สวัสดีค่ะทุกคน
กระทู้นี้เกิดจากการที่เราสอบ IELTS ไม่ผ่าน ถึง 2 รอบ และคิดในใจว่าถ้ารอบที่ 3 ผ่าน จะมาเขียนรีวิว เผื่อใครที่กำลังจะหมดใจในการสอบเหมือนเรา
เราวางแผนจะไปเรียนโทที่ออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยตอบรับแบบมีเงื่อนไขว่าต้องยื่นผล IELTS
ซึ่งต้องได้คะแนน IELTS overall 6.5, Each band ต้องไม่ต่ำกว่า 6
สองครั้งแรกสอบเดือน ม.ค. และ ก.พ. โดยเป็นแบบ Paper Base ซึ่งผลสอบออกมา
ครั้งแรก Overall 6.5 แต่ตก writing 5.5 จ้า ยอมรับว่าเฟล แต่ครั้งนี้เรามีAccidentว่าเราเขียนTask 1 และ Task 2 สลับ Sheet กัน เลยเสียเวลามานั่งแก้ไข ทำให้เขียนไม่ครบตามจำนวน word ... ไม่เป็นไร สอบใหม่ น่าจะผ่านได้ไม่ยากถ้าเขียนทัน (หราาาา)
ครั้งสอง Overall 7 และ writing 5.5 ... อีกแล้วหรอ!!! ซึ่งครั้งนี้ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแล้วนะ แต่ทำไมมมมม ...ครั้งนี้ยอมรับว่าเฟลหนักมาก ความมั่นใจหายไปเลย
หลังจากตั้งสติได้ก็มาคิดว่า น่าจะเป็นเพราะ skill writing ของเรา ยังไม่ดีพอ และความรู้สึกตอนสอบ writing มันดูยุ่งเหยิง ลายมือห่วยๆของเรา ทำให้เรางงเองด้วย
เลยตัดสินใจว่า จะสอบแบบ Computer Base แทน เพราะ
1 ผลสอบได้เร็วภายใน 5-7 วันทำการ (ต้องรีบสอบ รีบรู้ผล ถ้าตกอีก ต้องรีบลงสอบใหม่ ไม่งั้นไม่ทันเปิดเทอมเดือน ก.ค.)
2 เราคิดว่าเราถนัดพิมพ์มากกว่าเขียน
แต่เพิ่มความกังวลใจเรื่อง Reading เพราะเราเป็นคนอ่านช้า ยิ่งอ่านในคอมยิ่งไม่ถนัด แต่ไม่เป็นไร น่าจะฝึกได้
กระทู้นี้ขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนค่ะ 1) รีวิวการสอบ 2) การเตรียมตัว
ส่วน 1 รีวิวการสอบ (เขียนจากความจำส่วนตัวนะคะ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงหรือผิดพลาดบ้าง)
สมัครสอบกับ IDP: ตอนสมัคร เค้าจะให้เลือกเวลาสอบ Listening, Reading, Writing ก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2.45 ชม.
แล้วค่อยไปเลือกเวลาสอบ speaking
Review วันสอบ
สถานที่สอบ: CP Tower ชั้น 4 ขึ้นบันไดเลือนไป ออฟฟิศ IDP จะอยู่ทางขวา
จะมี2 ออฟฟิศ แยกสำหรับ speaking และสอบข้อเขียน
Speaking : สอบตัวต่อตัวกับกรรมการ ไม่ได้สอบกับคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด
- เค้าจะบอกให้เราไปถึงก่อนเวลาสอบ 30 นาที เราสอบ 9 โมงแต่ไปถึงตั้งแต่ 8 โมง คนไม่เยอะมาก เพราะเป็นรอบแรกๆ
- เรียกชื่อลงทะเบียน ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ
- รอไม่นานก็เรียกเข้าห้องสอบ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็เสร็จ ออกมารอสอบอีก 3 skills ช่วงบ่าย
Listening, Reading, Writing: ซึ่งอันนี้สอบกับคอมพิวเตอร์แล้ว
- รอบนี้ไปสอบอีกออฟฟิศที่อยู่ติดกัน
- เรียกลงทะเบียนประมาณ บ่ายโมง มีตู้ให้ฝากของ, มีน้ำเปล่าให้ถือเข้าห้อง, เอาของทุกอย่างฝากไว้ข้างนอก
ของที่จะเอาเข้าห้องสอบได้มีแค่
1. บัตรประชาชนหรือ Passport
2. Tag ที่ใช้ฝากของ (ถ้าใครฝากของ)
- ระหว่างรอเรียกลงทะเบียนก็จะมี Videoแนะนำวิธีการทำข้อสอบแบบComputer เปิดวนไป แนะนำให้ตั้งใจดู เวลาเจออะไรแปลกๆจะได้ไม่ตกใจ
- ลงทะเบียนเสร็จ จนท.จะพาเข้าห้องไปนั่งตามโต๊ะ
- ที่โต๊ะจะมี Notebook หูฟังแบบครอบหู, เมาท์, สายไฟสายอินเตอร์เน็ตต่างๆ อุปกรณ์คอมฯทุกอย่างจะเสียบไว้อยู่แล้ว แถมมีดินสอและยางลบให้ด้วย
- อย่า! เพิ่งไปแตะอะไรจนกว่าจนท.จะอนุญาต นะจ๊ะ
- พอทุกคนพร้อม มีจนท. เข้ามาแจ้งกฎต่างๆ ตั้งใจฟังด้วยนะ ว่าอะไรทำได้ไม่ได้
- อธิบายกฎเสร็จ จะมีการทดสอบหูฟัง หูฟังปรับเสียงดังหรือเบาได้ ตรงปุ่มขวามือด้านบนของหน้าจอ
- ทดสอบหูฟังจบ จนท.จะแจก Username Password สำหรับ log in การสอบแต่ละ Part โดยแจก Listening กับ Reading จะแจกพร้อมกัน เป็นกระดาษไซส์ A4 (ใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้นะ ไม่มีการคิดคะแนน)
เริ่มสอบได้!
