ก่อนอื่นต้องขอแจ้งก่อนว่าทางโรงงานงานเป็นโรงงานผลิตอาหาร ซึ่งในสถานการณ์โควิดแบบนี้
โรงงานมีผลกระทบน้อยมาก ทำไมถึงได้บอกว่าผลกระทบน้อยมาก เพราะว่ามีออร์เดอร์เข้าตลอด และก็มีการเร่ง
การผลิตโดยที่ต้องเปิด OT วันละ 2-3 ชั่วโมง/วัน
คนที่อยู่ในวงการอาหารจะรู้ดีว่างานหนักขึ้น งานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะในสถานกาณณ์แบบนี้ คนทุกคน
ยังต้องบริโภคอาหารอยู่ ซึ่งทำให้โรงงานเหล่านี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ ส่วนที่ดีคือพนักงานที่อยู่ในโรงงาน
กลุ่มอาหารจะไม่ตกงานและมีรายได้ตามปกติไม่ได้ถูกลดทอนอะไร
ปัญหาที่เกิดจากสถาณการณ์แบบนี้จากทางเจ้าของโรงงานคือ
1.เมื่อถึงเวลาประเมินการทำงานและมีการปรับเงินเดือน ซึ่งปกติจะมีการปรับเงินเดือนทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่ได้รับการปรับเงินเดือนมา 2 ปีแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ไม่ได้ปรับคือที่อื่นเค้าให้ออกกันหมดแล้ว ต้องลดต้นทุน แต่ที่นี่จ่ายเงินตามปกติไม่มีการเลยเอาท์พนักงานออก ถือว่าบริษัทเห็นใจพนักงานมากแล้ว จึงไม่มีการปรับเงินเดือน (เรื่องนี้พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังรับได้)
2.ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อนมาก ออฟฟิตที่ทำงานถูกสร้างขึ้นมาคล้ายๆตู้คอนเทนเนอร์ทึบ ไม่มีหน้าต่าง อยู่ข้างline การผลิต และปรากฏว่าแอร์ในออฟฟิตเสีย ตอนนี้ค่อนข้างร้อนมาก เพราะแดดส่องตัวออฟฟิตจากภายนอก บวกกับภายในออฟฟิตมีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ซึ่งต้องเปิดทำงาน ทำให้อุณหภูมิในห้องทำงานร้อนถึง
30-35 องศา ซึ่งคนทำงานทำงานกันไม่ได้ ถึงขั้นปวดหัวจากอากาศร้อน แบบชนิดที่ว่าอยู่ในห้องไม่ถึง 5 นาที เหงื่อไหลเปียกเสื้อผ้า ยันกางเกงในกันเลยทีเดียว และเหตุผลที่เจ้าของโรงงานไม่ซ่อมแอร์ให้ก็บอกว่าสถาณการณ์โควิดแบบนี้ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าโรงงานโดยเด็ดขาด
3.เครื่องจักรในไลน์การผลิตเสีย 1 เครื่อง ช่างภายในโรงงานไม่สามารถซ่อมได้ ต้องให้ช่างเจ้าของเครื่องมาทำการแก้ไขให้เท่านั้น ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขไลน์การผลิตจะไม่สามารถผลิตได้ ทางเจ้าของโรงงานอนุญาตให้ช่างภายนอกเข้ามาทำการแก้ไขเครื่องจักรเพื่อให้ไลน์การผลิตสามารถผลิตต่อได้ โดยไม่สนเรื่องที่เคยบอกว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้าโรงงานโดยเด็ดขาด
4.เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดภายในโรงงาน คือ มีญาติของพนักงานท่านนึกติดเชื้อโควิดแล้วพนักงานท่านนี้ได้นั่งรถไปกับญาติคนที่ติดโควิด เมื่อทางพนักงานทราบว่าญาติติดโควิด แล้วตัวเองก็เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ได้มีการประสานมาทางฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลก็ได้กักตัวพนักงานท่านนั้นเป็นเวลา 14 วัน โดยไม่ต้องมาทำงาน และต้องไปตรวจโควิด แต่ที่สำคัญในแผนกนี้มีพนักงาน 3 คน ที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง พนักงาน 3 คนนี้ก็ถูกสั่งกักตัวโดยทันที ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่เมื่อมีงาน 1 ชิ้นที่ต้องทำโดยแผนกนี้ พนักงานกลุ่มเสี่ยงที่ได้ถูกกักตัวไปแล้ว ทางเจ้าของสั่งให้พนักงาน 1 ใน 3 คนที่ถูกกักตัวภายหลังมาทำงาน โดยบอกว่าให้มาทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จแล้วก็กลับไปกักตัวเหมือนเดิม ถ้าวันไหนมีงานก็มาทำ ไม่มีงานก็ให้กักตัวอยู่บ้าน แบบนี้ก็ได้หรือครับ
สภานการณ์แบบนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าทางบริษัทมีความเห็นแก่ตัวค่อนข้างมาก เอางานตัวเองเป็นหลัก ไม่สนใจว่าลูกน้องจะมีปัญหาอะไร แล้วเรื่องการห้ามคนนอกเข้าโรรงาน ถ้างานชิ้นนั้นกระทบการโรงงาน ก็สามารถนำช่างนอกเข้ามาทำงานในโรงงานได้ แต่ถ้างานชิ้นนั้นกระทบกับตัวพนักงงานเองก็ช่างมัน
ปล.ตอนนี้พนักงานกลุ่มเสี่ยงเรื่องโควิดกลับมาทำงานปกติแล้วนะครับหลังจากกักตัวครบ 14 วัน และไม่มีผู้ที่ได้รับเชื้อครับ
