แชร์ประสบการณ์สอบไอเอลทั้งสองที่ British council และ idp ค่ะ
ครั้งแรกเราสมัครสอบรอบ 25/08/2018 ที่ British council สมัครผ่านเว็บไซต์ช่องทางเดียวนะคะ เราเลือกสอบ ielts แบบ ukvi เพราะจะเอาไปยื่นสมัครป.โท ที่ประเทศอังกฤษค่ะ ค่าสมัครสอบ8800 บาท เท่ากับของ idp ค่ะ
ที่เลือกสมัครที่นี่เพราะใกล้ที่พัก สามารถลง bts นานา เดินแค่ไม่ถึง 5นาทีก็ถึงเลยค่ะ
ก่อนสอบหนึ่งวันเราตื่นเต้นมาก ส่งผลให้นอนไม่หลับ เช้ามาอาการแรกคือปวดหัวก่อนเลยค่ะ คิดในใจซวยแหละ ออกจากที่พัก 7โมงกว่า แวะกินข้าว ด้วยความที่คิดว่าจากที่พักเราใกล้ ไม่ต้องรีบ งานเข้า วันนั้นเป็นอะไรไม่รู้รอ bts 10กว่านาทีจะมา เริ่มลน เพราะมองนาฬิกา จะแปดโมงแล้ว พอมาถึงก็ 8.15 ลิฟต์คนก็ออกัน สิ่งแรกที่เราเตือนคือการเผื่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ไปถึงก่อน8โมงจะได้ไม่ลนแบบเรา
พอไปถึงเค้าจะให้ฝากของ สามารถเอาน้ำดื่มเข้าได้ แต่ต้องแกะตรายี่ห้อน้ำออก นาฬิกา เครื่องเขียนห้ามเอาเข้า สิ่งที่สองที่เราจะแชร์ คือ ห้องน้ำ ielts ukvi สอบชั้น9 ที่โรงแรม landmark เรากะจะมาเข้าห้องน้ำก่อนเข้าสอบ ปรากฏว่า... ห้องน้ำชั้น9 ห้ามเข้าค่ะ เข้าปิดเอาไว้ ต้องไปเข้าชั้นสาม OO เราดูเวลา 8.20 เราจึงตัดสินใจไม่ลงไปเข้า ฝาดของแล้วลงทะเบียนเลย จึงแนะนำว่าเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นมาเลยค่ะ การมาเช้า ก่อนเวลาเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดี
พอลงทะเบียนเสร็จก็เข้าห้องสอบ หูฟังจะมีให้เปิดเช็คก่อนจะเริ่มสอบ ลักษณะโต๊ะสอบเป็นโต๊ะยาวสำหรับนั่งสองคน เวลาลบที โยกไปทั้งโต๊ะหันไปขอโทษคนข้างๆกันแทบไม่ทัน
Listening สำหรับเรา รอบนี้เจอ map โจทย์แนวที่เราไม่ชอบสุด มีฟังแล้วหลุดบ้าง พาร์ทนี้ต้องใช้สติอย่างมาก
Reading เราเจอโจทย์แนววิทยาศาสตร์ กับ แนวๆ จิตวิทยาองค์กร ซึ่งข้อผิดพลาดของเราคือไปทุ่มเวลาให้ passage 1 กับ2 จนเหลือเวลาอีกแค่20 นาที พอเปิด passage 3 โอ้..ชิ.. 1 passage ตอบประมาณ 17 ข้อ กับเวลา20 นาที ไม่ทัน บวกกับเรารู้สึกว่าpassage นี่ง่ายสุด ผิดแผนไปหมด แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับคนนะคะ บางคนอาจจะถนัดโจทย์แนววิทย์มากกว่า ดังนั้นเราแนะนำให้เปิดหัวข้อคร่าวๆ ก่อนว่าถนัด passage ไหน แล้วเลือกทำ
Writing ความชิ...เรายังไม่จบ การเขียนจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท 1.พวกกราฟต่างๆ 2. ความเห็น