Listening
- log in ด้วย Username&Password สำหรับ listening
- อ่าน instruction คลิ๊ก Ok
- หน้าจอเด้ง ขึ้นมาว่าเราจะเลือกไซส์ตัวหนังสือขนาดไหน สีไหน เราเลือกแบบ Standard
- รอระบบโหลดนิดหน่อย โจทย์ก็จะเด้งขึ้นมา เริ่มสอบได้
- พิมพ์ หรือเลือกคำตอบลงไปตามหมายเลขข้อได้เลย
- แถบด้านล่างของจอ ฝั่งซ้ายมีช่องให้เลือกว่าจะกลับมา review ข้อไหนได้ด้วย, คั่นด้วย เลขข้อแต่ละข้อเรียงยาวๆไป 40 ข้อ ให้เรากดกลับไปกลับมาที่ข้อนั้นได้เลย , ฝั่งขวา มีลูกศรสีดำ กดกลับไปกลับมาในแต่ละ partได้ด้วย
- ส่วนตัวเราไม่ได้สนใจแถบด่านล่างมากนัก เพราะตั้งใจฟัง ทำทีละข้อๆไป จบแต่ละ Part มีเวลาให้รีวิวคำตอบนิดหน่อย (ไม่น่าเกิน 1 นาทีถ้าจำไม่ผิด)
- จบทุก Part มีเวลาให้รีวิวคำตอบทั้งหมดอีก 2 นาที เรามา review ทุกข้อตรงนี้มากกว่า ว่าข้อไหนยังไม่ได้ตอบ ข้อไหนที่ไม่มั่นใจและกลับไปดู
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload คำตอบของเรา ตอนนี้ปล่อยคอมทำงานของมัน จนท.จะบอกว่าไม่ให้เราแตะคอมเลย (ช่วงตอนมัน upload นี่กลัวใจว่าerror มาก แบบจิตตก 555+)
- พอ upload คำตอบเสร็จ หน้าจอจะกลับไปที่หน้า log in อีกรอบ
Reading
- logด้วย Username&Password สำหรับ Reading
- อ่าน instruction คลิ๊ก Ok (เหมือนเดิม)
- หน้าจอเด้ง ขึ้นมาว่าเราจะเลือกไซส์ตัวหนังสือขนาดไหน สีไหน (เหมือนเดิม)
- รอระบบโหลดนิดหน่อย โจทย์ก็จะเด้งขึ้นมา เริ่มสอบได้ (เหมือนเดิม)
- มีแถบด้านล่างจอ สำหรับรีวิวคำตอบ เหมือนกันกับ listening กดกลับไปมา ได้ตลอดเวลา
- หน้าจอแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายเป็น passage ขวา เป็น โจทย์
- สามารถคลิ๊กซ้ายลาก และคลิ๊กขวากดไฮท์ไลท์ได้ (เป็นสีเหลือง) ตรง หน้าจอpassage ฝั่งซ้ายได้
- สามารถ create note ตรงที่ไฮท์ไลท์ได้ด้วย (แต่เราไม่รู้จะnoteอะไร แค่อ่านก็ไม่ทันแล้ว 555 +)
- รูปแบบการเลือกคำตอบที่เราเจอและจำได้
1. multiple choice คลิ๊กเลือกตามปกติ (บางคำถามต้องคลิ๊กตรงคำถามเพื่อให้ drop down ลงเป็นตัวเลือกให้เราเลือกเช่น true/ false / not given)
2. ลากตัวเลือกมาใส่ตามข้อ เช่น ลาก Heading ทางขวามือ มาใส่ ตรงPassage ทางซ้ายมือ หรือ ลากคำศัพท์มาใส่ตรงช่องคำตอบ ถ้าจะเปลี่ยนคำตอบก็แค่ลากคำตอบอื่นมาใส่แทน ง่ายๆแค่นั้น
*บอกแล้วให้ตั้งใจดูVideo แนะนำ ตรงห้อง register
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload
- พอ upload คำตอบเสร็จ หน้าจอจะกลับไปที่หน้า log in อีกรอบ
Writing
- จนท.จะเดินเก็บกระดาษ Username&Password สำหรับ Listening&Reading ไปและ แจก Username&Password สำหรับ Writing
- log in เข้าระบบเหมือนเดิม
- เริ่มสอบ หน้าจอจะเปิด Task 1 มาให้ก่อน แต่ใครคิดว่าจะทำ Task 2 ก่อน ก็น่าจะคลิ๊กตรงลูกศร ไป Task 2 ได้นะ แต่เราทำเรียงไป เขียนเสร็จค่อยกลับมารีวิวอีกที
- ระบบนับคำให้ด้วย คือดีงาม ไม่ต้องมากังวลว่าจะเขียนเกินหรือขาดทีหลัง
