ยิ่งลักษณ์ แนะนำหนังสือการตลาด ชี้ ต้องวิ่งให้ทันโลกไม่ใช่วิ่งตาม หวังรบ.เตรียมพร้อมปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2757944
ยิ่งลักษณ์ แนะนำหนังสือ Quantum Marketing ชี้ ต้องวิ่งให้ทันโลกไม่ใช่วิ่งตาม หวังรบ.เตรียมพร้อมปชช.
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน สืบเนื่องจากกรณีที่ นาย
ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดเผยในการสนทนาคลับเฮาส์ โดยช่วงหนึ่งพูดถึงโลกยุคใหม่ การเตรียมตัว พัฒนาตนเองให้ทันโลก และช่วงหนึ่ง ได้กล่าวว่า
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำเอาหนังสือเรื่อง Quantum Marketing มาให้อ่าน
ล่าสุด นางสาว
ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เมื่อวันก่อนที่พี่โทนี่เล่าในคลับเฮ้าส์ว่า ดิฉันได้มอบหนังสือ Quantum Marketing ให้ท่าน เพราะดิฉันเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก ช่วยจุดประกายให้เห็นว่าอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้พร้อมกับการแข่งขันในโลกธุรกิจ ดิฉันจึงถือโอกาสมาเล่าให้ฟัง เผื่อท่านไหนสนใจจะได้ไปซื้อมาลองอ่านดูค่ะ
หนังสือเล่มนี้พูดถึงศาสตร์การตลาดที่เราเคยใช้ว่าไม่เพียงพอซะแล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นทำให้ต้อง rethink หรือคิดใหม่ ทำใหม่ ว่าการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงแบบไหน เพื่อจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแข่งขันได้
Quantum Marketing เป็นการตลาดไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อจะได้เข้าใจลูกค้า และผู้บริโภคในระดับลึกลงในแต่ละคน อย่างที่พี่โทนี่เคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เรื่อง Data Analytics ต่อไปนักการตลาดเองจะต้องคิดถึงขั้นที่เรียกว่า เป็น Quantum CMO (Quantum Chief Marketing Officer) กันเลยก็ว่าได้ เพราะการตลาดพื้นฐานในอนาคตนั้นไม่คำนึงถึงแต่การนำ 4Ps คือ ยุทธศาสตร์ด้านสินค้า ราคา ช่องทางการขาย และการโปรโมทแบบเดิมมาใช้ แต่กลับต้องเอาวิธีทางการตลาดเดิมร่วมกับการใช้ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอไอ (AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์), เออาร์ (AR ย่อมาจาก Augmented Reality หรือเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นภาพเสมือนจริง), อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ (wearable), 5จี, หรือ บล็อกเชน เป็นต้น นำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน บวกรวมเข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการประมวลผลแบบรวดเร็วและทันที (real time) จะทำให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้น ลึกขึ้น ประเมินได้อย่างรู้ใจ เข้าใจถึงอารมณ์เขาได้
พูดง่าย ๆ คือ คิดว่าถ้าลูกค้าเป็นคนที่เรารัก จะต้องทำอย่างไรให้เขารักเรามากขึ้น เพื่อจะได้ทำสินค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ในระดับรายบุคคล เสนอบริการให้ลูกค้าก่อนที่เขาจะร้องขอจากเราซะอีก เปรียบข้อมูลเสมือนของมีค่าที่ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ อยู่ที่ใครจะตักตวงโอกาสนี้ได้มากกว่า และเร็วกว่ากันค่ะ
ส่วนการบริการ หรือการขายในโลกอนาคต ต้องมีการปรับตัว และอบรมบุคลากรให้เข้าถึงเทคโนโลยี เพราะในอนาคตข้างหน้าอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ต
ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรของท่าน ให้เข้าใจ และนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใช้ ควบคู่กับข้อมูลที่ต่อไปจะมีมาก ซับซ้อน และลึกซึ้งมากขึ้น และดิฉันหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนงานการเตรียมความพร้อมเหล่านี้ให้กับประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจด้วยนะคะ
อย่าให้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราต้องวิ่งตาม แต่เราต้องวิ่งไปพร้อม ๆ กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ เริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ นะคะ ถ้าใครสนใจ เอาไว้ถามพี่โทนี่ หรือขอให้พี่โทนี่เล่ารายละเอียดให้ฟังในคลับเฮ้าส์คราวหน้าก็ได้นะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4418814971496257
นวลพรรณ เตือน รัฐบาล เลิกแทงม้าตัวเดียว โอดรับเผือกร้อน ชี้ ฉีดวัคซีนหรือไม่เป็นเรื่องสิทธิฯ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2758046
“แป้ง-นวลพรรณ” เตือนรัฐบาล “อย่าแทงม้าตัวเดียว” โอดสยามไบโอไซเอนซ์รับ “เผือกร้อน-ทัวร์ลง” ชี้ควรมีวัคซีนทางเลือกหลากหลายยี่ห้อ
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นาง
นวลพรรณ ล่ำซำ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า สยามไบโอไซเอนซ์ทำสัญญากับรับจ้างผลิตให้กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ขณะที่สัญญาระหว่างรัฐบาลกับสยามไบโอไซเอนซ์เป็นอีกสัญญาหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา สยามไบโอไซเอนซ์ได้ผลิตและส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้แอสตร้าแล้ว 1.8 ล้านโดส
ขอยืนยันว่าวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในไทย ห้องปฏิบัติการในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นการยืนยันว่า วัคซีนมีคุณภาพเทียบเท่ากับวัคซีนแอสตร้าฯที่ผลิตในฐานผลิตอื่นๆ ในโลกเป็นไปตามแผนทั้งหมดสำหรับกรณีที่มีรายงานว่า ผลิตแล้วไม่ผ่านคุณภาพ มีการรับพนักงานใหม่นั้นเป็นเฟคนิวส์ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานสากล
โดยรัฐบาลสั่งซื้อเอาไว้ 26 ล้านโดส และ 35 ล้านโดส โดยจะส่งให้ไทย 6 ล้านโดสในเดือนแรก และเดือนถัดไปเดือนละ 10 ล้านโดส และ 5 ล้านโดสในล็อตสุดท้าย ยืนยันว่าสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการเป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับแอสตร้าฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ใช้เวลาผลิต 6 เดือน สามารถส่งมอบได้ตามเวลา สัญญากำหนดภายในเดือนมิถุนายนล็อตแรกและเราเริ่มทยอยส่งมอบ
นาง
นวลพรรณ กล่าวถึงกรณีข้อสงสัยว่าคนไทยจะได้ฉีดตามจำนวนที่แอสตร้าฯทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทยได้หรือไม่ ว่า เรื่องนี้โดน ทัวร์ลงแรง อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตได้ในจำนวนที่เป็นที่พึงพอใจกับผู้ว่าจ้างและจะทยอยส่งให้กับแอสตร้าฯในเดือนนี้ ส่วนจะผลิตได้เท่ากับที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของรัฐบาลไทยกับแอสตร้าฯในสัญญาระบุอีกว่า วัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์เป็นสิทธิของแอสตร้าฯและมีสิทธิส่งออกวัคซีนเหล่านี้ไปยัง 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
“การเลือกแอสตร้าฯเป็นการแทงม้าตัวเดียว รัฐบาลควรจะสั่งซื้อวัคซีนหลายทางเลือกให้ประชาชนเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสุขภาพและชีวิตของประชาชน กรณีที่พูดถึงการ แทงม้าตัวเดียวและเป็นสยามไบโอไซเอนซ์นั้นก็กลายเป็น pain point ของสยามไบโอไซเอนซ์ และคนทำงานเช่นกัน” นาง