Writing task1 จะมีสไตล์การเขียน แบ่งเป็น 1) trend language 2) comparison โจทย์ที่เราเจอเป็นตาราง หลักๆ รายงานข้อมูลค่ะ อย่าลืมเขียนปี กับพวกตัวเลขที่เค้ากำหนดมาด้วยนะคะ พาร์ทนี้ถ้าฝึกมากๆ สามารถทำคะแนนไม่ยากค่ะ แต่เราอ่อนซ้อม พาร์ทเขียนเป็นพาร์ทที่บังคับตัวเองเขียนยากสุด พาร์ท2 เปิดเจอคำว่า throwaway society ด้วยความที่เราใช้เวลากับพาร์ทแรกไป25 นาที จริงๆ เราควรเสร็จภายใน20 นาที เพราะเราทุ่มเวลากับพาร์ทสองซึ่งคะแนนเยอะกว่า ปัญหาคือเราตีความโจทย์ผิดไปหมด ตอบ off topic ซึ่งแน่นอนว่าถูกตัดคะแนนหนักกว่าผิดแกรมม่าอีก
พอสอบเสร็จเราก็ได้พักเที่ยง เพราะสอบ speaking อีกที 16.15 รอวนไป สำหรับเรา แถวนี้หาของกินค่อนข้างยาว หรือเราหาไม่เจอเอง55 ใกล้ๆ จะมีเซเว่นกับเเมคซึ่งอยู่ในปั๊ม ให้เติมพลังก่อนสอบพูด
การสอบพูดสอบที่ชั้น7 มีที่ให้นั่งรอ ควรมาก่อนสักสามนาทีก่อนเวลาสอบ แต่ด้วยความที่เราไม่มีที่ไปจึงมารอตั้งแต่บ่ายสอง เราไม่กล้าซ้อมพูด55 ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า เรากลัวพูดไม่ดี ไม่ได้ก่อนสอบแล้วจะลน เราจึงเลือกใช้เวลาในการฟัง podcast เทปพี่พีชชี่ รอวนไป เราว่าการฟัง podcast ได้ประโยชน์มาก นอกจากได้ฝึกฟัง แต่เรายังได้ไอเดียการตอบคำถามอีกด้วย ก่อนสอบเราจะรอที่เก้าอี้หน้าห้อง อาจารย์จะออกมาเรียก จังหวะนั้น ตื่นเต้นมาก สูดหายใจเข้าหายใจออก พอได้ยินเสียงฝีเท้า เขามาแล้ว examiner ดูใจดี เค้าจะแนะนำตัว แล้วบอกเราเกี่ยวกับอัดเสียงเรา แล้วเริ่ม
Part1 เราเจอถามเรียนหรือทำงาน
ห้องไหนที่ชอบที่สุดในบ้าน
แนวเพลงที่ชอบ
คิดว่าแนวเพลงที่ชอบในอนาคตจะเปลี่ยนแนวไหม
Part2 ทักษะอะไรที่อยากเรียนเพิ่มนอกจากในห้องเรียน
Part3 จะเชื่อมโยงกับพาร์ท2
สิ่งที่ควรระวัง เราเจอกับตัวคือ เรามานั่งนึกดู เราตอบไม่ตรงประเด็น มีหนึ่งครั้งที่ให้เค้าทวนคำถาม เวลาอยู่ในห้องสองต้องมีสติ อย่าหลุด ไม่งั้นฟังคำถามไม่ทันแบบเรา
ผลคะแนนออกมา
เราได้ listening 6/reading 6/writing 5/ speaking 5.5
Writing เราไม่แปลกใจเลยเพราะเราต้องไม่ตรงประเด็น คะแนนครั้งแรกออกมาเฟลมาก พอมานั่งนึกดูวันสอบเราไม่พร้อมสักอย่าง ลน นอนไม่หลับ สติหลุด
เราตัดสินใจสมัครสอบใหม่ทันที รอบ 15/09/2018 ซึ่งเรามีเวลาเตรียมสอบเพียง1 อาทิตย์ กับ idp
หลังประกาศคะแนนรอบแรก
ผลปรากฎว่าเราได้ overall 6
Listening 5.5
Reading 6
Writing 6
Speaking 6
มันอาจจะไม่ใช่คะแนนที่มากอะไร แต่เราก็ภูมิใจ
