JACKMA กับอนาคต การขายของออนไลน์ | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน
แจ๊ค หม่า และ เหล่ย จวิน นักธุรกิจชื่อดังของประเทศจีน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ว่า ในอนาคตประเทศจีน จะมีการขายของในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่พึ่งพาเพียงแบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เค้ารวมถึงธุรกิจออฟไลน์ไปในตัวด้วย ซึ่งในรูปแบบใหม่นี้
มันมีความหมายว่าอย่างไร เราไปหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ได้เลยครับ…
ยุค New Normal ได้กลายเป็นคำที่คุ้นหูกันไปแล้วตั้งแต่มีวิกฤตโควิด - 19 เข้ามา หลายธุรกิจเริ่มมีการปรับตัวให้อยู่รอดมากขึ้นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ร้านค้าจากที่เคยให้เปิดบริการแบบออฟไลน์อย่างเดียว ก็เริ่มขยับเข้ามาสู่ออนไลน์กันมากขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจขายของออนไลน์ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผู้คนเกือบทั่วโลกหันมาใช้บริการทางออนไลน์ ช่องทางออนไลน์จึงจำเป็นต่อผู้คน ซึ่งวันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องเศรษฐกิจและข่าวสารเกี่ยวกับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในประเทศจีน ว่ากำลังจะทำอะไร แล้วสามารถนำมาปรับใช้ในธุรกิจของคุณได้อย่างไรกับยุค New Normal เช่นนี้ ไปดูกันเลยครับ
ที่จริงแล้วธุรกิจออนไลน์ได้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้วในประเทศจีน โดยเห็นได้ชัดจากการก่อตั้งบริษัท อีคอมเมิร์ซในปี 2005 อย่าง Taobao จากบริษัท Alibaba จนต่อมาในปี 2008 ได้เข้าตลาดหุ้นในประเทศฮ่องกง และเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงปี 2014 ก็ได้เข้าร่วมตลาดหุ้นระดับโลกอย่างประเทศอเมริกาอีกครั้ง และได้วางแผนที่จะก้าวหน้าและขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นไปอีกจากการมองการไกลของผู้นำของ Alibaba ว่าในปี 2020 เป็นต้นไป ทาง Taobao หรือบริษัท Alibaba ได้วางแผน ที่จะเพิ่มธุรกิจในรูปแบบ New Retailing ซึ่งเป็นคำที่ใช้ครั้งแรกและคิดค้นโดย แจ๊ค หม่า เจ้าพ่อแห่ง Alibaba ที่ได้นิยามคำว่า New Retailing คือการนำเอาธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์และออนไลน์มาผสมผสานกัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ เพื่อทำให้ธุรกิจค้าปลีกไร้เส้นแบ่งระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์อีกต่อไป เราอาจเรียก New Retailing ในภาษาไทยได้ว่า “ค้าปลีกยุคใหม่” หรือ “ค้าปลีกรูปแบบใหม่” นั่นเอง
ซึ่งจะอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น ก็คือ การค้าปลีกยุคใหม่ที่ Alibaba เสนอการนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปเสริมพลังให้กับร้านค้าออฟไลน์แบบเดิม ทำให้ลูกค้าเมื่อเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในประเทศจีน ฟังแค่นี้คุณก็รู้สึกถึงความตื่นแล้วใช่ไหมครับ เพราะถ้าเราลองย้อนกลับมาดูในความก้าวหน้าในประเทศไทยแล้ว ถ้าหากจะคิดการเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายของช่องทางการขายของออนไลน์ในประเทศไทยแล้ว จะเห็นได้ว่าในประเทศไทยเองเริ่มจะก่อตั้ง Lazada ขึ้นมาครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทางประเทศจีนเองก็ได้มีการก่อตั้ง Taobao ขึ้นมาในปี 2005 ฉะนั้น ถ้าจะให้เห็นความแตกต่างในการก้าวหน้าหรือความเปลี่ยนแปลงเอง ประเทศไทยเราถือว่ายังตามความคิดในเรื่องของการพัฒนาทางช่องทางออนไลน์ของประเทศจีนไปถึง 7 ปีเลยทีเดียว แต่สิ่งสำคัญของบทความในวันนี้ ผมจะมาโฟกัสเรื่อง อนาคตของช่องทางออนไลน์ ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกคุณก็สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางออนไลน์อย่าง Taobao ที่ได้เติบโตจนสามารถเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์อันดับ 1 ในประเทศจีน หรือแม้แต่เว็บไซต์อเมซอนในประเทศอเมริกาเอง ที่ตอนนี้สามารถทำรายได้จนกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกไปแล้ว และเราจะสามารถนำความก้าวหน้าของเว็บไซต์เหล่านี้มาปรับใช้อย่างไร