- สำหรับคนลายมือห่วยอย่างเรา มันทำให้เราเห็นไอเดียตัวเองง่ายขึ้น ว่าเขียนอะไรตรงไหนไปแล้วบ้าง
- สามารถเขียนไอเดียใส่ กระดาษ Username&Password
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload
เพิ่มเติม
- หน้าจอจะมีเวลาบอกในการสอบแต่ละ skill ตลอด (60 นาที/Skill)
- และจะกระพริบสีแดงตอนที่เวลาเหลือ 10 และ 5 นาที
- หลังจากสอบเสร็จ คหสต.รู้สึกชอบแบบ Computer มากกว่า เพราะคนไม่เยอะ ทำให้มีสมาธิมากกว่าตอนสอบแบบ Paper
ส่วน 2 ขออนุญาตแชร์การเตรียมตัวของเรา เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆได้
ปริ้นข้อสอบต่างๆที่หาได้ใน Google
แนะนำลิ้ง:
สำหรับPaper Base
https://ieltsmaterial.com/cambridge-practice-tests-ielts-series-self-study-students-book-cd/
ปริ้นโลด มีอยู่ 13 เล่ม (ข้อสอบมีเล่มละ 4 ชุด, มีไฟล์เสียงpart Listenning ให้ด้วย)
สำหรับ Computer Base
https://ieltsonlinetests.com/
ค่อนข้างใกล้เคียงกับหน้าตาข้อสอบของจริง แนะนำมากสำหรับคนที่จะสอบแบบ Computer Base
สำหรับเราใช้คำว่า ตะบี้ตะบันทำข้อสอบ
เราจะฝึกทำข้อสอบอย่างเดียวเลย
แบ่งประมาณนี้ (อันนี้เป็นเทคนิคที่เราฝึกส่วนตัวนะ แต่ละคนอาจจะต้องการวิธีที่ต่างกันออกไป)
โดยจะทำข้อสอบวันละ 1 ชุด หลังเลิกงานพอ เน้น listening, reading และ writing ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอย่างน้อย 2.30 ชม.ละจ้า ซึ่งสำหรับเรา เกินตลอดก็มัวแต่อ้อยอิ่งอยู่
Listening
1. เราให้เวลาแค่ 30 นาที
2. ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 Part จากง่ายไปยาก ฟังรวดเดียวเลย
3. เราจะอ่านคำถามนำไปก่อนนิดหน่อย เช่นเค้าอาจจะพูดว่าให้เราดูคำถามที่ 1-5 แต่ถ้าเวลาเหลือ เราจะดู 6-10 ไว้เลย อะไรประมาณนี้ แต่พอเค้าเริ่มพูดแล้วต้องดึงสติกลับมาฟังนะ
การอ่านโจทย์ก่อน จะทำให้เรารู้ว่า เราต้องการคำตอบแบบไหน เช่น ตัวเลข ชื่อคน ชื่อสถานที่ จุดประสงค์ ความต้องการของคนพูด
Reading ปัญหาของเราในพาร์ทนี้คืออ่านช้า และไม่ถนัดในการอ่านโจทย์ก่อนแล้วมาหาคำตอบทีหลัง
เพราะงั้นเราต้องฝึกให้อ่านเร็วขึ้น หาใจความสำคัญของแต่ละ paragraph ให้ได้เร็วที่สุด
เทคนิคเราคือ
1. ถ้า paragraph ไหนยาวไม่เกิน 5 บรรทัด เราจะอ่านหมด แต่อ่านแบบเร็วๆนะ ไม่ได้ตั้งใจอ่านทุกตัว แค่ให้รู้ว่ามันพูดถึงอะไรคร่าวๆ
2. ถ้า paragraph ไหนยาวมากเกิด 5 บรรทัด เราจะอ่าน 2 ประโยคแรก , ประโยคกลางๆparagraph, และ 2 ประโยคสุดท้าย
3. ถ้าคำถามข้อไหนยากเกินไป เดาไว้ก่อนเลยจ้า โดยเฉพาะโจทย์ที่เป็น Choice, True/Fasle/Not Given เราจะไม่ปล่อยว่าง เพราะเผื่อในกรณีที่ทำไม่ทัน อย่างน้อยถ้าตอบก็ยังมีโอกาสถูกอยู่บ้าง ดีกว่าไม่ตอบและคะแนนหาย 1 คะแนนแน่ๆ
4. สำคัญสุด คือฝึกทำข้อสอบ อย่างน้อยวันละ 1 ชุด ซึ่งจะมี 3 passages ปกติจะเรียงจากง่ายไปยากเหมือนกัน
5. ฝึกๆๆๆๆๆ และจับเวลาด้วย 60 นาทีเท่านั้น!!! passageละ 20 นาที passageแรกส่วนใหญ่จะเข้าใจง่ายกว่า (จากที่เคยเจอมานะ) พยายามทำให้เร็วที่สุด จะได้เอาเวลาไปทดไว้กับอีก2 passagesที่เหลือ
