กระทู้นี้อยากมาแชร์ประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศระหว่างช่วงโควิด เผื่อมีใครต้องเดินทางช่วงนี้จะได้เตรียมตัวกัน รอบนี้ผมมีโอกาสได้มาทำงาน Short Term Assignment กับสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ฮ่องกง เดี๋ยวจะลองเล่ารายละเอียดแต่ละช่วง เผื่อคนที่ต้องมาจะได้เตรียมตัวกันถูกนะครับ (ข้อมูลวันที่เดินทางมาถึง 6 มิถุนา 64 ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต)
1. เตรียมตัว ขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมสำหรับกักตัว
- คนไทยไปฮ่องกงในช่วงโควิด
ต้องมีวีซ่าทำงานหรือเรียนก่อนนะครับ ตอนนี้วีซ่านักท่องเที่ยวยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
- ตั๋วเครื่องบิน ช่วงนี้เข้าใจว่ามีเฉพาะ Cathay Pacific กับอีกสองสามสายการบินให้บริการ ของผมจองผ่าน Cathay Pacific ที่มีบริการวันละไฟลท์ สี่วันต่อสัปดาห์ ราคา full service ประมาณแปดพัน
- โรงแรมสำหรับกักตัวสามารถดูจากลิสต์ของรัฐบาลฮ่องกงได้เลย (ใครฉีดวัคซีนตามกำหนดแล้วก็ลดเวลากักตัวจาก 21 คืนเหลือ 14 คืนได้) ซึ่งเราต้องส่งข้อมูลการจองโรงแรมให้สายการบินก่อนเดินทางไว้เป็นหลักฐานด้วย
2. เตรียมผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง
- ข้อนี้เพิ่งมีกำหนดจากทางฮ่องกงเมื่อวันที่ 4 มิถุนา 2564 ที่ผ่านมาว่าใครมาจากไทย (หรือประเทศกลุ่ม B) ต้องมีผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง และข้อสำคัญคือ (1) สถานที่ตรวจต้องได้รับการรับรอง ISO 15189 และ (2) ผู้เดินทางต้องมีเอกสารระบุว่าสถาบันดังกล่าวมี ISO ด้วย (ซึ่งไม่ใช่ตรา ISO บนผลตรวจนะครับ)
- อันนี้แอบยากสำหรับผมนิดนึงครับ ด้วยความที่รู้เรื่องก่อนเดินทางไม่กี่วัน กระชั้นชิดมาก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี 555+ ผมตรวจสอบชื่อโรงพยาบาลจากของกระทรวงสาธารณสุขที่
http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_qa/dbqa/default.asp?iID=FGGJII แล้วก็โทรไปคอนเฟิร์มกับโรงพยาบาลว่าผลตรวจใช้ได้นะ
- ส่วนตัวเอกสารยืนยันว่าโรงพยาบาลมี ISO โดยปกติที่ผมโทรสอบถามหลายๆโรงพยาบาลเค้าจะไม่ได้ออกจดหมายแบบนี้ให้เราเลย แต่ผมได้โทรคอนเฟิร์มกับทางสายการบินแล้วว่าเราสามารถปริ้นท์ชื่อโรงพยาบาลจากลิสต์ด้านบนได้ แต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น อันนี้ตัวอย่างของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_qa/dbqa/default.asp?iID=EGLKID (สายการบินแต่ละแห่งอาจจะต้องการข้อมูลต่างกันไป ยังงัยก็อย่าลืมตรวจสอบและเตรียมกันก่อนเดินทางด้วย)
- อีกอย่าง ก่อนเดินทาง แนะนำให้ทำแบบทดสอบสุขภาพไว้ก่อนเดินทางภายใน 48 ชั่วโมงเลย โดยทางสายการบินจะส่งลิ้งค์มาให้เราทำ แนะนำให้ทำบนโทรศัพท์ ทำเสร็จแล้วก็เซฟ QR ไว้ในโทรศัพท์โลด จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาทำอีกทีที่สนามบิน
ตัวอย่าง QR หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ
3. วันเดินทาง
- แนะนำว่าให้เช็คอินออนไลน์ก่อน จะได้มาถึงแล้วเข้าคิวช่องโหลดกระเป๋าอย่างเดียว เพราะถึงคนจะเดินทางไม่เยอะมาก แต่ขั้นตอนตรวจเอกสารละเอียดมากกกกกกกกก (ของผมที่เช็คอินไปแล้ว พอถึงเค้าเตอร์ยังใช้เวลาไปอีก 45 นาที) ที่ต้องใช้เวลานานเพราะเค้าตรวจตั้งแต่ชื่อ เอกสารประกอบ ผลตรวจ โรงแรมกักตัว แบบละเอียดทุกตัวอักษรจริงๆ 555+ ใครผิดแค่ตัวอักษรเดียว อดเดินทางช่วงนี้เลยนะครับ
- ส่วนถ้าใครอยากมาช้อปปิ้ง ร้าน duty free กับ king power ยังเปิดอยู่บ้างแต่บางตามากๆ เห็นแล้วเศร้าเลย อยากให้โควิดหายไวๆจะได้กลับมาเที่ยวกันอีก
4. ขั้นตอนจัดการที่สนามบินฮ่องกง
- หลังจากลงเครื่อง ยังไม่ต้องไปไหนเลยครับ ขั้นตอนเพียบ แบ่งสถานีชัดเจน รัฐบาลยกสำนักงานมาไว้ในสนามบินแบบจริงจังมาก
- เริ่มจากรับป้ายห้อยคอ รับชุดใส่ผลตรวจโควิดที่เราต้อง swab เสร็จแล้วก็เดินตามทางต่อไปหาเจ้าหน้าที่ swab (ที่รู้สึกว่าไม่แสบโพรงจมูกเท่าบ้านเรา) เสร็จแล้วก็มาเช็คเบอร์โทรที่ราให้ไว้ตอนทำแบบทดสอบสุขภาพ เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะสุ่มโทรหาเราระหว่างช่วงกักตัว 21 วัน (ถ้าใครมีซิม หรือสามารถเปิดโรมมิ่งได้น่าจะสะดวก) ส่วนของผม พอดีใช้ดีแทคที่มีบริการ app dtac call ซึ่งสามารถโทรผ่าน wifi หรือ data ได้ผ่านเบอร์ที่ไทยเหมือนกับการใช้โทรศัพท์ที่ไทยตามปกติ ค่อนข้างสะดวกเลย (พอดีเจอพี่คนไทยอีกคนที่ไม่ได้เตรียมซิมมา เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะโทรหาเบอร์ของญาติหรือนายจ้างแทนก็ได้ แต่อาจจะเสียเวลาตรงขั้นตอนนี้นานหน่อย)
- หลังจากนั้น จะเป็นโซนที่ตรวจเอกสารที่เราเตรียมมา โดยเฉพาะผลตรวจโควิดจากไทยและใบจองโรงแรมสำหรับ quarantine ซึ่งถ้าตรวจเสร็จก็จะมีเอกสาร quarantine order บอกรายละเอียดการกักตัวต่างๆ แล้วเค้าก็จะส่งเราไปติดสายรัดข้อมือ รวมถึงการติดตั้งแอพ StayHomeSafe เพื่อเชื่อมสายรัดกับแอพ (ซึ่งพอถึงโรงแรมจะต้องทำการ activate อีกครั้ง)
- จบจากนี้ก็มานั่งรอผลตรวจได้แล้ว ที่นั่งจัดไว้ประหนึ่งสนามสอบ O-net (รุ่นไหนพอจะเดาอายุกันได้เนอะ 555+) โต๊ะห่างกัน 1.5 เมตร เป็นแถวยาวมากกกก ซึ่งระหว่างรอก็จะมีขนมมีน้ำแจกให้ แต่แซนวิชตอนที่ไปหมดพอดี แนะนำให้หาอะไรติดตัวมากินระหว่างรอด้วย เพราะเค้าบอกว่าอาจจะถึง 4 ชั่วโมงเลย ตรงนี้ก็ยังให้ใส่หน้ากากตลลอดเวลา ยกเว้นตอนกินนะครับ (รอบของผมนั่งรอตรงนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ อาจจะเพราะคนไม่เยอะมาก)
หน้าตาที่นั่งรอ ประหนึ่งนั่งทำข้อสอบ O-net
อันนี้หน้าตาสายรัดข้อมือที่ต้องติดตัวเราไป 21 วัน .... ยาวนาน 555+ ไม่สามารถแกะเองได้ นอกจากเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ และโดนน้ำได้ อาบน้ำไม่ต้องยกมือ
- พอผลตรวจออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะคืนเอกสารให้เรา แล้วก็ให้เราออกไปเข้า ตม. ตามขั้นตอนปรกติแล้ว พอเห็นเค้าเดินมารู้สึกดีใจมากกกกก จะได้ออกจากสนามบินซักที
