🅰️มาลาริน/พรุ่งนี้ติดตามประเมินรัฐบาลกันค่ะ..'รองโฆษกรบ.'ลั่น7มิ.ย.ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติพร้อมทั้งวัคซีน-บุคลากรการแพทย์

เพี้ยนปูเสื่อ'รองโฆษกรบ.'ลั่น7มิ.ย.ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติพร้อมทั้งวัคซีน-บุคลากรการแพทย์



6 มิ.ย.64- น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง "7 มิ.ย.คิกออฟ ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ" ระบุว่า 7 มิ.ย.เป็นต้นไป เดินหน้าตามประกาศการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมการด้านบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เพื่อให้บริการประชาชนที่จะเข้ามารับบริการฉีดวัคซีน ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดมีจุดบริการฉีดวัคซีน ของภาครัฐและความร่วมมือกับเอกชนกว่าพัน โดยประชาชนที่ได้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนแล้ว สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามวันและเวลาที่กำหนด

ส่วนความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโควิด-19 ปัจจุบันมีวัคซีนอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำว่า 3.54  ล้านโดส   ได้เพิ่มเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.อีก 5 แสนโดส มีทั้งยี่ห้อแอสตราเซเนกาและชิโนแวค กระจายไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และในเดือน มิ.ย.นี้ วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะเริ่มทยอยส่งให้รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในเดือนนี้ จะมีวัคซีนรวมกันไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดสอย่างแน่นอน 

ส่วนกรณีที่สถานพยาบาลบางแห่งประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนวันที่ 7 มิ.ย.นั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมสื่อสารทำความเข้าใจกับทุกจังหวัดถึงแนวทางการจัดส่งวัคซีนโควิด 19 เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน เกี่ยวกับการจัดส่งวัคซีน ขณะนี้รัฐบาลยืนยันจะมีการทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่อง ไม่เป็นปัญหาต่อเป้าหมายการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด  จากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามที่กำหนดต่อไป

https://www.thaipost.net/main/detail/105433

เพี้ยนแคปเจอร์เชื่อมั่นว่ารัฐบาลทำงานบริหารวัคซีนนี้ได้สำเร็จค่ะ

การจัดสรรวัคซีน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องความเข้าใจในการรับรู้

ความหวาดระแวงจากทางการเมืองที่ระดมสร้างให้คิดว่าจะไม่มีวัคซีนฉีด จะได้น้อยกว่าที่อื่น

คิดว่าถูกทอดทิ้ง รัฐบาลไม่สนใจไม่ให้ความสำคัญในบางแห่ง

นายกฯลุงตู่ท่านบอกย้ำเสมอว่า...ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

ท่านแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ประชาชนผิดหวัง

วันพรุ่งนี้คือการประเมินการทำงานวันแรกของรัฐบาลและศบค.

จะได้ผ่านระดับไหน มีปัญหาอะไร  ติดตามประเมินกันค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6

7 มิ.ย.คิกออฟ ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ

7 มิ.ย.เป็นต้นไป เดินหน้าตามประกาศการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ

กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมการด้านบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เพื่อให้บริการประชาชนที่จะเข้ามารับบริการฉีดวัคซีน ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดมีจุดบริการฉีดวัคซีน ของภาครัฐและความร่วมมือกับเอกชนกว่าพัน โดยประชาชนที่ได้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนแล้ว สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามวันและเวลาที่กำหนด

ส่วนความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโควิด-19 ปัจจุบันมีวัคซีนอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำว่า 3.54  ล้านโดส   ได้เพิ่มเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.อีก 5 แสนโดส มีทั้งยี่ห้อแอสตราเซเนกาและชิโนแวค กระจายไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

และในเดือน มิ.ย.นี้ วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะเริ่มทยอยส่งให้รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในเดือนนี้ จะมีวัคซีนรวมกันไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดสอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่สถานพยาบาลบางแห่งประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนวันที่ 7 มิ.ย.นั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมสื่อสารทำความเข้าใจกับทุกจังหวัดถึงแนวทางการจัดส่งวัคซีนโควิด 19 เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน เกี่ยวกับการจัดส่งวัคซีน ขณะนี้รัฐบาลยืนยันจะมีการทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่อง ไม่เป็นปัญหาต่อเป้าหมายการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

จากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามที่กำหนดต่อไป
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/537639814281471


นายกรัฐมนตรี สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ จัดสรรงบประมาณกว่า 2,806 ล้านบาท ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนของภูมิภาค

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนให้คนไทยมีศักยภาพในการคิดค้นและผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้เอง จึงได้จัดสรรงบประมาณกว่า 2,806 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ และสำหรับเป็นทุนหนุนในการเพิ่มศักยภาพประเทศของไทย พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันและการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้ รัฐบาลได้อุดหนุนงบประมาณวงเงิน 1,810.68 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 995.03 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินกว่า 2,805.71 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนในการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ ตั้งแต่การพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำ การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีน รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการผลิตวัคซีน  

โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว เป็นทุนสนับสนุนการวิจัยให้แก่หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ดังนี้

1) บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด (650 ล้านบาท) เพื่อการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA

2) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (200 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ต้นแบบที่พร้อมทดสอบทางคลินิกและการเตรียมพร้อมผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับการระบาดของเชื้อที่มีการกลายพันธุ์

3) บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด (160 ล้านบาท) เพื่อการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศโดยใช้พืชเป็นแหล่งผลิตในมนุษย์

4) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (562 ล้านบาท)  เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นสถานที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ตามความต้องการของประเทศ โดยใช้โรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ และพัฒนาห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง ด้านการวิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติของยาชีววัตถุและวัคซีนรองรับการผลิตวัคซีนโควิด-19 ขึ้นใช้เองในประเทศ