6. แนะนำว่า ฝึกทำโจทย์เยอะๆ แล้วจะค้นพบเทคนิคของตัวเองว่าเหมาะกับแบบไหน
Writing ของแขยงของเราเอง
หลังจากที่เฟลมา2 รอบ การเตรียมตัวรอบ 3 เลยต่างออกไป
1. ซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ เรียนเอาเทคนิค เพราะ2รอบแรกไม่ได้สนใจ pattern อะไรเลย
2. หาตัวอย่างคำตอบ การเขียนมาเตรียมไว้ เอามาปรับใช้ เช่นโจทย์เรื่องเทคโนโลยี ซื้อของออนไลน์/ ครอบครัว เด็ก/ การทำงาน ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต/ การกิน วิถีชีวิต
พูดง่ายๆคือเตรียมไอเดียไว้ เตรียมคำศัพท์ไว้ สำหรับแต่ละเรื่อง
3. ฝึกเขียนและเสียเงินให้คนอื่นช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนเราให้ 555+ เราใช้ www.ielts-blog.com เค้ามีบริการตรวจ writing ให้คะแนน, และแนะนำสิ่งที่เราต้องปรับปรุงมีหลาย package แล้วแต่จะเลือก เราเลือกแบบ 4 essay ซึ่งเราส่งไปทีเดียว 4 essay คำแนะนำเลยมาเหมือนกันหมดคือ grammar, vocabulary, complex sentenses
4.การเตรียมตัว 2 ครั้งแรกคือไม่โฟกัสpart นี้เลย เพราะคิดว่าชิลๆ แต่พอมาครั้งที่ 3 รู้ตัวแล้วว่านี่คือจุดอ่อนของเรา เราฝึกเขียนวันละ 1 ข้อ ไม่ว่าจะเป็น Task1 หรือ Task2 และจับเวลา จนตอนใกล้จะสอบครั้งที่ 3 เลิกเขียนเพราะหมดไอเดีย เครียด เขียนไม่ออก 555 ง่ายๆคือปลง แล้วหันไปฟื้น part อื่นๆด้วย
Speaking
เราไม่ค่อยฝึกเท่าไหร่ อันนี้บอกตรงๆ เพราะส่วนตัวเราพอจะแถๆได้บ้าง จะมาเตรียมวันสุดท้ายก่อนสอบ คือดูคำถามว่าใน 3 Part จะมีคำถามอะไรผุดมาบ้าง แล้วก็เตรียมคำตอบไปในใจ แต่ใครที่อยากได้เทคนิคการฝึกพูดดีๆ เราแนะนำช่องนี้ สอนเทคนิคแต่ละ Skillค่อนข้างละเอียดและชัดเจน นำมาประยุกต์ได้ www.youtube.com/channel/UCglDIsg_Z9mE2oT9hsrbzFA
ผลครั้งที่ 3 ออกมากคือ Overall 7, Listening 8, Reading 7, Speaking 6, Writing 6!!!!! (ผ่านแล้ววววว ยอมรับว่าผิดหวังในspeaking ของตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่าครั้งนี้ไม่ได้เตรียมเลย เลยช่างมัน ถือว่าผ่านแล้ว โล่งซักที)
รีวิวสอบ IELTS Computer Delivered Test
กระทู้นี้เกิดจากการที่เราสอบ IELTS ไม่ผ่าน ถึง 2 รอบ และคิดในใจว่าถ้ารอบที่ 3 ผ่าน จะมาเขียนรีวิว เผื่อใครที่กำลังจะหมดใจในการสอบเหมือนเรา
เราวางแผนจะไปเรียนโทที่ออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยตอบรับแบบมีเงื่อนไขว่าต้องยื่นผล IELTS
ซึ่งต้องได้คะแนน IELTS overall 6.5, Each band ต้องไม่ต่ำกว่า 6
สองครั้งแรกสอบเดือน ม.ค. และ ก.พ. โดยเป็นแบบ Paper Base ซึ่งผลสอบออกมา
ครั้งแรก Overall 6.5 แต่ตก writing 5.5 จ้า ยอมรับว่าเฟล แต่ครั้งนี้เรามีAccidentว่าเราเขียนTask 1 และ Task 2 สลับ Sheet กัน เลยเสียเวลามานั่งแก้ไข ทำให้เขียนไม่ครบตามจำนวน word ... ไม่เป็นไร สอบใหม่ น่าจะผ่านได้ไม่ยากถ้าเขียนทัน (หราาาา)
ครั้งสอง Overall 7 และ writing 5.5 ... อีกแล้วหรอ!!! ซึ่งครั้งนี้ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแล้วนะ แต่ทำไมมมมม ...ครั้งนี้ยอมรับว่าเฟลหนักมาก ความมั่นใจหายไปเลย