นวลพรรณกล่าว
ต่อมานาง
นวลพรรณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงกรณีเรื่องงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท ที่รัฐบาลไทย มอบให้สยามไบโอไซเอนซ์ว่า ไปใช้เป็นทุนในการพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ที่ให้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ในการพัฒนา วิจัย และผลิตวัคซีน คือให้สยามไบโอไซเอนซ์ 600 ล้านบาท
จุฬาฯ ได้ไป 400 ล้านบาท สยามไบโอไซเอนซ์ได้ระบุลงในสัญญากับรัฐบาลไทยว่า สยามไบโอไซเอนซ์จะคืนเงินจำนวน 600 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลก็ต่อเมื่อผลิตวัคซีนจนครบรอบการผลิต และมีการพิสูจน์ทราบได้ว่า ผลิตวัคซีนสำเร็จจริง โดยสยามไบโอไซเอนซ์จะคืนเงินในรูปของวัคซีน
“ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการแทงม้าตัวเดียว ประชาชนคนไทยควรมีวัคซีนทางเลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่การบอกว่า สยามไบโอไซเอนซ์เป็นม้าตัวเดียวที่รัฐบาลแทงนั้นเหมือนเป็นการเอาเผือกร้อนมาโยนลงที่สยามไบโอไซเอนซ์ เพียงที่เดียว เพราะจริงๆ แล้วสยามไบโอไซเอนซ์เป็นเพียงบริษัทเอกชน ที่รับจ้างผลิตวัคซีนให้แอสตร้าเซนเนก้าเท่านั้น
อันนี้พูดแทนหัวใจของประชาชนคนไทยว่า คุณต้องเลิกคำว่าแทงม้าตัวเดียว เพราะจริงๆ คุณไม่ควรแทงม้าตัวเดียว คุณควรเปิดทางเลือกวัคซีนให้กับประชาชนที่อยากจะใช้วัคซีนที่แตกต่างกัน เรื่องวัคซีนเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน คือหนึ่ง คุณจะอยากฉีดหรือไม่อยากฉีดเป็นเรื่องของคุณ กับสอง คุณมีวัคซีนที่พิสูจน์ทราบโดย WHO หลายตัวแล้ว ดังนั้นก็คือ คำตอบของแป้งมันคือ 2 หมวกด้วยกัน” นาง
นวลพรรณ กล่าว
JJNY : ยิ่งลักษณ์ชี้วิ่งให้ทันโลกไม่ใช่วิ่งตาม│นวลพรรณเตือนเลิกแทงม้าตัวเดียว│อาเซียนมุ่งEVทิ้งไทย│โอด‘ตรีนุช’ฟังแต่ขรก.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2757944
ยิ่งลักษณ์ แนะนำหนังสือ Quantum Marketing ชี้ ต้องวิ่งให้ทันโลกไม่ใช่วิ่งตาม หวังรบ.เตรียมพร้อมปชช.
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน สืบเนื่องจากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดเผยในการสนทนาคลับเฮาส์ โดยช่วงหนึ่งพูดถึงโลกยุคใหม่ การเตรียมตัว พัฒนาตนเองให้ทันโลก และช่วงหนึ่ง ได้กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำเอาหนังสือเรื่อง Quantum Marketing มาให้อ่าน
ล่าสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เมื่อวันก่อนที่พี่โทนี่เล่าในคลับเฮ้าส์ว่า ดิฉันได้มอบหนังสือ Quantum Marketing ให้ท่าน เพราะดิฉันเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก ช่วยจุดประกายให้เห็นว่าอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้พร้อมกับการแข่งขันในโลกธุรกิจ ดิฉันจึงถือโอกาสมาเล่าให้ฟัง เผื่อท่านไหนสนใจจะได้ไปซื้อมาลองอ่านดูค่ะ
หนังสือเล่มนี้พูดถึงศาสตร์การตลาดที่เราเคยใช้ว่าไม่เพียงพอซะแล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นทำให้ต้อง rethink หรือคิดใหม่ ทำใหม่ ว่าการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงแบบไหน เพื่อจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแข่งขันได้
