสอบ speaking
โดยตัวเองเลือกสอบ speaking เลย จะได้เสร็จๆ สำหรับคนที่รอสอบก็สามารถไปหาอะไรกินแล้วกลับมา ถ้ากลับมาเร็วอาจจะได้สอบก่อนเวลานัดรอบของตนเองได้
สอบ speaking
task 2 ถูกถามว่า ใครคือ your childhood friend and explain how do you meet him/her
task 3 โดนถามว่า what do you think about relationship of childhood friend and coworker ? เราก็ตอบไปเรื่อยๆเปื่อย เวลาเหลือ เจอออีกคำถามว่า คิดยังไงกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน
ข้อดี
- สอบกับบุคคล เจออาจารย์ใจดีก็จะดี อาจารย์หน้าดุก็เครียดไป
- ถ้าเราตอบผิด หรือพูดไม่ออกจะมีการสนทนาบ้าง แต่แนะนำว่าพูดได้พูดไป
ข้อเสีย
- สำเนียง australia ฟังยาก เนื่องจากคนสอบ idp เป็นค่าย australia
- คนสอบจดๆ ขีดๆ ทำให้เรา เกร็งว่าหักคะแนนหรือว่าทำอะไร
แนะนำ ตอบไปตามความคิด ไหลไปตามน้ำ เหมือนสนทนาทั่วไปกับชาวต่างชาติ
หลังสอบ
ผลสอบออกเกร็วมาก 3-5 วันสามารถเช็คได้ทาง website เลย และถ้าไม่ชอบใจก็ลงสอบใหม่ได้ทันที
จดหมายจะส่งมาช้ากว่าใช้เวลา ประมาณ 14 วัน ที่บ้าน
Request additional report ยุ่งยาก กินเวลาและเปลืองตังค์ ส่งค่า courier อีกเป็นพัน ถ้าคิดว่าจะส่งไปที่ไหนได้ใก้แจ้งเค้าไปเลย
คำแนะนำ เตรียมตัวให้พร้อมทุก task
reading อ่านให้ไว จับให้ได้ ถ้า passage นั้นยาก ก็ข้ามไปก่อน
listerning ถ้าหลุด ให้ช่างมันข้ามไปก่อนจะได้ทำข้อต่อไปได้ ถ้ามากังวลนั่ง recall อาจทำให้หลุดบทสนทนาอื่นๆต่อไปได้
writing ฝึกฝนตาม pattern
speaking พูดเหมือนสนทนากับฝัร่ง ใส่ idea ลงไปได้ ถามให้ทวนคำได้ ถ้าหมดเวลาเค้าจะตัดเองและข้ามไป task ต่อไป
สุดท้าย สู้ๆนะคะ ทุกท่า่น
ของเราเตรียมตัว 1 เดือน เรียนไปทำงานไป เลยไปติว ตัวตัว ตามสถาบัน สอนภาษา อาทิตย์ละ 5 วัน วันละ 2 ชั่วโมง เอา technique
ผลน่าพอใจ ได้ overall 7.0 speaking 7.5 writing 6 listening 7 reading 6.5 เพียงพอต่อการ submit สมัครเรียนทันเวลาฉิวเฉียด
ถ้าใครพิมพ์สัมผัสได้ อยากได้ผลเร็ว แนะนำสอบ computer ดีกว่าค่ะ ได้ผลเร็วดีด้วย
สุดท้าย ขอให้โชคดีในการสอบทุกท่านค่ะ
ป.ล. น้ำดื่มไม่ต้องซื้อไปนะ เอาของสถาบัน
ของใช้เอาไปเค้ามี locker ให้เก็บ
อย่าลืม บัตรประชาชนไป
เสื้อ jacket เอาไปเผื่อได้ แต่แอร์ไม่ค่อยหนาวเท่าไร
program computer ง่าย เข้าใจไม่ยากไม่ต้องกังวล
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้