หลังจากตั้งสติได้ก็มาคิดว่า น่าจะเป็นเพราะ skill writing ของเรา ยังไม่ดีพอ และความรู้สึกตอนสอบ writing มันดูยุ่งเหยิง ลายมือห่วยๆของเรา ทำให้เรางงเองด้วย
เลยตัดสินใจว่า จะสอบแบบ Computer Base แทน เพราะ
1 ผลสอบได้เร็วภายใน 5-7 วันทำการ (ต้องรีบสอบ รีบรู้ผล ถ้าตกอีก ต้องรีบลงสอบใหม่ ไม่งั้นไม่ทันเปิดเทอมเดือน ก.ค.)
2 เราคิดว่าเราถนัดพิมพ์มากกว่าเขียน
แต่เพิ่มความกังวลใจเรื่อง Reading เพราะเราเป็นคนอ่านช้า ยิ่งอ่านในคอมยิ่งไม่ถนัด แต่ไม่เป็นไร น่าจะฝึกได้
กระทู้นี้ขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนค่ะ 1) รีวิวการสอบ 2) การเตรียมตัว
ส่วน 1 รีวิวการสอบ (เขียนจากความจำส่วนตัวนะคะ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงหรือผิดพลาดบ้าง)
สมัครสอบกับ IDP: ตอนสมัคร เค้าจะให้เลือกเวลาสอบ Listening, Reading, Writing ก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2.45 ชม.
แล้วค่อยไปเลือกเวลาสอบ speaking
Review วันสอบ
สถานที่สอบ: CP Tower ชั้น 4 ขึ้นบันไดเลือนไป ออฟฟิศ IDP จะอยู่ทางขวา
จะมี2 ออฟฟิศ แยกสำหรับ speaking และสอบข้อเขียน
Speaking : สอบตัวต่อตัวกับกรรมการ ไม่ได้สอบกับคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด
- เค้าจะบอกให้เราไปถึงก่อนเวลาสอบ 30 นาที เราสอบ 9 โมงแต่ไปถึงตั้งแต่ 8 โมง คนไม่เยอะมาก เพราะเป็นรอบแรกๆ
- เรียกชื่อลงทะเบียน ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ
- รอไม่นานก็เรียกเข้าห้องสอบ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็เสร็จ ออกมารอสอบอีก 3 skills ช่วงบ่าย
Listening, Reading, Writing: ซึ่งอันนี้สอบกับคอมพิวเตอร์แล้ว
- รอบนี้ไปสอบอีกออฟฟิศที่อยู่ติดกัน
- เรียกลงทะเบียนประมาณ บ่ายโมง มีตู้ให้ฝากของ, มีน้ำเปล่าให้ถือเข้าห้อง, เอาของทุกอย่างฝากไว้ข้างนอก
ของที่จะเอาเข้าห้องสอบได้มีแค่
1. บัตรประชาชนหรือ Passport
2. Tag ที่ใช้ฝากของ (ถ้าใครฝากของ)
- ระหว่างรอเรียกลงทะเบียนก็จะมี Videoแนะนำวิธีการทำข้อสอบแบบComputer เปิดวนไป แนะนำให้ตั้งใจดู เวลาเจออะไรแปลกๆจะได้ไม่ตกใจ
- ลงทะเบียนเสร็จ จนท.จะพาเข้าห้องไปนั่งตามโต๊ะ
- ที่โต๊ะจะมี Notebook หูฟังแบบครอบหู, เมาท์, สายไฟสายอินเตอร์เน็ตต่างๆ อุปกรณ์คอมฯทุกอย่างจะเสียบไว้อยู่แล้ว แถมมีดินสอและยางลบให้ด้วย
- อย่า! เพิ่งไปแตะอะไรจนกว่าจนท.จะอนุญาต นะจ๊ะ
- พอทุกคนพร้อม มีจนท. เข้ามาแจ้งกฎต่างๆ ตั้งใจฟังด้วยนะ ว่าอะไรทำได้ไม่ได้
- อธิบายกฎเสร็จ จะมีการทดสอบหูฟัง หูฟังปรับเสียงดังหรือเบาได้ ตรงปุ่มขวามือด้านบนของหน้าจอ
- ทดสอบหูฟังจบ จนท.จะแจก Username Password สำหรับ log in การสอบแต่ละ Part โดยแจก Listening กับ Reading จะแจกพร้อมกัน เป็นกระดาษไซส์ A4 (ใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้นะ ไม่มีการคิดคะแนน)
เริ่มสอบได้!
