รีวิวสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ปี 63 + วิธีการสมัครและการเตรียมตัวอ่านหนังสือแบบละเอียด


เพิ่งไปสอบ IELTS เมื่อวันที่ 1 ก.พ.63 มาค่ะ คะแนนออกแล้วด้วยได้ Overall 6.5 ภูมิใจมาก ๆ เลยค่ะ เป็นการสอบครั้งแรก คะแนนที่ได้จะเอาไว้ใช้เรียนต่อปริญญาโทค่ะ โดยการสอบครั้งนี้เราสอบแบบ Computer Based ของ IDP ค่ะ สอบที่ตึก CP Tower ติดรถไฟฟ้าศาลาแดง มาง่ายมากค่ะ 
            
วิธีการสมัครสอบ

            เราหาข้อมูลการสอบมาตลอด ตอนแรกตั้งใจจะสอบแบบ Paper Based (6,900 ฿) เพราะค่าสอบถูกกว่า 55555+ แต่เพื่อนสนิทแนะนำให้สอบแบบ Computer Based (7,500 ฿) ดีกว่าค่ะ เพราะตอน part writing มันสะดวกกว่ามาก ซึ่งก็จริงค่ะ (เดี๋ยวขยายความใน part การสอบนะคะ) บางคนงงว่าจะสมัครยังไง สมัครของเจ้าไหนดี เราแนะนำดูวิธีการสมัครในวิดีโออันนี้เลยค่ะ กระจ่างแน่นอน เพราะตอนแรกเราก็ไม่ชัวร์เรื่องการสมัครเหมือนกัน อันนี้ช่วยได้มากค่ะ 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

โอเค เราตัดสินใจเลือกวันที่ เวลาสอบ และก็สมัครเสร็จแล้ว ก็ไปขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวสอบ
            
            
วิธีการเตรียมตัวสอบ 

            คือเราผัดวันประกันพรุ่ง (Procrastinating แจกศัพท์ค่ะเผื่อได้ใช้กัน 5555+) ในการสอบมานาน จนต้องใช้ Flight บังคับคือสมัครแล้วเตรียมอ่านหนังสือซะ เพราะค่าสอบมันแพง แกต้องไปอ่านหนังสือสอบซะ เหล่านี้คือสิ่งที่เราใช้ในการเตรียมตัวค่ะ 

1.      หนังสือ IELTS Cambridge version ล่าสุด ราคา 629 บาท (ราคาจากเว็บศูนย์หนังสือจุฬาฯ) 
 Must have ต้องมีอย่างมาก อันนี้ไม่มีไม่ได้ เพราะช่วยสอนตั้ง basic beginner ยัน mock up test ด้านหลังที่เหมือนจริง และใกล้เคียงมาก อันนี้แนะนำทุกคนให้ซื้อไว้อ่านค่ะ ช่วยในการเตรียมตัว part listening & reading & speaking อย่างมากค่ะ 

เว็บนี้ดีมากกกกกกกกก ลักษณะเหมือนข้อสอบจริงมาก เหมือนอันที่เป็นหนังสือเลยค่ะ แต่เขามีข้อสอบให้ฝึกทำหลายชุดมากกว่าในทุก ๆ Part แต่ตัวอย่าง writing อาจจะยังไม่เคลียร์เท่าไร แต่ถือว่าเป็นอีกเว็บที่ใช้ในการเตรียมตัวอย่างดีค่ะ 


3.      https://ielts-up.com/ 
อันนี้ช่วยเรื่องการเขียน writing ในทั้งสองพาร์ทของเราอย่างมากค่ะ มากถึงมากที่สุด เรายึดPatternการเขียนจากเขาเลยก็ว่าได้ มีตัวอย่าง essay และ vocabs ที่จำเป็นในการใช้เป็น materials ในการสอบเยอะมาก ถ้าใครไม่ถนัดอ่าน เราแนะนำช่อง Youtube ของเขา สอนวิธีการเขียนอย่างละเอียดค่ะ https://www.youtube.com/channel/UCRSFsZwTpcm2IZKcWTOyyZg