เจ้าของโรงงานแบบนี้ ในสถาณการณ์โควิดแบบนี้ ทุกคนคิดว่าอย่างไร
โรงงานมีผลกระทบน้อยมาก ทำไมถึงได้บอกว่าผลกระทบน้อยมาก เพราะว่ามีออร์เดอร์เข้าตลอด และก็มีการเร่ง
การผลิตโดยที่ต้องเปิด OT วันละ 2-3 ชั่วโมง/วัน
คนที่อยู่ในวงการอาหารจะรู้ดีว่างานหนักขึ้น งานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะในสถานกาณณ์แบบนี้ คนทุกคน
ยังต้องบริโภคอาหารอยู่ ซึ่งทำให้โรงงานเหล่านี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ ส่วนที่ดีคือพนักงานที่อยู่ในโรงงาน
กลุ่มอาหารจะไม่ตกงานและมีรายได้ตามปกติไม่ได้ถูกลดทอนอะไร
ปัญหาที่เกิดจากสถาณการณ์แบบนี้จากทางเจ้าของโรงงานคือ
1.เมื่อถึงเวลาประเมินการทำงานและมีการปรับเงินเดือน ซึ่งปกติจะมีการปรับเงินเดือนทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่ได้รับการปรับเงินเดือนมา 2 ปีแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ไม่ได้ปรับคือที่อื่นเค้าให้ออกกันหมดแล้ว ต้องลดต้นทุน แต่ที่นี่จ่ายเงินตามปกติไม่มีการเลยเอาท์พนักงานออก ถือว่าบริษัทเห็นใจพนักงานมากแล้ว จึงไม่มีการปรับเงินเดือน (เรื่องนี้พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังรับได้)
2.ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อนมาก ออฟฟิตที่ทำงานถูกสร้างขึ้นมาคล้ายๆตู้คอนเทนเนอร์ทึบ ไม่มีหน้าต่าง อยู่ข้างline การผลิต และปรากฏว่าแอร์ในออฟฟิตเสีย ตอนนี้ค่อนข้างร้อนมาก เพราะแดดส่องตัวออฟฟิตจากภายนอก บวกกับภายในออฟฟิตมีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ซึ่งต้องเปิดทำงาน ทำให้อุณหภูมิในห้องทำงานร้อนถึง
30-35 องศา ซึ่งคนทำงานทำงานกันไม่ได้ ถึงขั้นปวดหัวจากอากาศร้อน แบบชนิดที่ว่าอยู่ในห้องไม่ถึง 5 นาที เหงื่อไหลเปียกเสื้อผ้า ยันกางเกงในกันเลยทีเดียว และเหตุผลที่เจ้าของโรงงานไม่ซ่อมแอร์ให้ก็บอกว่าสถาณการณ์โควิดแบบนี้ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าโรงงานโดยเด็ดขาด
3.เครื่องจักรในไลน์การผลิตเสีย 1 เครื่อง ช่างภายในโรงงานไม่สามารถซ่อมได้ ต้องให้ช่างเจ้าของเครื่องมาทำการแก้ไขให้เท่านั้น ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขไลน์การผลิตจะไม่สามารถผลิตได้ ทางเจ้าของโรงงานอนุญาตให้ช่างภายนอกเข้ามาทำการแก้ไขเครื่องจักรเพื่อให้ไลน์การผลิตสามารถผลิตต่อได้ โดยไม่สนเรื่องที่เคยบอกว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้าโรงงานโดยเด็ดขาด
4.เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดภายในโรงงาน คือ มีญาติของพนักงานท่านนึกติดเชื้อโควิดแล้วพนักงานท่านนี้ได้นั่งรถไปกับญาติคนที่ติดโควิด เมื่อทางพนักงานทราบว่าญาติติดโควิด แล้วตัวเองก็เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ได้มีการประสานมาทางฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลก็ได้กักตัวพนักงานท่านนั้นเป็นเวลา 14 วัน โดยไม่ต้องมาทำงาน และต้องไปตรวจโควิด แต่ที่สำคัญในแผนกนี้มีพนักงาน 3 คน ที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง พนักงาน 3 คนนี้ก็ถูกสั่งกักตัวโดยทันที ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่เมื่อมีงาน 1 ชิ้นที่ต้องทำโดยแผนกนี้ พนักงานกลุ่มเสี่ยงที่ได้ถูกกักตัวไปแล้ว ทางเจ้าของสั่งให้พนักงาน 1 ใน 3 คนที่ถูกกักตัวภายหลังมาทำงาน โดยบอกว่าให้มาทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จแล้วก็กลับไปกักตัวเหมือนเดิม ถ้าวันไหนมีงานก็มาทำ ไม่มีงานก็ให้กักตัวอยู่บ้าน แบบนี้ก็ได้หรือครับ
สภานการณ์แบบนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าทางบริษัทมีความเห็นแก่ตัวค่อนข้างมาก เอางานตัวเองเป็นหลัก ไม่สนใจว่าลูกน้องจะมีปัญหาอะไร แล้วเรื่องการห้ามคนนอกเข้าโรรงาน ถ้างานชิ้นนั้นกระทบการโรงงาน ก็สามารถนำช่างนอกเข้ามาทำงานในโรงงานได้ แต่ถ้างานชิ้นนั้นกระทบกับตัวพนักงงานเองก็ช่างมัน
ปล.ตอนนี้พนักงานกลุ่มเสี่ยงเรื่องโควิดกลับมาทำงานปกติแล้วนะครับหลังจากกักตัวครบ 14 วัน และไม่มีผู้ที่ได้รับเชื้อครับ