Quantum Marketing เป็นการตลาดไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อจะได้เข้าใจลูกค้า และผู้บริโภคในระดับลึกลงในแต่ละคน อย่างที่พี่โทนี่เคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เรื่อง Data Analytics ต่อไปนักการตลาดเองจะต้องคิดถึงขั้นที่เรียกว่า เป็น Quantum CMO (Quantum Chief Marketing Officer) กันเลยก็ว่าได้ เพราะการตลาดพื้นฐานในอนาคตนั้นไม่คำนึงถึงแต่การนำ 4Ps คือ ยุทธศาสตร์ด้านสินค้า ราคา ช่องทางการขาย และการโปรโมทแบบเดิมมาใช้ แต่กลับต้องเอาวิธีทางการตลาดเดิมร่วมกับการใช้ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอไอ (AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์), เออาร์ (AR ย่อมาจาก Augmented Reality หรือเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นภาพเสมือนจริง), อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ (wearable), 5จี, หรือ บล็อกเชน เป็นต้น นำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน บวกรวมเข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการประมวลผลแบบรวดเร็วและทันที (real time) จะทำให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้น ลึกขึ้น ประเมินได้อย่างรู้ใจ เข้าใจถึงอารมณ์เขาได้
พูดง่าย ๆ คือ คิดว่าถ้าลูกค้าเป็นคนที่เรารัก จะต้องทำอย่างไรให้เขารักเรามากขึ้น เพื่อจะได้ทำสินค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ในระดับรายบุคคล เสนอบริการให้ลูกค้าก่อนที่เขาจะร้องขอจากเราซะอีก เปรียบข้อมูลเสมือนของมีค่าที่ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ อยู่ที่ใครจะตักตวงโอกาสนี้ได้มากกว่า และเร็วกว่ากันค่ะ
ส่วนการบริการ หรือการขายในโลกอนาคต ต้องมีการปรับตัว และอบรมบุคลากรให้เข้าถึงเทคโนโลยี เพราะในอนาคตข้างหน้าอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ต
ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรของท่าน ให้เข้าใจ และนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใช้ ควบคู่กับข้อมูลที่ต่อไปจะมีมาก ซับซ้อน และลึกซึ้งมากขึ้น และดิฉันหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนงานการเตรียมความพร้อมเหล่านี้ให้กับประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจด้วยนะคะ
อย่าให้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราต้องวิ่งตาม แต่เราต้องวิ่งไปพร้อม ๆ กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ เริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ นะคะ ถ้าใครสนใจ เอาไว้ถามพี่โทนี่ หรือขอให้พี่โทนี่เล่ารายละเอียดให้ฟังในคลับเฮ้าส์คราวหน้าก็ได้นะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4418814971496257
นวลพรรณ เตือน รัฐบาล เลิกแทงม้าตัวเดียว โอดรับเผือกร้อน ชี้ ฉีดวัคซีนหรือไม่เป็นเรื่องสิทธิฯ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2758046
“แป้ง-นวลพรรณ” เตือนรัฐบาล “อย่าแทงม้าตัวเดียว” โอดสยามไบโอไซเอนซ์รับ “เผือกร้อน-ทัวร์ลง” ชี้ควรมีวัคซีนทางเลือกหลากหลายยี่ห้อ
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า สยามไบโอไซเอนซ์ทำสัญญากับรับจ้างผลิตให้กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ขณะที่สัญญาระหว่างรัฐบาลกับสยามไบโอไซเอนซ์เป็นอีกสัญญาหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา สยามไบโอไซเอนซ์ได้ผลิตและส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้แอสตร้าแล้ว 1.8 ล้านโดส
