อยากได้แบบนั้น ก็ต้องจ่ายภาษีแบบประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยสิครับ

เอาง่ายๆแค่ Vat เราเก็บแค่7%  จะขึ้นเป็น 8%  10%  ร้องจ๊ากกันแล้ว
ในขณะที่ประเทศที่ จขกท.บอก  บางประเทศล่อไปเกือบ20%

ภาษีเงินได้ก็ต้องเปลี่ยนใหม่หมด  ในประเทศที่รัฐสวัสดิการดี เก็บทั้งภาษีและกองทุนยิบย่อยมาก
และเก็บเยอะกว่าบ้านเราทั้งนั้น  อ๊ะ เดี๋ยวเอาอเมริกามาอ้างว่าคนเขาจ่ายภาษีถูกกว่า
อันนั้นแค่ตัวเลขดิบๆ แต่ของเขามีรายได้แค่ปีละ1$ก็ต้องจ่าย พูดง่ายๆฐานเขากว้าง
คนมีรายได้ต้องจ่าย Federal tax ทุกคนถ้วนหน้า  เพราะงั้นรายได้ภาษีประเทศเขาถึงเยอะ

แต่คนไทยคิดหยาบๆปีนึงรายได้ไม่ถึง 150,000 ไม่ต้องจ่ายภาษีจ้า  ผลคือ ชนชั้นกลางและ
มนุษย์เงินเดือนแบกรากหญ้ากันหลังแอ่น  
ลองให้รากหญ้า จ่ายภาษีเงินได้ เริ่มตั้งแต่บาทแรกถามหน่อยว่าจะโวยกันหรือไม่
ถ้ารากหญ้าจ่ายภาษีด้วย รัฐสวัสดิการดีๆไม่ไกลเกินฝัน

การไปอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่แค่ยกมุมดีๆเขามาไม่กี่มุมแล้วบอกว่า เฮๆ
ไปอยู่กัน  เราก็ต้องดูด้วยว่าบางประเทศไปทำงานแล้วหาเงินได้100นึงแต่โดนภาษีไป40
รับไหวหรือไม่เมื่อเทียบกับงานที่ทำ

ความสามารถก็อีกเรื่อง  ต้องดูว่าความสามารถที่เรามีมันพอที่จะไปเบียดตำแหน่งงานดีๆ
เงินเดือนเยอะๆของคนในประเทศเขาไหวหรือไม่   มีคนไม่กี่อาชีพหรอกที่ไปแล้วสบาย
ไม่ต้องสวมบทโรบินฮูด

ประเทศโลกที่สามมักไม่เข้าใจ
ว่าเงินและความสะดวกสบาย มันมาจากไหน
มันมาจากการเก็บหอมรอมริบกันทั้งนั้น
จ่ายเข้ารัฐไป ถึงเวลามีปัญหา จึงมีรัฐช่วย
วัคซีนเข็มละสามพัน จ่ายภาษี ปีหนึ่งถึงสามพันกันไหม
เรียกร้องให้รัฐบาลต้องทำอย่างที่ต้องการ ดูสภาพการคลังบ้างไหม
ยุโรปจ่ายภาษี ครึ่งหนึ่งของเงินเดือน แล้วยังมาจ่าย Vat อีกเกือบ 20%
ออมกันขนาดนั้น ถึงเวลาลำบาก เขาก็มีใช้กัน
คนไทย ทั้งเลี่ยงทั้งไม่อยากจ่าย แล้วอ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน เงินคลังไม่มี แต่ จะเอาๆๆ

หลายความเห็นจะพยายามแถว่าเราดีกว่าทำไม ก็เค้าประเทศพัฒนาแล้ว เราด้อยพัฒนา ถ้ารักประเทศไทย ก็ต้องอยากให้ไทยพัฒนาได้อย่างเค้าสิ ไม่ใช่สรรหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง

สุภาษิตนี้นะ

The grass is always greener on the other side.
สนามหญ้าของบ้านคนอื่นมักจะเขียวกว่าบ้านของเรา

สำนวนนี้แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า เรามักจะเห็นของคนอื่นดีกว่าของตนเองเสมอ
หรือที่วัยรุ่นชอบพูดว่า แฟนของคนอื่นมักจะสวยกว่าแฟนของตนเอง นี่เอง!