Idp ถ้าสอบ ielts ukvi จะสอบที่โรงแรม Pullman ใกล้ bts อโศก การสอบจะจัดที่ชั้นสาม มีห้องน้ำให้เข้าได้ที่ชั้นสามเลย รอบที่เราสอบคนสอบไม่เยอะ โต๊ะสอบ โต๊ะคนละเลย เจ้าหน้าที่ idp ค่อนข้างเฟรนด์ลี่
สิ่งที่ต่างกันกับ British council คือ ของ idp จะเป็นหูฟังไร้สาย มีให้เปิดเช็คฟังเสียงก่อนสอบ
ครั้งนี้ยอมรับว่าเราแทบไม่ได้เตรียมตัว ทวนจากครั้งแรก พยายามเตรยมตัวให้พร้อมทางกาย เช่น นอนให้หลับ มาก่อนเวลา เอาการสอบครั้งแรกเป็นบทเรียน
การสอบครั้งนี้ความยากพอๆกับครั้งแรกที่เราสอบ
แต่ listening รอบนี้เรารู้สึกว่าเค้าจะวัดเรื่องการสะกดคำ เติมs/es ซึ่งเป็นจุดที่เราพลาด จำได้เลยคำว่า philosophy เราสะกดผิด TT กับ glass เรามัวแต่กังวลเรื่องเติม s/es มากไป ได้ยิน glass ดันไปเติม glasses ซึ่งคนละความหมาย ผิดไปอีก
Reading เจอแนววิทยาศาสตร์อีกแล้วจ้า ครั้งนี้เราว่ายากขึ้น
Writing
Task1 เราเจอ pie chart
Task2 over population
สองรอบที่เราสอบ รู้สึกว่าช่วงนี้จะเป็นโจทย์แนว ให้ keyword คำมา
Speaking ครั้งนี้เราเจอสอบ 13.20 จึงไม่มีเวลาพักอะไร เราว่าพาร์ทนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อจริงๆ ถ้าเจอหัวข้อที่เราไม่มีคลังคำศัพท์ การตอบเราอาจจะดรอปไปบ้าง รอบนี้เราเจอเรื่อง season เงิบไปเลย ชอบฤดูไหนมากสุด
การเตรียมตัวสอบของเรา
เราลองเรียนคอร์สไอเอลกับสถาบันหนึ่ง
เราว่าโอเคเรื่อง writing กับ reading แต่หลักๆ เราต้องฝึกซ้อมเอง แต่เวลาเรียนกับสถาบันภาษาเราจะได้ฝึก speaking น้อย
วิธีการฝึกของเรา
พยายามทำโจทย์เก่า listening วันละ 1ฉบับ สลับกับ reading
ส่วน writing เราเขียนส่งให้อาจารย์ตรวจเพื่อดูข้อผิดพลาด พยายามอาจ model answer มาเป็นตัวอย่างเยอะๆ
Speaking เราใช้วิธีพูดกับตัวเอง อารมณ์สัมภาษณ์แล้วเราตอบ
Listening เราจะฟัง
English room ของพี่ลูก
เราชอบฟังเทป พี่พีช/ แบม ปีติภัทร/ ได๋/ เกรซ
Standard podcast ฟังเวลาเราขึ้น mrt/ bts
กับ British councils แอฟที่มันมีฟัง 6 minutes
ได้ฝึก skills ฟัง แล้วก็ได้ไอเดียการตอบคำถามเวลา speakingอีกด้วย
เวลาเราฟัง บางครั้งเราได้ประโยคน่าสนใจก็จะจดไว้ แล้วเวลาซ้อมspeaking ลองนำมาใช้
เว็ปไซต์ที่เราแนะนำในการฝึกค่ะ
http://ieltsliz.com/
Learning English with emma
E2 ielts
คะแนนเราอาจไม่ได้ดีอะไร แต่เราอยากแชร์ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการสอบของเรา เพื่อนที่กำลังเตรียมตัวสอบไอเอลสู้ๆนะคะ อย่าเครียดแล้วกดดันตัวเองเกินไป แบบเราในครั้งแรก คะแนนน้อยจนน่าใจหาย
