สร้างรัก...บทที่ 8 (2)

ปัถยาซื้อข้าวเช้ามาเผื่อชวกรทุกวันจนเป็นกิจวัตร นอกจากนี้ยังจัดยาให้และพาไปล้างแผลทุกวันจนถึงวันที่ตัดไหม หลังจากคนเจ็บหายดีแล้ว เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวสวยยังคงซื้อข้าวมาเผื่อเช่นเดิม จนเจ้าตัวต้องท้วงออกมา
 
         “ซื้อมาเผื่อทำไม ลืมไปแล้วหรือไงว่าผมไม่ต้องกินยาแล้ว”
 
         “ไม่ลืมค่ะ แค่อยากให้นายช่างทานข้าวเช้าทุกวัน เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายช่างต้องทานข้าวเช้าที่รุ้งซื้อมาให้ทุกวัน ห้ามปฏิเสธด้วย”
 
         “เผด็จการไปไหม”
 
         “ถ้าไม่อยากกินเททิ้งก็ได้นะคะ รุ้งไม่ว่า หากรุ้งเจ้ากี้เจ้าการกับนายช่างมากไปรุ้งก็ขอโทษด้วยนะคะ” เซฟตีสาวว่าเสียงอ่อยพร้อมแสร้งตีหน้าเศร้า 
 
         “โอเคๆ ต่อไปนี้ผมจะกินข้าวเช้าที่คุณซื้อมาให้ทุกวัน พอใจรึยัง” ชวกรถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตกปากรับคำทำตามที่หญิงสาวต้องการ จะมีสักครั้งไหมนะที่เขาจะชนะเธอบ้าง เขาตั้งคำถามกับตัวเองในใจครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบได้  รู้สึกพักหลังมานี้เขาจะพ่ายแพ้ต่อดวงตาใสแป๋วเหมือนเด็กของเธอทุกครั้งไป
 
         
 
         ชวกรมาทำงานแต่เช้าตามปกติของเขา แต่วันนี้มีสิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมคือ ลูกบิดที่เปิดเข้าไปได้อย่างง่ายดายในทุกวันกลับถูกล็อกไว้อย่างดี หลังไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในออฟฟิศก็พบเพียงความความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่เคยซื้อกับข้าวมาไว้รอและบังคับให้เขากินทุกวัน คิ้วหนาขมวดมุ่นนึกแปลกใจที่วันนี้หญิงสาวมาช้ากว่าเขา ทุกวันเปิดประตูเข้ามาเขาต้องได้ยินเสียงใสๆ กล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้
 
         โฟร์แมนหนุ่มเก็บกระเป๋าเป้เข้าลิ้นชักโต๊ะก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมกาแฟหอมกรุ่น เขานั่งจิบกาแฟรอหญิงสาวจนหมดแก้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าหน้าหวานๆ ของเธอจะโผล่เข้ามาในห้อง ไม่นานท้องเขาก็ส่งเสียงร้องโครกคราก ชวกรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา จะแปดโมงแล้วทำไมเธอยังไม่มา ไม่รู้หรือไงว่าเขารอกินข้าวอยู่
 
         ‘รองั้นเหรอ’ ชวกรพึมพำถามตัวเอง
 
         ชายหนุ่มยังไม่ทันได้คิดหาเหตุผลว่าเหตุใดเขาต้องรอด้วย เสียงเตือนข้อความไลน์ของเขาก็ดังขึ้น ทันทีที่เห็นว่าใครคือเจ้าของข้อความ เขากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบกดเข้าไปอ่านข้อความที่ถูกส่งมา ข้อความแรกเป็นสติ๊กเกอร์กล่าวทักทายยามเช้า ตามด้วยข้อความที่ทำเอาคนอ่านอดอมยิ้มไม่ได้ ตัวไม่อยู่ยังมิวายส่งข้อความมากำชับเขาอีก
 
        “รุ้งไม่อยู่หลายวันนายช่างอย่าลืมทานข้าวเช้านะคะ”
 
         “ไม่อยู่หลายวัน?”  เขาพิมพ์ข้อความกลับไป วันๆ เขาสนใจแต่เรื่องงาน ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องคนรอบข้างเท่าไรนัก จึงไม่รู้ว่าสาเหตุที่หญิงสาวจะไม่อยู่หลายวัน
 