ขอยืนยันว่าวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในไทย ห้องปฏิบัติการในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นการยืนยันว่า วัคซีนมีคุณภาพเทียบเท่ากับวัคซีนแอสตร้าฯที่ผลิตในฐานผลิตอื่นๆ ในโลกเป็นไปตามแผนทั้งหมดสำหรับกรณีที่มีรายงานว่า ผลิตแล้วไม่ผ่านคุณภาพ มีการรับพนักงานใหม่นั้นเป็นเฟคนิวส์ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานสากล
โดยรัฐบาลสั่งซื้อเอาไว้ 26 ล้านโดส และ 35 ล้านโดส โดยจะส่งให้ไทย 6 ล้านโดสในเดือนแรก และเดือนถัดไปเดือนละ 10 ล้านโดส และ 5 ล้านโดสในล็อตสุดท้าย ยืนยันว่าสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการเป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับแอสตร้าฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ใช้เวลาผลิต 6 เดือน สามารถส่งมอบได้ตามเวลา สัญญากำหนดภายในเดือนมิถุนายนล็อตแรกและเราเริ่มทยอยส่งมอบ
นางนวลพรรณ กล่าวถึงกรณีข้อสงสัยว่าคนไทยจะได้ฉีดตามจำนวนที่แอสตร้าฯทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทยได้หรือไม่ ว่า เรื่องนี้โดน ทัวร์ลงแรง อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตได้ในจำนวนที่เป็นที่พึงพอใจกับผู้ว่าจ้างและจะทยอยส่งให้กับแอสตร้าฯในเดือนนี้ ส่วนจะผลิตได้เท่ากับที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของรัฐบาลไทยกับแอสตร้าฯในสัญญาระบุอีกว่า วัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์เป็นสิทธิของแอสตร้าฯและมีสิทธิส่งออกวัคซีนเหล่านี้ไปยัง 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
“การเลือกแอสตร้าฯเป็นการแทงม้าตัวเดียว รัฐบาลควรจะสั่งซื้อวัคซีนหลายทางเลือกให้ประชาชนเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสุขภาพและชีวิตของประชาชน กรณีที่พูดถึงการ แทงม้าตัวเดียวและเป็นสยามไบโอไซเอนซ์นั้นก็กลายเป็น pain point ของสยามไบโอไซเอนซ์ และคนทำงานเช่นกัน” นางนวลพรรณกล่าว
ต่อมานางนวลพรรณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงกรณีเรื่องงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท ที่รัฐบาลไทย มอบให้สยามไบโอไซเอนซ์ว่า ไปใช้เป็นทุนในการพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ที่ให้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ในการพัฒนา วิจัย และผลิตวัคซีน คือให้สยามไบโอไซเอนซ์ 600 ล้านบาท
จุฬาฯ ได้ไป 400 ล้านบาท สยามไบโอไซเอนซ์ได้ระบุลงในสัญญากับรัฐบาลไทยว่า สยามไบโอไซเอนซ์จะคืนเงินจำนวน 600 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลก็ต่อเมื่อผลิตวัคซีนจนครบรอบการผลิต และมีการพิสูจน์ทราบได้ว่า ผลิตวัคซีนสำเร็จจริง โดยสยามไบโอไซเอนซ์จะคืนเงินในรูปของวัคซีน
“ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการแทงม้าตัวเดียว ประชาชนคนไทยควรมีวัคซีนทางเลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่การบอกว่า สยามไบโอไซเอนซ์เป็นม้าตัวเดียวที่รัฐบาลแทงนั้นเหมือนเป็นการเอาเผือกร้อนมาโยนลงที่สยามไบโอไซเอนซ์ เพียงที่เดียว เพราะจริงๆ แล้วสยามไบโอไซเอนซ์เป็นเพียงบริษัทเอกชน ที่รับจ้างผลิตวัคซีนให้แอสตร้าเซนเนก้าเท่านั้น
อันนี้พูดแทนหัวใจของประชาชนคนไทยว่า คุณต้องเลิกคำว่าแทงม้าตัวเดียว เพราะจริงๆ คุณไม่ควรแทงม้าตัวเดียว คุณควรเปิดทางเลือกวัคซีนให้กับประชาชนที่อยากจะใช้วัคซีนที่แตกต่างกัน เรื่องวัคซีนเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน คือหนึ่ง คุณจะอยากฉีดหรือไม่อยากฉีดเป็นเรื่องของคุณ กับสอง คุณมีวัคซีนที่พิสูจน์ทราบโดย WHO หลายตัวแล้ว ดังนั้นก็คือ คำตอบของแป้งมันคือ 2 หมวกด้วยกัน” นางนวลพรรณ กล่าว