แชร์ประสบการณ์สอบ ielts ที่ British council และ idp ฉบับเด็กไม่เก่ง
ครั้งแรกเราสมัครสอบรอบ 25/08/2018 ที่ British council สมัครผ่านเว็บไซต์ช่องทางเดียวนะคะ เราเลือกสอบ ielts แบบ ukvi เพราะจะเอาไปยื่นสมัครป.โท ที่ประเทศอังกฤษค่ะ ค่าสมัครสอบ8800 บาท เท่ากับของ idp ค่ะ
ที่เลือกสมัครที่นี่เพราะใกล้ที่พัก สามารถลง bts นานา เดินแค่ไม่ถึง 5นาทีก็ถึงเลยค่ะ
ก่อนสอบหนึ่งวันเราตื่นเต้นมาก ส่งผลให้นอนไม่หลับ เช้ามาอาการแรกคือปวดหัวก่อนเลยค่ะ คิดในใจซวยแหละ ออกจากที่พัก 7โมงกว่า แวะกินข้าว ด้วยความที่คิดว่าจากที่พักเราใกล้ ไม่ต้องรีบ งานเข้า วันนั้นเป็นอะไรไม่รู้รอ bts 10กว่านาทีจะมา เริ่มลน เพราะมองนาฬิกา จะแปดโมงแล้ว พอมาถึงก็ 8.15 ลิฟต์คนก็ออกัน สิ่งแรกที่เราเตือนคือการเผื่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ไปถึงก่อน8โมงจะได้ไม่ลนแบบเรา
พอไปถึงเค้าจะให้ฝากของ สามารถเอาน้ำดื่มเข้าได้ แต่ต้องแกะตรายี่ห้อน้ำออก นาฬิกา เครื่องเขียนห้ามเอาเข้า สิ่งที่สองที่เราจะแชร์ คือ ห้องน้ำ ielts ukvi สอบชั้น9 ที่โรงแรม landmark เรากะจะมาเข้าห้องน้ำก่อนเข้าสอบ ปรากฏว่า... ห้องน้ำชั้น9 ห้ามเข้าค่ะ เข้าปิดเอาไว้ ต้องไปเข้าชั้นสาม OO เราดูเวลา 8.20 เราจึงตัดสินใจไม่ลงไปเข้า ฝาดของแล้วลงทะเบียนเลย จึงแนะนำว่าเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นมาเลยค่ะ การมาเช้า ก่อนเวลาเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดี
พอลงทะเบียนเสร็จก็เข้าห้องสอบ หูฟังจะมีให้เปิดเช็คก่อนจะเริ่มสอบ ลักษณะโต๊ะสอบเป็นโต๊ะยาวสำหรับนั่งสองคน เวลาลบที โยกไปทั้งโต๊ะหันไปขอโทษคนข้างๆกันแทบไม่ทัน
Listening สำหรับเรา รอบนี้เจอ map โจทย์แนวที่เราไม่ชอบสุด มีฟังแล้วหลุดบ้าง พาร์ทนี้ต้องใช้สติอย่างมาก
Reading เราเจอโจทย์แนววิทยาศาสตร์ กับ แนวๆ จิตวิทยาองค์กร ซึ่งข้อผิดพลาดของเราคือไปทุ่มเวลาให้ passage 1 กับ2 จนเหลือเวลาอีกแค่20 นาที พอเปิด passage 3 โอ้..ชิ.. 1 passage ตอบประมาณ 17 ข้อ กับเวลา20 นาที ไม่ทัน บวกกับเรารู้สึกว่าpassage นี่ง่ายสุด ผิดแผนไปหมด แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับคนนะคะ บางคนอาจจะถนัดโจทย์แนววิทย์มากกว่า ดังนั้นเราแนะนำให้เปิดหัวข้อคร่าวๆ ก่อนว่าถนัด passage ไหน แล้วเลือกทำ
Writing ความชิ...เรายังไม่จบ การเขียนจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท 1.พวกกราฟต่างๆ 2. ความเห็น