- ส่วนของกระเป๋าที่โหลดมา เจ้าหน้าที่เค้าเอามาจากสายพานมาวางตั้งรอเราหลัง ตม. เลยครับ ก่อนเอากระเป๋าออกเค้าก็เตรียมทิชชู่เปียกให้เราทำความสะอาดกระเป๋าก่อนออกไปด้วย เตรียมพร้อมสุดๆเลย
- ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับสนามบินคือการไปรอรถ ซึ่งทางรัฐบาลก็มีรถแบ่งเป็นรอบตามเส้นทางต่างๆตามโรงแรมที่กักตัว อันนี้รอไม่นาน ประมาณ 15 นาทีได้ พอถึงคิวรถเรา เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราพร้อมคณะผู้กักตัวอีกประมาณไม่เกิน 10 คนไปขึ้นรถที่เตรียมไว้ให้แล้วก็ทยอยส่งตามโรงแรมต่างๆประหนึ่งรถนักเรียนส่งเด็กกลับบ้าน 555+ ส่วนระยะเวลาก็แล้วแต่ใกล้ไกลจากสนามบินแค่ไหน
- ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไป เกือบ 4 ชั่วโมงนับแต่แลนดิ้งฮะ ยาวนานพอสมควรเลยทีเดียว
5. โรงแรมกักตัว
- อันนี้ไม่มีอะไร ขั้นตอนเหมือนเช็คอินปกติ เตรียมหนังสือเดินทางกับเอกสารการจอง แต่กระเป๋าเค้าจะไม่ยกให้เราเนื่องจากเหตุผลด้านความสะอาด อาจจะลำบากนิดนึงแต่เข้าใจได้ครับ หลังจากนี้ไปก็เข้าสู่การกักตัวในห้องไป 21 วัน ห้ามออกไปไหน อาหารก็มีวางให้สามมื้อหน้าห้อง รวมถึงการ swab อีก 3 ครั้งก่อนออก
- มาถึงห้องแล้วก็ต้องอย่าลืม activate แอพ StayHomeSafe ที่โหลดไว้ก่อนนี้ ด้วยการเช็คอินแล้วก็เดิน เดิน เดิน เดินรอบห้องเพื่อแสดงอานาเขตของเรา (ที่ห้ามเราออกไปนอกเขตนี้ 5555+) หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัยไปอีก 21 วัน ยาวๆเลย
เอาเป็นว่าขอแชร์ข้อมูลไว้ประมาณนี้แล้วกันนะครับ ส่วนถ้าใครมีคำถามอะไรก็ลองถามมาได้เลย ไว้มีโอกาสจะมาแชร์เรื่องสภาพความเป็นอยู่ ของใช้และสิ่งจำเป็นสำหรับตอน quarantine .... ตอนนี้ ขออนุญาตไปนอนกักตัวต่อก่อนครับ 555+
Fly me to Hong Kong : เดินทางช่วงโควิดต้องคิดอะไรบ้าง
1. เตรียมตัว ขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมสำหรับกักตัว
- คนไทยไปฮ่องกงในช่วงโควิดต้องมีวีซ่าทำงานหรือเรียนก่อนนะครับ ตอนนี้วีซ่านักท่องเที่ยวยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
- ตั๋วเครื่องบิน ช่วงนี้เข้าใจว่ามีเฉพาะ Cathay Pacific กับอีกสองสามสายการบินให้บริการ ของผมจองผ่าน Cathay Pacific ที่มีบริการวันละไฟลท์ สี่วันต่อสัปดาห์ ราคา full service ประมาณแปดพัน
- โรงแรมสำหรับกักตัวสามารถดูจากลิสต์ของรัฐบาลฮ่องกงได้เลย (ใครฉีดวัคซีนตามกำหนดแล้วก็ลดเวลากักตัวจาก 21 คืนเหลือ 14 คืนได้) ซึ่งเราต้องส่งข้อมูลการจองโรงแรมให้สายการบินก่อนเดินทางไว้เป็นหลักฐานด้วย
2. เตรียมผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง
- ข้อนี้เพิ่งมีกำหนดจากทางฮ่องกงเมื่อวันที่ 4 มิถุนา 2564 ที่ผ่านมาว่าใครมาจากไทย (หรือประเทศกลุ่ม B) ต้องมีผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง และข้อสำคัญคือ (1) สถานที่ตรวจต้องได้รับการรับรอง ISO 15189 และ (2) ผู้เดินทางต้องมีเอกสารระบุว่าสถาบันดังกล่าวมี ISO ด้วย (ซึ่งไม่ใช่ตรา ISO บนผลตรวจนะครับ)