Listening
- log in ด้วย Username&Password สำหรับ listening
- อ่าน instruction คลิ๊ก Ok
- หน้าจอเด้ง ขึ้นมาว่าเราจะเลือกไซส์ตัวหนังสือขนาดไหน สีไหน เราเลือกแบบ Standard
- รอระบบโหลดนิดหน่อย โจทย์ก็จะเด้งขึ้นมา เริ่มสอบได้
- พิมพ์ หรือเลือกคำตอบลงไปตามหมายเลขข้อได้เลย
- แถบด้านล่างของจอ ฝั่งซ้ายมีช่องให้เลือกว่าจะกลับมา review ข้อไหนได้ด้วย, คั่นด้วย เลขข้อแต่ละข้อเรียงยาวๆไป 40 ข้อ ให้เรากดกลับไปกลับมาที่ข้อนั้นได้เลย , ฝั่งขวา มีลูกศรสีดำ กดกลับไปกลับมาในแต่ละ partได้ด้วย
- ส่วนตัวเราไม่ได้สนใจแถบด่านล่างมากนัก เพราะตั้งใจฟัง ทำทีละข้อๆไป จบแต่ละ Part มีเวลาให้รีวิวคำตอบนิดหน่อย (ไม่น่าเกิน 1 นาทีถ้าจำไม่ผิด)
- จบทุก Part มีเวลาให้รีวิวคำตอบทั้งหมดอีก 2 นาที เรามา review ทุกข้อตรงนี้มากกว่า ว่าข้อไหนยังไม่ได้ตอบ ข้อไหนที่ไม่มั่นใจและกลับไปดู
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload คำตอบของเรา ตอนนี้ปล่อยคอมทำงานของมัน จนท.จะบอกว่าไม่ให้เราแตะคอมเลย (ช่วงตอนมัน upload นี่กลัวใจว่าerror มาก แบบจิตตก 555+)
- พอ upload คำตอบเสร็จ หน้าจอจะกลับไปที่หน้า log in อีกรอบ
Reading
- logด้วย Username&Password สำหรับ Reading
- อ่าน instruction คลิ๊ก Ok (เหมือนเดิม)
- หน้าจอเด้ง ขึ้นมาว่าเราจะเลือกไซส์ตัวหนังสือขนาดไหน สีไหน (เหมือนเดิม)
- รอระบบโหลดนิดหน่อย โจทย์ก็จะเด้งขึ้นมา เริ่มสอบได้ (เหมือนเดิม)
- มีแถบด้านล่างจอ สำหรับรีวิวคำตอบ เหมือนกันกับ listening กดกลับไปมา ได้ตลอดเวลา
- หน้าจอแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายเป็น passage ขวา เป็น โจทย์
- สามารถคลิ๊กซ้ายลาก และคลิ๊กขวากดไฮท์ไลท์ได้ (เป็นสีเหลือง) ตรง หน้าจอpassage ฝั่งซ้ายได้
- สามารถ create note ตรงที่ไฮท์ไลท์ได้ด้วย (แต่เราไม่รู้จะnoteอะไร แค่อ่านก็ไม่ทันแล้ว 555 +)
- รูปแบบการเลือกคำตอบที่เราเจอและจำได้
1. multiple choice คลิ๊กเลือกตามปกติ (บางคำถามต้องคลิ๊กตรงคำถามเพื่อให้ drop down ลงเป็นตัวเลือกให้เราเลือกเช่น true/ false / not given)
2. ลากตัวเลือกมาใส่ตามข้อ เช่น ลาก Heading ทางขวามือ มาใส่ ตรงPassage ทางซ้ายมือ หรือ ลากคำศัพท์มาใส่ตรงช่องคำตอบ ถ้าจะเปลี่ยนคำตอบก็แค่ลากคำตอบอื่นมาใส่แทน ง่ายๆแค่นั้น
*บอกแล้วให้ตั้งใจดูVideo แนะนำ ตรงห้อง register
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload
- พอ upload คำตอบเสร็จ หน้าจอจะกลับไปที่หน้า log in อีกรอบ
Writing
- จนท.จะเดินเก็บกระดาษ Username&Password สำหรับ Listening&Reading ไปและ แจก Username&Password สำหรับ Writing
- log in เข้าระบบเหมือนเดิม