4.  Udemy 
https://www.udemy.com (มีแอปพลิเคชั่นบนมือถือทั้ง IOS and Android ด้วยค่ะ)
หลายคนน่าจะพอรู้จักเว็บการสอนออนไลน์ที่ค่อนข้างดังพอสมควร เราเจอเว็บนี้ในทวิตเตอร์ค่ะ เขาแนะนำว่ามีคอร์สเยอะมาก และลดราคาช่วง Black Friday เหลือคอร์สละ 300฿ ทั้งเว็บ เราเลยซื้อคอร์สเรียนไป 6 คอร์ส 1,800 ฿ เราว่าคอร์สในนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งเตรียมตัว เรียนออนไลน์ดู ราคาไม่แพงมากตอนนี้เราเข้าไปเช็คก็มีโปรอยู่เรื่อย ๆ คอร์สละ 590฿ 400฿ ลองดูได้ค่ะ แต่ข้อเสียคือไม่มีวิดีโอตัวอย่าง เราเลยเลือกจากรายการแนะนำเป็นหลักค่ะ 
PS. คอร์สทุกอันเป็นภาษาอังกฤษนะคะ 


5.      YouTube Channel: IELTS Speaking Success 
เราเตรียมตัวการพูดจากช่องนี้ช่องเดียวเลยค่ะ โชคดีมาก ๆ ที่เจอช่องนี้ เราได้คะแนน Part speaking 7.0 เพราะเขาเลยค่ะ Mr. Keith O’ Hare เขาเป็น examiner ชาวอังกฤษจากแมนเชสเตอร์ที่สำเนียงฟังง่ายมากค่ะ ตอนนี้มี content คำถาม speaking ในแต่ละพาร์ทที่น่าจะโดนในช่วง 
Jan – Apr 2020 อันนี้ช่วยให้เรามีไอเดียในการตอบ และมีคำศัพท์ idioms ที่ใช้แล้วดู posh ขึ้น เพิ่มคะแนนอย่างมาก อันนี้แนะนำมากๆค่ะ 



6.      Application IELTS Prep 
โหลดติดเครื่องไว้เลยค่ะแอพนี้ เหมือนข้อสอบจริงขั้นสุดโดยเฉพาะพาร์ท listening แอพนี้ทาง British Councils ทำไว้ เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบพกหนังสือให้หนัก  

Materials สำคัญจะมีประมาณนี้ค่ะ แต่ที่จะแนะนำอื่น ๆ ก็จะมี
-         App BBC News & BBC Learning English 
ช่วยอย่างมากในทุก ๆ พาร์ท เราต้องมีข้อมูลรอบตัวก่อนถึงจะสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ 
-         Podcast คำนี้ดี & we need to talk 
มีทั้งใน joox spotify google podcast แล้วแต่เลือกเลยค่ะ ฟังเพลิน เพิ่มคำศัพท์ เพิ่มความรู้ในแต่ละวันได้อย่างดีค่ะ เราฟังบ่อยมาก ๆ เลยค่ะ 
-        Youtube 
ใครรู้สึกว่าไม่ชอบฟังสายวิชาการอย่าง ted talk เราแนะนำอันนี้ค่ะ Youtube Channel GQ กับ Vanity fair ค่ะ แต่เราชอบดูของ GQ เป็นหลักมากกว่า สำหรับมือใหม่หัดฟัง 10 essentials เหมาะมากค่ะ วิดิโอไม่ยาวมาก เลือกดูตามศิลปินหรือนักแสดงที่เราชอบได้เลยค่ะ 
แต่ถ้าใครสายดูหนังแนะนำ Iconic Characters ยาวขึ้นมาหน่อยแต่สนุกมากค่ะ 

มีหลายอย่างมากค่ะในอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ เราสามารถเข้าถึงความรู้ได้เยอะขึ้น 
บางคนอาจจะมีเยอะกว่านี้สามารถแนะนำเพิ่มได้นะคะ หาอันที่เหมาะกับตัวเอง เราจะได้ไม่เบื่อ 
และอย่าลืมค่ะการเรียนภาษาให้เวลากับมันค่ะ 
It’s take a while! 