- อันนี้แอบยากสำหรับผมนิดนึงครับ ด้วยความที่รู้เรื่องก่อนเดินทางไม่กี่วัน กระชั้นชิดมาก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี 555+ ผมตรวจสอบชื่อโรงพยาบาลจากของกระทรวงสาธารณสุขที่ http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_qa/dbqa/default.asp?iID=FGGJII แล้วก็โทรไปคอนเฟิร์มกับโรงพยาบาลว่าผลตรวจใช้ได้นะ
- ส่วนตัวเอกสารยืนยันว่าโรงพยาบาลมี ISO โดยปกติที่ผมโทรสอบถามหลายๆโรงพยาบาลเค้าจะไม่ได้ออกจดหมายแบบนี้ให้เราเลย แต่ผมได้โทรคอนเฟิร์มกับทางสายการบินแล้วว่าเราสามารถปริ้นท์ชื่อโรงพยาบาลจากลิสต์ด้านบนได้ แต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น อันนี้ตัวอย่างของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_qa/dbqa/default.asp?iID=EGLKID (สายการบินแต่ละแห่งอาจจะต้องการข้อมูลต่างกันไป ยังงัยก็อย่าลืมตรวจสอบและเตรียมกันก่อนเดินทางด้วย)
- อีกอย่าง ก่อนเดินทาง แนะนำให้ทำแบบทดสอบสุขภาพไว้ก่อนเดินทางภายใน 48 ชั่วโมงเลย โดยทางสายการบินจะส่งลิ้งค์มาให้เราทำ แนะนำให้ทำบนโทรศัพท์ ทำเสร็จแล้วก็เซฟ QR ไว้ในโทรศัพท์โลด จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาทำอีกทีที่สนามบิน
ตัวอย่าง QR หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ
3. วันเดินทาง
- แนะนำว่าให้เช็คอินออนไลน์ก่อน จะได้มาถึงแล้วเข้าคิวช่องโหลดกระเป๋าอย่างเดียว เพราะถึงคนจะเดินทางไม่เยอะมาก แต่ขั้นตอนตรวจเอกสารละเอียดมากกกกกกกกก (ของผมที่เช็คอินไปแล้ว พอถึงเค้าเตอร์ยังใช้เวลาไปอีก 45 นาที) ที่ต้องใช้เวลานานเพราะเค้าตรวจตั้งแต่ชื่อ เอกสารประกอบ ผลตรวจ โรงแรมกักตัว แบบละเอียดทุกตัวอักษรจริงๆ 555+ ใครผิดแค่ตัวอักษรเดียว อดเดินทางช่วงนี้เลยนะครับ
- ส่วนถ้าใครอยากมาช้อปปิ้ง ร้าน duty free กับ king power ยังเปิดอยู่บ้างแต่บางตามากๆ เห็นแล้วเศร้าเลย อยากให้โควิดหายไวๆจะได้กลับมาเที่ยวกันอีก
4. ขั้นตอนจัดการที่สนามบินฮ่องกง
- หลังจากลงเครื่อง ยังไม่ต้องไปไหนเลยครับ ขั้นตอนเพียบ แบ่งสถานีชัดเจน รัฐบาลยกสำนักงานมาไว้ในสนามบินแบบจริงจังมาก
- เริ่มจากรับป้ายห้อยคอ รับชุดใส่ผลตรวจโควิดที่เราต้อง swab เสร็จแล้วก็เดินตามทางต่อไปหาเจ้าหน้าที่ swab (ที่รู้สึกว่าไม่แสบโพรงจมูกเท่าบ้านเรา) เสร็จแล้วก็มาเช็คเบอร์โทรที่ราให้ไว้ตอนทำแบบทดสอบสุขภาพ เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะสุ่มโทรหาเราระหว่างช่วงกักตัว 21 วัน (ถ้าใครมีซิม หรือสามารถเปิดโรมมิ่งได้น่าจะสะดวก) ส่วนของผม พอดีใช้ดีแทคที่มีบริการ app dtac call ซึ่งสามารถโทรผ่าน wifi หรือ data ได้ผ่านเบอร์ที่ไทยเหมือนกับการใช้โทรศัพท์ที่ไทยตามปกติ ค่อนข้างสะดวกเลย (พอดีเจอพี่คนไทยอีกคนที่ไม่ได้เตรียมซิมมา เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะโทรหาเบอร์ของญาติหรือนายจ้างแทนก็ได้ แต่อาจจะเสียเวลาตรงขั้นตอนนี้นานหน่อย)