5) องค์การเภสัชกรรม (156.8 ล้านบาท) เพื่อเตรียมความพร้อมการแบ่งบรรจุวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ

6) บริษัท องค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด (81.88 ล้านบาท) เพื่อขยายศักยภาพการผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมรองรับการผลิตวัคซีนสำหรับประชาชนไทยด้วย

นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 995.03 ล้านบาท ให้แก่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อเป็นทุนสำหรับการวิจัยพัฒนาวัคซีน และการสร้างศักยภาพการผลิตเพื่อรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยหน่วยงานผู้รับทุนมีดังนี้

1) ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (365 ล้านบาท)

2) บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด (596.24 ล้านบาท) ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลจะได้รับทุนคืนทั้งหมด โดยได้มีการระบุไว้ในสัญญาการรับทุนว่า เมื่อบริษัทฯสามารถผลิตวัคซีนได้ตามมาตรฐานของแอสตราเซเนกาแล้ว จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทยในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากับทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนฯ จึงไม่ใช่เป็นการให้เปล่า แต่เป็นการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีในขั้นต้นเพื่อให้เป็นผลสำเร็จเท่านั้น

3) ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (33.79 ล้านบาท)

วงเงินงบประมาณกว่า 2,806 ล้านบาทนี้ จะช่วยในการสร้างรากฐานและพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยวัคซีนของประเทศเพื่อรับมือการระบาดในครั้งนี้และการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและวิสัยทัศน์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางสุขภาพ พึ่งพาตนเองด้านวัคซีนได้ในอนาคต รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนของภูมิภาคในอนาคตด้วย
https://www.facebook.com/anucha.b.dp/posts/4001955663216554


ครม. เห็นชอบจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยและรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ 22 คัน วงเงิน 129  ล้านบาท เร่งตรวจค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง

คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงิน 129.3028 ล้านบาทสำหรับจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบ 2 จุดบริการ (Biosafety Mobile Unit) จำนวน 11 คัน และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ (Express Analysis Mobile Unit) จำนวน 11 คัน เพื่อดำเนินการค้นหาผู้ติดเชื้อในระดับพื้นที่และเป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลโรคโควิด-19  รวมจำนวน 22 คัน โดยมีแผนที่จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยและรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษในเดือน ส.ค. และ ก.ย. 2564 เพื่อช่วยสนับสนุนการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยเฉพาะในชุมชนแออัด ตลาด แคมป์คนงาน รวมถึงคลัสเตอร์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งในปัจจุบันไทยมีการใช้งานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน 5 คัน ควบคู่กับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 21 คัน

รัฐบาลและประชาชนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งประสบความสำเร็จช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุก ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดช่วยลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศด้วย
https://www.facebook.com/anucha.b.dp/posts/4002672433144877



ติดเชื้อโควิด-19...คนในครอบครัวใครจะดูแล?

สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 พื้นที่ กทม. และปริมณฑล ขอให้คลายความกังวลใจเรื่องการดูแลบุคคลในครอบครัว

ขณะนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำลังดำเนินการเตรียมรับดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่ขาดคนดูแลเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 แล้วครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน พม. 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้ผู้รับบริการให้ข้อมูลที่เป็นความจริง ไม่ปิดบังต่อเจ้าหน้าที่
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/1167269947072143


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไทยหนุน WTO ให้ประเทศด้อยพัฒนาเข้าถึงวัคซีนได้

ปิดฉากลงแล้วนะครับกับการประชุมเอเปคครั้งล่าสุด ปีนี้นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ ส่วนประเทศไทยของเรา มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุมกับสมาชิกทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ และ ผอ.องค์การการค้าโลก (WTO)

รองนายกฯ จุรินทร์ ได้เสนอ 2 เรื่องสำคัญ คือ 1. การรับมือกับวิกฤตโควิด และ 2. ระบบการค้าแบบพหุภาคี ซึ่งแบ่งเป็น 6 ประเด็น ดังนี้

1. ไทยสนับสนุนการเคลื่อนย้ายวัคซีนและสินค้าจำเป็นต่อการแก้ปัญหาโควิด-19
2. ไทยยืนยันปฏิบัติตามข้อตกลงในการอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้กติกาของ WTO
3. ไทยจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด และสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนของทุกประเทศ
4. ไทยสนับสนุนการยกเว้นการคุ้มครองสิทธิบัตรของผู้ผลิตวัคซีน เพื่อให้ประชาชนทุกประเทศเข้าถึงวัคซีนได้โดยเร็ว
5. ไทยสนับสนุน WTO ในการเร่งหารือกับ WHO เรื่องการผลิตวัคซีน
6. ไทยสนับสนุน WTO ในการเร่งหาข้อสรุปที่ค้างคาจากการประชุมคราวที่แล้วในหลายประเด็นให้จบโดยเร็ว

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/42462
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/1189411414857996


วันนี้อากาศดี!! ภาพรวม​ PM2.5​ อยู่ในเกณฑ์ดีมากทุกภาคของประเทศ

ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ทุกภาคของประเทศ

>ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 7 - 18 มคก./ลบ.ม.
>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 7 - 18 มคก./ลบ.ม.
>ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 3 - 17 มคก./ลบ.ม.
>ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 7 - 13 มคก./ลบ.ม.
>ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 7 - 21 มคก./ลบ.ม.
>กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ​ ​กทม. ตรวจวัดได้ 7 - 24 มคก./ลบ.ม.

ติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ http//www.Air4Thai.com และ http://www.bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6310801558945311
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่