         “รุ้งมาซ้อมรับปริญญาค่ะ ระหว่างนี้นายช่างห้ามดื้อนะคะ”
 
         “ดีเลย จะได้ไม่มีคนมาบังคับให้ผมฝืนกินข้าวเช้า” ทันทีที่ข้อความถูกส่งไป ท้องเขาก็ร้องประท้วงขึ้นมาเสียงดัง
 
         “ถ้าความหวังดีของรุ้งมันทำให้นายช่างอึดอัดใจหรือฝืนตัวเองมากเกินไป เทมันทิ้งได้เลยนะคะ” ข้อความตัดพ้อเด้งขึ้นตามด้วยสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนนั่งทำหน้าเศร้ามีน้ำตาคลอที่หน่วยตา
 
         ชวกรส่ายหน้าน้อยๆ กับโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น เขาเดินไปเปิดประตูก็พบกับแม่บ้านประจำออฟฟิศที่ยื่นถุงกับข้าวมาให้
 
         “คุณรุ้งฝากป้าซื้อกับข้าวมาให้นายช่างระหว่างที่คุณรุ้งไม่อยู่ค่ะ”
 
         “ขอบคุณครับป้าจอม วันหลังไม่ต้องก็ได้นะครับ รบกวนป้าเปล่าๆ” ชวกรบอกอย่างเกรงใจผู้สูงวัยพร้อมยื่นมือไปรับถุงกับข้าวมาถือไว้ในมือ
 
         “ไม่รบกวนหรอกค่ะ อีกอย่างป้ารับปากและรับเงินค่ากับข้าวจากคุณรุ้งไว้แล้ว เดี๋ยวคุณรุ้งจะว่าเอาได้”
 
         “งั้นตามใจป้าละกันครับ”
 
         “คุณรุ้งนอกจากจะสวยแล้วยังจิตใจดีอีกเนอะนายช่างว่าไหม คอยเป็นห่วงเป็นใยคนโน้นคนนี้ ขนาดตัวไม่อยู่ยังเป็นห่วงนายช่าง กลัวว่าจะไม่ได้กินข้าวเช้า ถึงกับต้องไปไหว้วานให้ป้าช่วยหาข้าวหาปลาให้นายช่างกิน น่ารักแบบนี้ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีเป็นบ้า น่าเสียดายที่ป้าไม่มีลูกชาย ไม่งั้นป้าจะจีบคุณรุ้งมาเป็นลูกสะใภ้ป้าซะเลย” ป้าจอมพูดชื่นชมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวยาวเป็นหางว่าว
 
         “ป้าจอมมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ” เขารีบตัดบทเมื่อท้องส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบ
 
         “ไม่มีแล้วค่ะ นายช่างจะให้ป้าจัดกับข้าวให้ไหม”
 
         “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณมากครับป้า”
 
         “งั้นป้าไปทำความสะอาดห้องคอนซัลท์ก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกป้าได้นะคะ” 
 
         “ครับป้า”
 
         หลังแม่บ้านเดินจากไป ชวกรรีบจัดการเทกับข้าวใส่ชาม ก่อนลงมือทานก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปมื้อเช้าส่งให้คนจอมจุ้นที่จัดแจงเรื่องอาหารเช้าให้เขา 
 
         “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้” จากนั้นก็กดส่งสติ๊กเกอร์การ์ตูนนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานตัวการ์ตูนกระต่ายน้อยสีชมพูฉีกยิ้มกว้างก็ถูกส่งกลับมา
 
         “รุ้งไปซ้อมก่อนนะคะ อาจารย์เรียกแล้ว เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม หัวใจที่เคยด้านชาของเขาเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพียงครู่เดียวใบหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่ก็กลับมาเรียบนิ่ง เมื่อประโยคหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัว 
 
         ‘ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีว่าฉันมีแฟนแล้วน่ะค่ะ แล้วเราก็รักกันมากด้วย’ 
 
         “กินข้าวเสร็จแล้วลงไปเรียกรวมคนงานให้พี่ทีนะตรี มีเรื่องจะแจ้งให้คนงานทราบนิดหน่อยน่ะ” เสียงของก้องภพเรียกให้ชวกรที่กำลังนั่งเหม่อรู้สึกตัว 
 