- หลังจากนั้น จะเป็นโซนที่ตรวจเอกสารที่เราเตรียมมา โดยเฉพาะผลตรวจโควิดจากไทยและใบจองโรงแรมสำหรับ quarantine ซึ่งถ้าตรวจเสร็จก็จะมีเอกสาร quarantine order บอกรายละเอียดการกักตัวต่างๆ แล้วเค้าก็จะส่งเราไปติดสายรัดข้อมือ รวมถึงการติดตั้งแอพ StayHomeSafe เพื่อเชื่อมสายรัดกับแอพ (ซึ่งพอถึงโรงแรมจะต้องทำการ activate อีกครั้ง)
- จบจากนี้ก็มานั่งรอผลตรวจได้แล้ว ที่นั่งจัดไว้ประหนึ่งสนามสอบ O-net (รุ่นไหนพอจะเดาอายุกันได้เนอะ 555+) โต๊ะห่างกัน 1.5 เมตร เป็นแถวยาวมากกกก ซึ่งระหว่างรอก็จะมีขนมมีน้ำแจกให้ แต่แซนวิชตอนที่ไปหมดพอดี แนะนำให้หาอะไรติดตัวมากินระหว่างรอด้วย เพราะเค้าบอกว่าอาจจะถึง 4 ชั่วโมงเลย ตรงนี้ก็ยังให้ใส่หน้ากากตลลอดเวลา ยกเว้นตอนกินนะครับ (รอบของผมนั่งรอตรงนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ อาจจะเพราะคนไม่เยอะมาก)
หน้าตาที่นั่งรอ ประหนึ่งนั่งทำข้อสอบ O-net
อันนี้หน้าตาสายรัดข้อมือที่ต้องติดตัวเราไป 21 วัน .... ยาวนาน 555+ ไม่สามารถแกะเองได้ นอกจากเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ และโดนน้ำได้ อาบน้ำไม่ต้องยกมือ
- พอผลตรวจออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะคืนเอกสารให้เรา แล้วก็ให้เราออกไปเข้า ตม. ตามขั้นตอนปรกติแล้ว พอเห็นเค้าเดินมารู้สึกดีใจมากกกกก จะได้ออกจากสนามบินซักที
- ส่วนของกระเป๋าที่โหลดมา เจ้าหน้าที่เค้าเอามาจากสายพานมาวางตั้งรอเราหลัง ตม. เลยครับ ก่อนเอากระเป๋าออกเค้าก็เตรียมทิชชู่เปียกให้เราทำความสะอาดกระเป๋าก่อนออกไปด้วย เตรียมพร้อมสุดๆเลย
- ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับสนามบินคือการไปรอรถ ซึ่งทางรัฐบาลก็มีรถแบ่งเป็นรอบตามเส้นทางต่างๆตามโรงแรมที่กักตัว อันนี้รอไม่นาน ประมาณ 15 นาทีได้ พอถึงคิวรถเรา เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราพร้อมคณะผู้กักตัวอีกประมาณไม่เกิน 10 คนไปขึ้นรถที่เตรียมไว้ให้แล้วก็ทยอยส่งตามโรงแรมต่างๆประหนึ่งรถนักเรียนส่งเด็กกลับบ้าน 555+ ส่วนระยะเวลาก็แล้วแต่ใกล้ไกลจากสนามบินแค่ไหน
- ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไป เกือบ 4 ชั่วโมงนับแต่แลนดิ้งฮะ ยาวนานพอสมควรเลยทีเดียว
5. โรงแรมกักตัว
- อันนี้ไม่มีอะไร ขั้นตอนเหมือนเช็คอินปกติ เตรียมหนังสือเดินทางกับเอกสารการจอง แต่กระเป๋าเค้าจะไม่ยกให้เราเนื่องจากเหตุผลด้านความสะอาด อาจจะลำบากนิดนึงแต่เข้าใจได้ครับ หลังจากนี้ไปก็เข้าสู่การกักตัวในห้องไป 21 วัน ห้ามออกไปไหน อาหารก็มีวางให้สามมื้อหน้าห้อง รวมถึงการ swab อีก 3 ครั้งก่อนออก
- มาถึงห้องแล้วก็ต้องอย่าลืม activate แอพ StayHomeSafe ที่โหลดไว้ก่อนนี้ ด้วยการเช็คอินแล้วก็เดิน เดิน เดิน เดินรอบห้องเพื่อแสดงอานาเขตของเรา (ที่ห้ามเราออกไปนอกเขตนี้ 5555+) หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัยไปอีก 21 วัน ยาวๆเลย
เอาเป็นว่าขอแชร์ข้อมูลไว้ประมาณนี้แล้วกันนะครับ ส่วนถ้าใครมีคำถามอะไรก็ลองถามมาได้เลย ไว้มีโอกาสจะมาแชร์เรื่องสภาพความเป็นอยู่ ของใช้และสิ่งจำเป็นสำหรับตอน quarantine .... ตอนนี้ ขออนุญาตไปนอนกักตัวต่อก่อนครับ 555+