- เริ่มสอบ หน้าจอจะเปิด Task 1 มาให้ก่อน แต่ใครคิดว่าจะทำ Task 2 ก่อน ก็น่าจะคลิ๊กตรงลูกศร ไป Task 2 ได้นะ แต่เราทำเรียงไป เขียนเสร็จค่อยกลับมารีวิวอีกที
- ระบบนับคำให้ด้วย คือดีงาม ไม่ต้องมากังวลว่าจะเขียนเกินหรือขาดทีหลัง
- สำหรับคนลายมือห่วยอย่างเรา มันทำให้เราเห็นไอเดียตัวเองง่ายขึ้น ว่าเขียนอะไรตรงไหนไปแล้วบ้าง
- สามารถเขียนไอเดียใส่ กระดาษ Username&Password
- หมดเวลา จอจะตัดทันที
- ระบบบันทึกคำตอบ และ Upload
เพิ่มเติม
- หน้าจอจะมีเวลาบอกในการสอบแต่ละ skill ตลอด (60 นาที/Skill)
- และจะกระพริบสีแดงตอนที่เวลาเหลือ 10 และ 5 นาที
- หลังจากสอบเสร็จ คหสต.รู้สึกชอบแบบ Computer มากกว่า เพราะคนไม่เยอะ ทำให้มีสมาธิมากกว่าตอนสอบแบบ Paper
ส่วน 2 ขออนุญาตแชร์การเตรียมตัวของเรา เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆได้
ปริ้นข้อสอบต่างๆที่หาได้ใน Google
แนะนำลิ้ง:
สำหรับPaper Base
https://ieltsmaterial.com/cambridge-practice-tests-ielts-series-self-study-students-book-cd/
ปริ้นโลด มีอยู่ 13 เล่ม (ข้อสอบมีเล่มละ 4 ชุด, มีไฟล์เสียงpart Listenning ให้ด้วย)
สำหรับ Computer Base
https://ieltsonlinetests.com/
ค่อนข้างใกล้เคียงกับหน้าตาข้อสอบของจริง แนะนำมากสำหรับคนที่จะสอบแบบ Computer Base
สำหรับเราใช้คำว่า ตะบี้ตะบันทำข้อสอบ
เราจะฝึกทำข้อสอบอย่างเดียวเลย
แบ่งประมาณนี้ (อันนี้เป็นเทคนิคที่เราฝึกส่วนตัวนะ แต่ละคนอาจจะต้องการวิธีที่ต่างกันออกไป)
โดยจะทำข้อสอบวันละ 1 ชุด หลังเลิกงานพอ เน้น listening, reading และ writing ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอย่างน้อย 2.30 ชม.ละจ้า ซึ่งสำหรับเรา เกินตลอดก็มัวแต่อ้อยอิ่งอยู่
Listening
1. เราให้เวลาแค่ 30 นาที
2. ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 Part จากง่ายไปยาก ฟังรวดเดียวเลย
3. เราจะอ่านคำถามนำไปก่อนนิดหน่อย เช่นเค้าอาจจะพูดว่าให้เราดูคำถามที่ 1-5 แต่ถ้าเวลาเหลือ เราจะดู 6-10 ไว้เลย อะไรประมาณนี้ แต่พอเค้าเริ่มพูดแล้วต้องดึงสติกลับมาฟังนะ
การอ่านโจทย์ก่อน จะทำให้เรารู้ว่า เราต้องการคำตอบแบบไหน เช่น ตัวเลข ชื่อคน ชื่อสถานที่ จุดประสงค์ ความต้องการของคนพูด
Reading ปัญหาของเราในพาร์ทนี้คืออ่านช้า และไม่ถนัดในการอ่านโจทย์ก่อนแล้วมาหาคำตอบทีหลัง
เพราะงั้นเราต้องฝึกให้อ่านเร็วขึ้น หาใจความสำคัญของแต่ละ paragraph ให้ได้เร็วที่สุด
เทคนิคเราคือ
1. ถ้า paragraph ไหนยาวไม่เกิน 5 บรรทัด เราจะอ่านหมด แต่อ่านแบบเร็วๆนะ ไม่ได้ตั้งใจอ่านทุกตัว แค่ให้รู้ว่ามันพูดถึงอะไรคร่าวๆ
2. ถ้า paragraph ไหนยาวมากเกิด 5 บรรทัด เราจะอ่าน 2 ประโยคแรก , ประโยคกลางๆparagraph, และ 2 ประโยคสุดท้าย
