"พี่โทนี่" กลับมาอีกครั้ง จัด CH หาทางออก "หนี้ท่วมประเทศ" ถ่ายทอด 4 ช่องทาง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6428038

 
“พี่โทนี่” กลับมาอีกครั้ง จัด CH หาทางออก “หนี้ท่วมประเทศ รัดคอประชาชน มาถามดูว่า มีทางออกไหม” ถ่ายทอด กับมีเดียพาร์ทเนอร์ 4 ช่องทาง 
  
วันนี้ (31 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย เปิดเผยกำหนดการรายการ CARE ClubHouse x CARETalk “…อยู่มา 7 ปี หนี้ท่วมประเทศ หนี้รัดคอประชาชน มาถามพี่โทนี่ดูว่า มีทางออกไหม…” โดยมีแขกรับเชิญคือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
  
ซึ่งสำหรับในสัปดาห์นี้จะมาพูดคุยถึงกรณีหนี้สาธารณะของประเทศไทย ที่มีจำนวนพุ่งสูงขึ้นกว่า 54.28% หรือ มากถึง 8,472,168,000,000.98 บาท รวมถึง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 และ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่มีการอภิปรายในสภากันอยู่ในขณะนี้ จากทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน และกรณีการจัดการปัญหาวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งกำลังเป็นอีกหนึ่งปัญหาในช่วงเวลาปัจจุบัน
  
ซึ่งรายการดังกล่าว มีการพูดคุยทางคลับเฮาส์ของกลุ่มแคร์ ซึ่งเปิดให้ประชาชนสามารถพูดคุยและถามตอบได้ และ ถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กของกลุ่มแคร์ และมีเดียพาร์ทเนอร์ อย่าง ว๊อยซ์ทีวี เดอะรีพอร์ตเตอร์ และข่าวสด ในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป
 

---

 
ส.ส.ปชป. ซัดงบฯ 65 ไม่ตอบโจทย์ ทำหนี้ท่วม 21 ล้านล้าน ต้องใช้เวลา 81 ปีใช้หนี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6427801
 
‘กนก’ ส.ส.ปชป. ซัดงบฯ 65 ไม่ตอบโจทย์ ทำหนี้ท่วม 21 ล้านล้านบาท ต้องใช้เวลา 81 ปีใช้หนี้ ชี้อีก 10 ปี ความยากจน-เหลื่อมล้ำจะถึงขั้นวิกฤต
  
เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 31 พ.ค. 2564 ที่รัฐสภา นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า สถานะการเงินของประเทศ รัฐบาลตั้งรายได้สุทธิในปี 2565 ไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท แต่พบหนี้สาธารณะ จำนวน 8.195 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2564 ถึง 2.1 ล้านล้านบาท ทำให้รัฐบาลต้องตั้งงบเพื่อชำระเงินกู้ จำนวน 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 1,000 ล้านบาท
 
แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือน 13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 86.6% ของจีดีพี และเมื่อรวมหนี้รัฐบาลรวมกับของประชาชน จะมีมากกว่า 21 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพีของประเทศ เรียกว่าหนี้ท่วมรายได้ โดยรัฐบาลมีหนี้สูงกว่ารายได้ มากถึง 3.3 เท่า และต้องใช้เวลา 81 ปี เพื่อชำระหนี้สิน
 
นายกนก กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบัน และอีก 10 ปีจากนี้ ปัญหาของประเทศและประชาชน จะมี 3 ประการ คือ 1.ความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่ถึงจุดวิกฤต เพราะมีโควิด-19 เป็นตัวเร่ง 2.การเป็นหนี้ระยะสั้น โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน ที่จะทำให้คนไทยมีภาวะลำบาก หนี้ท่วมรายได้อย่างน้อย 10 ปี และ 3.ผลิตภาพที่แข่งขันไม่ได้ในระยะยาว ไม่มีการพัฒนา
 
ดังนั้น ทุกกระทรวงต้องเร่งแก้ปัญหา ผ่านการจัดสรรงบประมาณ ตนขอฝากคำเตือนงบประจำปีนี้ ว่าเมื่อรายได้ไม่เพิ่ม แต่หนี้เพิ่ม วิกฤตเศรษฐกิจตามมา เมื่อผลิตภาพไม่โต ประเทศแข่งขันไม่ได้ และล้าหลัง ในที่สุดงบประมาณแต่ละกระทรวงต้องแก้ปัญหาประชาชนอย่างมีความรู้และแม่นยำ เพราะงบมีจำกัด ในสถานการณ์ที่ประเทศมีโควิด ต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และปัญหาระบบบริหารราชการแผ่นดินเป็นจุดอ่อนของการแก้ปัญหาประเทศ
 