Writing task1 จะมีสไตล์การเขียน แบ่งเป็น 1) trend language 2) comparison โจทย์ที่เราเจอเป็นตาราง หลักๆ รายงานข้อมูลค่ะ อย่าลืมเขียนปี กับพวกตัวเลขที่เค้ากำหนดมาด้วยนะคะ พาร์ทนี้ถ้าฝึกมากๆ สามารถทำคะแนนไม่ยากค่ะ แต่เราอ่อนซ้อม พาร์ทเขียนเป็นพาร์ทที่บังคับตัวเองเขียนยากสุด พาร์ท2 เปิดเจอคำว่า throwaway society ด้วยความที่เราใช้เวลากับพาร์ทแรกไป25 นาที จริงๆ เราควรเสร็จภายใน20 นาที เพราะเราทุ่มเวลากับพาร์ทสองซึ่งคะแนนเยอะกว่า ปัญหาคือเราตีความโจทย์ผิดไปหมด ตอบ off topic ซึ่งแน่นอนว่าถูกตัดคะแนนหนักกว่าผิดแกรมม่าอีก
พอสอบเสร็จเราก็ได้พักเที่ยง เพราะสอบ speaking อีกที 16.15 รอวนไป สำหรับเรา แถวนี้หาของกินค่อนข้างยาว หรือเราหาไม่เจอเอง55 ใกล้ๆ จะมีเซเว่นกับเเมคซึ่งอยู่ในปั๊ม ให้เติมพลังก่อนสอบพูด
การสอบพูดสอบที่ชั้น7 มีที่ให้นั่งรอ ควรมาก่อนสักสามนาทีก่อนเวลาสอบ แต่ด้วยความที่เราไม่มีที่ไปจึงมารอตั้งแต่บ่ายสอง เราไม่กล้าซ้อมพูด55 ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า เรากลัวพูดไม่ดี ไม่ได้ก่อนสอบแล้วจะลน เราจึงเลือกใช้เวลาในการฟัง podcast เทปพี่พีชชี่ รอวนไป เราว่าการฟัง podcast ได้ประโยชน์มาก นอกจากได้ฝึกฟัง แต่เรายังได้ไอเดียการตอบคำถามอีกด้วย ก่อนสอบเราจะรอที่เก้าอี้หน้าห้อง อาจารย์จะออกมาเรียก จังหวะนั้น ตื่นเต้นมาก สูดหายใจเข้าหายใจออก พอได้ยินเสียงฝีเท้า เขามาแล้ว examiner ดูใจดี เค้าจะแนะนำตัว แล้วบอกเราเกี่ยวกับอัดเสียงเรา แล้วเริ่ม
Part1 เราเจอถามเรียนหรือทำงาน
ห้องไหนที่ชอบที่สุดในบ้าน
แนวเพลงที่ชอบ
คิดว่าแนวเพลงที่ชอบในอนาคตจะเปลี่ยนแนวไหม
Part2 ทักษะอะไรที่อยากเรียนเพิ่มนอกจากในห้องเรียน
Part3 จะเชื่อมโยงกับพาร์ท2
สิ่งที่ควรระวัง เราเจอกับตัวคือ เรามานั่งนึกดู เราตอบไม่ตรงประเด็น มีหนึ่งครั้งที่ให้เค้าทวนคำถาม เวลาอยู่ในห้องสองต้องมีสติ อย่าหลุด ไม่งั้นฟังคำถามไม่ทันแบบเรา
ผลคะแนนออกมา
เราได้ listening 6/reading 6/writing 5/ speaking 5.5
Writing เราไม่แปลกใจเลยเพราะเราต้องไม่ตรงประเด็น คะแนนครั้งแรกออกมาเฟลมาก พอมานั่งนึกดูวันสอบเราไม่พร้อมสักอย่าง ลน นอนไม่หลับ สติหลุด
เราตัดสินใจสมัครสอบใหม่ทันที รอบ 15/09/2018 ซึ่งเรามีเวลาเตรียมสอบเพียง1 อาทิตย์ กับ idp
หลังประกาศคะแนนรอบแรก
ผลปรากฎว่าเราได้ overall 6
Listening 5.5
Reading 6
Writing 6
Speaking 6
มันอาจจะไม่ใช่คะแนนที่มากอะไร แต่เราก็ภูมิใจ