การสอบ IELTS 
วันที่ 1 ก.พ. 63 
เราเลือกสอบรอบเช้าค่ะ ก็เตรียมตัวมาก่อน 8.30 น. ตามที่เขาแจ้งไว้ในอีเมล ก่อนวันสอบ 1-2วันจะมีอีเมลมาแจ้งขั้นตอนการสอบ และการเดินทางต่าง ๆ เรามาถึงตึก CP Tower ตอน 7.50 น. ก็ขึ้นไปที่ชั้น 4 ได้เลยค่ะ จนท.มาถึงแล้วก็ให้เราไปนั่งรอข้างในห้องพักเตรียมตัวลงทะเบียนต่าง ๆ มีน้ำและเครื่องดื่มสามารถเอาเข้าไปในห้องสอบได้ค่ะ จนท.ของ IDP น่ารักและช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ จากนั้น 8.30 ก็เริ่มลงทะเบียน ถ่ายรูป สแกนนิ้วมือ ตามลำดับกันไป หลังจากนั้นก็เรียกเข้าห้องสอบนั่งตามเครื่องแล็ปท็อป ที่มีหมายเลขประจำตัวการสอบของเราติดไว้ (PS.ห้องหนาวมากนะคะควรเตรียมเสื้อหนาว เราใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวยังเอาไม่อยู่ สั่นไม่หยุด แนะนำเอาเสื้อกันหนาวไปเผื่อด้วยค่ะ) 
เริ่มสอบ
Listening (30 Min)
เนื่องจากเป็นการสอบแบบคอม จะต้องกรอกสิ่งที่ยินลงไปเลยไม่มีการทดเวลา 10นาทีสุดท้ายเหมือนกระดาษดังนั้นเราจะต้องตั้งใจอย่างมาก แต่พอเอาเข้าจริงก็ล่กเหมือนกันค่ะ 555555 มีหลุดบ้าง แต่ก็แก้อะไรไม่ได้ ทำให้เต็มที่ค่ะ ไม่ต้องคิดย้อนหลัง ใส่ไปเลย 

Reading (1 Hour)
3 passages 40 ข้อ
อันที่จริงเรากลัวพาร์ทนี้ที่สุดค่ะเพราะเวลาทำ mocking test จะได้ พาร์ทนี้น้อยสุดเลย และพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยศาสตร์จะยิ่งได้น้อยไปอีกจนแอบเครียดพาร์ทนี้ แต่เหมือนโชคเข้าข้างค่ะ ไม่มีเรื่องด้านวิทย์ เป็นด้านภาษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องเกี่ยวกับโฆษณา ต้องขอบคุณหนังเรื่อง Thank you for smoking ที่ทำให้เราผ่านเรื่องที่สามมาได้โดยใช้วิธี scanning ขั้นสุด เพราะเหลือ 15 นาทีสุดท้ายกับคำถามอีก 10 ข้อ ต้องขอบคุณหนังเพราะอะไรนะเหรอคะ เพราะเป็นเรื่องการโฆษณาของนักโฆษณาในเรื่องเลยค่ะ โชคช่วยล้วน ๆ ตอนเห็นคะแนนนี้คือดีใจมากค่ะ 

Writing (1 Hour) 
อันนี้อยู่ที่การฝึกเขียนและการงัดคำศัพท์ทุกอย่างมาใช้เขียนเล่า การหา Key Features และ การมี Pattern ในการเขียนคือสิ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับ การเขียนทั้ง Task 1 & Task 2 และที่สำคัญต้องบริหารเวลาดี ๆ ค่ะ เราใช้เวลาทั้งสองพาร์ทเท่ากัน คะแนนเลยน้อยสุดในบรรดาทั้งหมด 