แต่ทีนี้สิ่งที่ แจ๊ค หม่า กำลังจะพยายามพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเขาอยู่นั้น เขาก็ได้คิดไว้แล้วว่า ข้อเสียของการขายของออนไลน์ในยุคปัจจุบันนี้ ถือว่า “ยังขาดประสบการณ์” ในการซื้อขายกันอยู่ เพราะรู้ว่าการขายของออนไลน์คนซื้อ สามารถเลือกสินค้าจากการ ดูและฟัง เพียงเท่านั้น แต่ไม่สามารถ สัมผัส รับรส หรือได้กลิ่นแต่อย่างใด จึงทำให้ แจ๊ค หม่า มีไอเดียที่ว่าอยากจะรวม สินค้าออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน อย่างที่ผมได้กล่าวไว้เบื้องต้น เนื่องจากธุรกิจแบบออฟไลน์มีแต่ธุรกิจออนไลน์ไม่มี ทำให้บางครั้งผู้ซื้อเกิดความลังเล และไม่กล้าตัดสินใจ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ธุรกิจออฟไลน์สามารถให้ประสบการณ์มากกว่าธุรกิจออนไลน์ก็จริง แต่ธุรกิจนี้มันคือธุรกิจที่ตั้งอยู่กับที่ โดยให้คนวิ่งเข้าหา ฉะนั้น เป้าหมายของ แจ๊ค หม่า จึงต้องการที่จะให้ธุรกิจทั้ง 2 แบบนี้รวมตัวกันให้ได้ และก็เริ่มที่จะทำตามจุดประสงค์เช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2008 ด้วยการทยอยซื้อหุ้นของบริษัทขนส่ง Express ต่าง ๆ จนในปัจจุบันที่ผ่านมาปี 2020 แจ๊ค หม่า สามารถซื้อหุ้น 10-49% ในบริษัทขนส่งเจ้าใหญ่ในประเทศจีนได้แล้ว 4 บริษัท เพื่อที่จะรอวันนำบริการขนส่งเหล่านี้มาใช้กับแผน New Retailing ของ แจ๊ค หม่า ซึ่งลักษณะที่ แจ๊ค หม่า กำลังจะทำนั้น ก็คือ ก็ยังคงมีหน้าร้านออฟไลน์ดั่งเดิม แต่!! จะเพิ่มลูกเล่นเข้ามาในรูปแบบ สินค้าใหม่ ประสบการณ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ โดยให้คนเข้าไปใช้บริการและเลือกซื้อสินค้า และเมื่อคนตัดสินใจซื้อก็จะนำสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ที่เปรียบเสมือนเป็นคลังสินค้าออกไปจำหน่ายใช้บริการขนส่งทั่วประเทศจีน
สรุปได้ว่า หลายคนที่ได้ทราบข่าวนี้มาหรือได้อ่านบทความนี้แล้ว บางคนถึงกลับคิดว่า ตนจะต้องเริ่มจากการสร้างหน้าร้านพร้อมกับมีร้านค้าออนไลน์ก่อนเสียแล้วเดี้ยวจะตามไม่ทันโลก ผมจะบอกเลยครับว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไป เพราะมันยังไม่ถึงเวลาและหน้าร้านของคุณก็อาจจะก่อนเจ๊งได้ สิ่งที่คุณจะต้องทำคือ ค่อย ๆ ไปทีละขั้นตอน ตามสถานการณ์ในประเทศของคุณก่อน เพราะบทความนี้เป็นเพียงแค่ข่าวสารที่ทำให้คุณรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของช่องทางออนไลน์ในอนาคตให้คุณได้รับรู้ไว้ว่า ธุรกิจแบบออฟไลน์อาจไม่ได้หายไปไหนก็ยังคงอยู่และอาจจะกลับมาเพิ่มรายได้มากกว่าในอนาคตอีก 10 ปี ข้างหน้า
สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอย่างไร ธุรกิจออนไลน์ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเห็นได้จากความก้าวหน้าและแนวคิดของผู้นำของบริษัทอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba ที่ผ่านมาแค่ 15 ปียังมีความก้าวหน้าได้ถึงขนาดนี้ ในอนาคตก็คงต้องมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาอีกอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรต่อไปนั้นก็ต้องมาดูกันอีกที ซึ่งคุณเองก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจนี้ให้ได้ หรือคุณคิดว่าอย่างไรสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
============================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
JACKMA กับอนาคต การขายของออนไลน์ | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน
ที่จริงแล้วธุรกิจออนไลน์ได้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้วในประเทศจีน โดยเห็นได้ชัดจากการก่อตั้งบริษัท อีคอมเมิร์ซในปี 2005 อย่าง Taobao จากบริษัท Alibaba จนต่อมาในปี 2008 ได้เข้าตลาดหุ้นในประเทศฮ่องกง และเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงปี 2014 ก็ได้เข้าร่วมตลาดหุ้นระดับโลกอย่างประเทศอเมริกาอีกครั้ง และได้วางแผนที่จะก้าวหน้าและขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นไปอีกจากการมองการไกลของผู้นำของ Alibaba ว่าในปี 2020 เป็นต้นไป ทาง Taobao หรือบริษัท Alibaba ได้วางแผน ที่จะเพิ่มธุรกิจในรูปแบบ New Retailing ซึ่งเป็นคำที่ใช้ครั้งแรกและคิดค้นโดย แจ๊ค หม่า เจ้าพ่อแห่ง Alibaba ที่ได้นิยามคำว่า New Retailing คือการนำเอาธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์และออนไลน์มาผสมผสานกัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ เพื่อทำให้ธุรกิจค้าปลีกไร้เส้นแบ่งระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์อีกต่อไป เราอาจเรียก New Retailing ในภาษาไทยได้ว่า “ค้าปลีกยุคใหม่” หรือ “ค้าปลีกรูปแบบใหม่” นั่นเอง
สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอย่างไร ธุรกิจออนไลน์ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเห็นได้จากความก้าวหน้าและแนวคิดของผู้นำของบริษัทอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba ที่ผ่านมาแค่ 15 ปียังมีความก้าวหน้าได้ถึงขนาดนี้ ในอนาคตก็คงต้องมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาอีกอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรต่อไปนั้นก็ต้องมาดูกันอีกที ซึ่งคุณเองก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจนี้ให้ได้ หรือคุณคิดว่าอย่างไรสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