         “ครับพี่” โฟร์แมนหนุ่มตอบรับ และรีบจัดการกับอาหารตรงหน้า จากนั้นก็ลงไปเรียกคนงานมารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมที่กลางไซต์งาน
 
         
 
         “ปีนี้ใครได้เป็นตัวแทนไปออกค่ายบ้างคะคุณ” 
 
         ศศิธรเอ่ยถามทันทีเมื่อสามีเดินเข้ามาในออฟฟิศ และค่ายที่ว่าก็คือการไปสร้างอาคารเรียนและห้องสมุดให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้แต่ละไซต์งานส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมตามจำนวนที่บริษัทกำหนด
 
         ก้องภพวางกล่องพลาสติกไว้บนโต๊ะภรรยาและเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของตน ก่อนตอบคำถามของภรรยา “ตรี น้องรุ้ง เจ้ามืด...”
 
         “น้องรุ้งมาปีแรกก็โดนแจ็คพ็อตเลยนะเนี่ย” 
 
         ธุรการสาวว่าพลางหยิบรายชื่อในกล่องออกมาคลี่ดูเล่นๆ สักพักคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นอย่างสงสัย ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นอื่นๆออกมาคลี่ดู “ทำไมในกล่องมีแต่ชื่อตรีกับน้องรุ้งล่ะคุณ” 
 
         “ผมตั้งใจให้สองคนนี้ไปเป็นตัวแทนไซต์งานเรา” ก้องภพตอบพร้อมกระตุกยิ้มอย่างเลศนัย
 
         “ขอเหตุผลด้วยสิคุณ”  
 
         “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากให้สองคนนี้ไปออกค่ายด้วยกันเฉยๆ”
 
         “จะทำตัวเป็นกามเทพแผลงศรเหรอคะพี่โจ้ คราวจัดเวรมาทำงานวันอาทิตย์ก็ครั้งหนึ่งแล้ว” 
 
         พิมพาอดแซวไม่ได้ เมื่อได้ฟังเหตุผลของผู้จัดการหนุ่ม ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการจับคู่ให้ทั้งสองคนเลย
 
         “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ก้องภพรีบปฏิเสธ แต่แล้วความหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว “แต่จะว่าไปแล้วถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีเหมือนกันนะ ตรีเองก็เป็นคนดี เอาการเอางาน น้องรุ้งเองก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครจะเหมาะสมกันเท่าสองคนนี้อีกแล้ว”  
 
         “คุณฝันไปเหรอคะคุณโจ้ คุณก็น่าจะรู้ดีว่าลูกน้องสุดที่รักของคุณน่ะปิดตายหัวใจมาหลายปีแล้ว คงไม่เปิดใจรับใครเข้ามาง่ายๆ หรอก แล้วน้องรุ้งเองก็มีคนในไซต์มาขายขนมจีบให้ตั้งเยอะแยะ คงไม่ไปตกหลุมรักเจ้าชายน้ำแข็งของคุณหรอก” ศศิธรแย้ง ด้วยมองไม่เห็นทางที่ชวกรและปัถยาจะลงเอยกันได้เลย
 
         “มันก็ไม่แน่นะ หนุ่มสาวไปอยู่ในที่ลำบากด้วยกัน ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อาจจะเห็นอกเห็นใจกันและก่อเกิดเป็นความรักก็ได้ ใครจะไปรู้” ก้องภพพูดอย่างมีความหวัง
 
         “คุณดูละครมากไปเปล่าคะ ถ้าตรีจะสปาร์กกับใครสักคนตอนไปออกค่าย ก็คงจะสปาร์กไปนานแล้วแหละ ได้ไปทุกปีซะขนาดนั้น ได้ไปตกระกำลำบากร่วมกับสาวๆ ทุกปี ยังไม่เห็นจะมีใครทำลายกำแพงในใจของลูกน้องคุณได้เลย” ศศิธรยังคงเชื่อว่าความคิดสามีไม่มีทางเป็นไปได้ 
 
         “คุณคอยดูละกัน” ผู้จัดการหนุ่มพูดอย่างจริงจังตาเป็นประกายด้วยความมุ่งหวัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่