นายกนก กล่าวอีกว่า การจัดทำงบประมาณนี้ สำนักงบประมาณไม่สามารถจัดงบประมาณได้ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชนและประเทศ และจัดทำงบตามกรอบของตนเองเป็นหลัก นอกจากนั้น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ​ไม่ประเมินผลสำเร็จของงบประมาณ เพราะไม่มีงบประมาณตรวจความสำเร็จของงบประมาณรายปี
 
นายกนก กล่าวต่อว่า ดังนั้น ทางแก้ไข คือให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการ นอกจากนั้น ตนมองว่าสำนักงบฯ, สตง. และกรมบัญชีกลาง ต้องร่วมวิเคราะห์ปัญหาเพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ทั้งนี้ ตนมีข้อเสนอแนะเพื่อเป็นทางรอดของเศรษฐกิจ สำหรับการเพิ่มงบประมาณของรัฐบาล คือการยกระดับผลิตภาพ การแข่งขัน มีนวัตกรรม ไม่ใช่เพิ่มรายได้จากการกู้ ทั้งนี้การจัดสรรงบประมาณต้องให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดการ ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่สำนักงบฯ

---

ตัวแทนโมเดอร์นา เตรียมพบ รมช.ตปท.สหรัฐขอแบ่งวัคซีนให้ไทย
https://www.one31.net/news/detail/46597

ตัวแทนโมเดอร์นา เตรียมพบ รมช.ตปท.สหรัฐขอแบ่งวัคซีนให้ไทย ด้าน รพ.เอกชน เผยมีลูกค้าสนใจ 5 ล้านโดส
 
นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ในฐานะนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดว่า จะสามารถเริ่มทำการเปิดรับจองได้ เมื่อใด ต้องรอทุกอย่างชัดเจนเรียบร้อย ดังนั้นจึงยังไม่สามารถทำการเปิดรับจองและทำการตลาด โฆษณาเกี่ยวกับการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาแต่อย่างได
 
นพ.เฉลิม กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องเรียบร้อยต้องรอทั้งกรณี บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของโมเดอร์นาในไทย จะสามารถนำเข้าได้เมื่อใด และการรอราคาวัคซีนนั้น ซึ่งในสัปดาห์นี้คาดว่าทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะมีการสรุปราคารวมค่าขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ ซึ่งจะเป็นราคาต้นทุนที่ อภ.จะสั่งซื้อจากทางตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นา และราคาที่จะขายให้กับทางโรงพยาบาลเอกชน โดย อภ.จะมีการประชุมเรื่องราคาขายวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาภายในสัปดาห์นี้ก่อนจะการประกาศออกมา
 
ขณะเดียวกันรับทราบว่า สัปดาห์นี้ทางบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของโมเดอร์นาในไทยจะขอเข้าพบ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในอีก 1-2 วันนี้ เพื่อเจรจาขอแบ่งวัคซีนของโมเดอร์นาในสหรัฐฯที่มีปริมาณในสตอกเหลืออยู่ค่อนข้างมาก มาจำหน่ายให้กับประเทศไทย คงต้องรอความชัดเจนทั้งปริมาณและช่วงเวลาที่ทางตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นา คือ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด จะสามารถเริ่มนำเข้าวัคซีนในลอตแรกได้เมื่อใด
 
เบื้องต้นจากการสอบถามสมาชิก ของสมาคมซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง สำรวจลูกค้ามา มีตัวเลขแล้วอยู่ที่ 5 ล้านโดส ขั้นตอนดำเนินการได้เข้าสู่ระยะที่ 3 มีแนวโน้มที่จะได้วัคซีนมาก่อนไตรมาสที่ 4 เพราะเข้าสู่ขั้นตอนการซื้อขายแล้ว 
 
"บริษัทซิลลิค ได้แจ้งความคืบหน้าว่าเราอาจจะได้เร็วขึ้น เบื้องต้นใน 5 ล้านโดส มีความชัดเจนว่าอย่างน้อย 3 ล้านโดส กำลังเร่งเจรจา โดยซื้อต่อมาจากรัฐบาลสหรัฐ ที่ชำระเงินค่าวัคซีนให้โมเดอร์นาแล้ว เป็นลอตที่เกินความต้องการของรัฐบาลสหรัฐ ดังนั้นแม้เขาจะจ่ายเงินไปแล้วก็ ไม่มีปัญหาในการซื้อ"  นพ.เฉลิมกล่าว
 
สำหรับอัตราการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา โรงพยาบาลเอกชนจะให้บริการกับประชาชนนั้น ยังยืนยันว่าจะเป็นอัตราการให้บริการในอัตราเดียวกัน  โดยมองว่าการให้บริการวัคซีนถือเป็นการช่วยเหลือภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด และวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นสินค้าควบคุมชนิดหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีการคิดราคาขายในราคาเดียวกันไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลระดับใดก็ตาม รวมถึงค่าประกันภัยโควิด-19 ก็จะคิดในอัตราเดียวกันเช่นเดียวกัน.