Task 1: ได้อธิบาย Line graph 150 words 
Task 2: เขียนความเห็น Agree or Disagree 250 words 
(แต่ละรอบไม่เหมือนกัน ควรฝึกเขียนทุกรูปแบบไว้นะคะ) 

จะบอกว่าการสอบคอมทำให้ชีวิตการเขียนเราดีขึ้นมากค่ะ เวลาที่เราเขียนและอยากแทรกคำเพิ่มในส่วนก่อนหน้า ถ้าเป็นกระดาษคือลบเขียนใหม่ แล้วลบหมดของเก่าของใหม่ เสียเวลา แถมเลอะเทอะกระดาษไปหมด พอสอบคอมคือจับ แทรก เรียงหน้าใหม่อย่างสวยงาม แทรกคำหรือประโยคเพิ่มได้เลย สะดวกมากจริง ๆ ค่ะ แนะนำคนที่จะสอบ เราว่าคอมพิวเตอร์เป็นทางเลือกที่ดีมาก 

Speaking (20 min)
เราเลือกสอบตอน 13.40 น. พอสอบเป็นคอมเราจะสามารถเลือกเวลาสอบ speaking ได้ตามที่ต้องการ พอสอบครึ่งเช้าเสร็จ ก็เหมือนคนหลุดจากห้องกาลเวลาใน Dragon balls ออกมาคือหมดครึ่งเช้า ก็ไปหาอะไรกินเตรียมสอบรอบบ่ายต่อค่ะ พอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นมาเตรียมตัวโดนเรียกคิวไปเชือด เอ้ย ไปสอบค่ะ 5555555 ถึงตาเราจนท.ก็พาไปที่ห้อง examiner รอเราอยู่ด้านใน จากที่อ่าน ๆ มา examiner คือดุ หน้านิ่ง เพื่อนสนิทของเราก็บอกว่าเขาหน้านิ่ง ๆ นะ เราก็บอกไม่เป็นไร ฉันจะพูดไปเรื่อย ๆ ของฉันนั้นแหละ แต่ examiner ของเราคือ Nice ไม่ดุ หน้านิ่ง ดูใจดีมากค่ะ มีคำถามหนึ่งเราแอบเล่นมุขในการตอบลงไป เขาหลุดหัวเราะออกมานิดนึงด้วยค่ะ ถือว่าประสบความสำเร็จค่ะ 55555555555 เราได้คะแนนพาร์ทนี้เยอะสุดด้วยในบรรดาทั้งหมด  
คำถามที่โดนในแต่ละพาร์ทจะประมาณนี้ค่ะ 
Part 1: My job, number, and park activities
Part 2: The club that we joined in childhood 
Part 3: Teamwork and social life

ตรงกับที่เตรียมไอเดียไว้มาก ๆ ค่ะ พอออกมาจากห้องสอบวันนั้นก็คือแฮปปี้มั่นใจสุดแค่พาร์ทนั้นพาร์ทเดียว 555555+ 
สอบเสร็จก็คือรอผลค่ะ เขาบอกว่าสามารถรู้ผลใน 5-7 วัน ซึ่งไวกว่ากระดาษเท่าตัวหนึ่งเลย อย่างเราสอบวันที่ 1 ผลมาเมื่อวาน นั้นก็คือ
 วันที่ 6 ก.พ. 63 ไวมากจริง ๆ ส่วนตัวผลจริงจะมาส่ง EMS ตามมาแทนค่ะ 


แถมการมูเตลูเพิ่มความมั่นใจในการสอบ พาพันแอบดู

เนื่องจากเครียดมาก เลยต้องการที่พึ่งทางใจ เราไปไหว้พระพิฆเนศที่ห้วยขวางมาทั้งก่อนสอบและหลังสอบค่ะ 
หลังสอบเสร็จสองวันเราไปไหว้พระพิฆเนศที่ห้วยขว้าง พร้อมกับ Brown Sugar Fresh Milk ของ Koi เพื่อเ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่