Idp ถ้าสอบ ielts ukvi จะสอบที่โรงแรม Pullman ใกล้ bts อโศก การสอบจะจัดที่ชั้นสาม มีห้องน้ำให้เข้าได้ที่ชั้นสามเลย รอบที่เราสอบคนสอบไม่เยอะ โต๊ะสอบ โต๊ะคนละเลย เจ้าหน้าที่ idp ค่อนข้างเฟรนด์ลี่
สิ่งที่ต่างกันกับ British council คือ ของ idp จะเป็นหูฟังไร้สาย มีให้เปิดเช็คฟังเสียงก่อนสอบ
ครั้งนี้ยอมรับว่าเราแทบไม่ได้เตรียมตัว ทวนจากครั้งแรก พยายามเตรยมตัวให้พร้อมทางกาย เช่น นอนให้หลับ มาก่อนเวลา เอาการสอบครั้งแรกเป็นบทเรียน
การสอบครั้งนี้ความยากพอๆกับครั้งแรกที่เราสอบ
แต่ listening รอบนี้เรารู้สึกว่าเค้าจะวัดเรื่องการสะกดคำ เติมs/es ซึ่งเป็นจุดที่เราพลาด จำได้เลยคำว่า philosophy เราสะกดผิด TT กับ glass เรามัวแต่กังวลเรื่องเติม s/es มากไป ได้ยิน glass ดันไปเติม glasses ซึ่งคนละความหมาย ผิดไปอีก
Reading เจอแนววิทยาศาสตร์อีกแล้วจ้า ครั้งนี้เราว่ายากขึ้น
Writing
Task1 เราเจอ pie chart
Task2 over population
สองรอบที่เราสอบ รู้สึกว่าช่วงนี้จะเป็นโจทย์แนว ให้ keyword คำมา
Speaking ครั้งนี้เราเจอสอบ 13.20 จึงไม่มีเวลาพักอะไร เราว่าพาร์ทนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อจริงๆ ถ้าเจอหัวข้อที่เราไม่มีคลังคำศัพท์ การตอบเราอาจจะดรอปไปบ้าง รอบนี้เราเจอเรื่อง season เงิบไปเลย ชอบฤดูไหนมากสุด
การเตรียมตัวสอบของเรา
เราลองเรียนคอร์สไอเอลกับสถาบันหนึ่ง
เราว่าโอเคเรื่อง writing กับ reading แต่หลักๆ เราต้องฝึกซ้อมเอง แต่เวลาเรียนกับสถาบันภาษาเราจะได้ฝึก speaking น้อย
วิธีการฝึกของเรา
พยายามทำโจทย์เก่า listening วันละ 1ฉบับ สลับกับ reading
ส่วน writing เราเขียนส่งให้อาจารย์ตรวจเพื่อดูข้อผิดพลาด พยายามอาจ model answer มาเป็นตัวอย่างเยอะๆ
Speaking เราใช้วิธีพูดกับตัวเอง อารมณ์สัมภาษณ์แล้วเราตอบ
Listening เราจะฟัง
English room ของพี่ลูก
เราชอบฟังเทป พี่พีช/ แบม ปีติภัทร/ ได๋/ เกรซ
Standard podcast ฟังเวลาเราขึ้น mrt/ bts
กับ British councils แอฟที่มันมีฟัง 6 minutes
ได้ฝึก skills ฟัง แล้วก็ได้ไอเดียการตอบคำถามเวลา speakingอีกด้วย
เวลาเราฟัง บางครั้งเราได้ประโยคน่าสนใจก็จะจดไว้ แล้วเวลาซ้อมspeaking ลองนำมาใช้
เว็ปไซต์ที่เราแนะนำในการฝึกค่ะ
http://ieltsliz.com/
Learning English with emma
E2 ielts
คะแนนเราอาจไม่ได้ดีอะไร แต่เราอยากแชร์ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการสอบของเรา เพื่อนที่กำลังเตรียมตัวสอบไอเอลสู้ๆนะคะ อย่าเครียดแล้วกดดันตัวเองเกินไป แบบเราในครั้งแรก คะแนนน้อยจนน่าใจหาย