3. ถ้าคำถามข้อไหนยากเกินไป เดาไว้ก่อนเลยจ้า โดยเฉพาะโจทย์ที่เป็น Choice, True/Fasle/Not Given เราจะไม่ปล่อยว่าง เพราะเผื่อในกรณีที่ทำไม่ทัน อย่างน้อยถ้าตอบก็ยังมีโอกาสถูกอยู่บ้าง ดีกว่าไม่ตอบและคะแนนหาย 1 คะแนนแน่ๆ
4. สำคัญสุด คือฝึกทำข้อสอบ อย่างน้อยวันละ 1 ชุด ซึ่งจะมี 3 passages ปกติจะเรียงจากง่ายไปยากเหมือนกัน
5. ฝึกๆๆๆๆๆ และจับเวลาด้วย 60 นาทีเท่านั้น!!! passageละ 20 นาที passageแรกส่วนใหญ่จะเข้าใจง่ายกว่า (จากที่เคยเจอมานะ) พยายามทำให้เร็วที่สุด จะได้เอาเวลาไปทดไว้กับอีก2 passagesที่เหลือ
6. แนะนำว่า ฝึกทำโจทย์เยอะๆ แล้วจะค้นพบเทคนิคของตัวเองว่าเหมาะกับแบบไหน
Writing ของแขยงของเราเอง
หลังจากที่เฟลมา2 รอบ การเตรียมตัวรอบ 3 เลยต่างออกไป
1. ซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ เรียนเอาเทคนิค เพราะ2รอบแรกไม่ได้สนใจ pattern อะไรเลย
2. หาตัวอย่างคำตอบ การเขียนมาเตรียมไว้ เอามาปรับใช้ เช่นโจทย์เรื่องเทคโนโลยี ซื้อของออนไลน์/ ครอบครัว เด็ก/ การทำงาน ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต/ การกิน วิถีชีวิต
พูดง่ายๆคือเตรียมไอเดียไว้ เตรียมคำศัพท์ไว้ สำหรับแต่ละเรื่อง
3. ฝึกเขียนและเสียเงินให้คนอื่นช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนเราให้ 555+ เราใช้ www.ielts-blog.com เค้ามีบริการตรวจ writing ให้คะแนน, และแนะนำสิ่งที่เราต้องปรับปรุงมีหลาย package แล้วแต่จะเลือก เราเลือกแบบ 4 essay ซึ่งเราส่งไปทีเดียว 4 essay คำแนะนำเลยมาเหมือนกันหมดคือ grammar, vocabulary, complex sentenses
4.การเตรียมตัว 2 ครั้งแรกคือไม่โฟกัสpart นี้เลย เพราะคิดว่าชิลๆ แต่พอมาครั้งที่ 3 รู้ตัวแล้วว่านี่คือจุดอ่อนของเรา เราฝึกเขียนวันละ 1 ข้อ ไม่ว่าจะเป็น Task1 หรือ Task2 และจับเวลา จนตอนใกล้จะสอบครั้งที่ 3 เลิกเขียนเพราะหมดไอเดีย เครียด เขียนไม่ออก 555 ง่ายๆคือปลง แล้วหันไปฟื้น part อื่นๆด้วย
Speaking
เราไม่ค่อยฝึกเท่าไหร่ อันนี้บอกตรงๆ เพราะส่วนตัวเราพอจะแถๆได้บ้าง จะมาเตรียมวันสุดท้ายก่อนสอบ คือดูคำถามว่าใน 3 Part จะมีคำถามอะไรผุดมาบ้าง แล้วก็เตรียมคำตอบไปในใจ แต่ใครที่อยากได้เทคนิคการฝึกพูดดีๆ เราแนะนำช่องนี้ สอนเทคนิคแต่ละ Skillค่อนข้างละเอียดและชัดเจน นำมาประยุกต์ได้ www.youtube.com/channel/UCglDIsg_Z9mE2oT9hsrbzFA
ผลครั้งที่ 3 ออกมากคือ Overall 7, Listening 8, Reading 7, Speaking 6, Writing 6!!!!! (ผ่านแล้ววววว ยอมรับว่าผิดหวังในspeaking ของตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่าครั้งนี้ไม่ได้เตรียมเลย เลยช่างมัน ถือว่าผ่านแล้ว โล่งซักที)