(ไผ่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิที่สวนสาธารณะใน Roskilde ประเทศเดนมาร์ก )
ไผ่ (Bamboos) เป็นพืชที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งไผ่ทั่วไปสามารถเติบโตได้มากถึง 10 เซนติเมตรในวันเดียว และสิ่งมีชีวิตบางชนิดก็เติบโตได้ถึงหนึ่งเมตรในช่วงเวลาเดียวกันหรือประมาณ 1 มิลลิเมตรทุกๆ 2 นาที แม้ว่าเราจะสามารถเห็นการเติบโตของไผ่ในทุกวัน แต่ไผ่ส่วนใหญ่จะมีอายุเพียง 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
ถ้าจะเปรียบเทียบต้นไผ่กับไม้เนื้อแข็งยอดนิยมอื่น ๆ ที่แทบจะไม่โตขึ้นหนึ่งนิ้วในหนึ่งสัปดาห์ เช่นต้นโอ๊ก ที่อาจใช้เวลาถึง 120 ปีจึงจะเติบโตเต็มที่
แต่เมื่อพูดถึงการออกดอก ไผ่น่าจะเป็นหนึ่งในพืชที่ออกดอกช้าที่สุดในโลก ซึ่งการออกดอกของไผ่นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนใครและหายากมากในอาณาจักรพืช ทั้งนี้ ไผ่ส่วนใหญ่จะออกดอกทุกๆ 60 ถึง 130 ปี โดยช่วงเวลาของการออกดอกที่ยาวนานนี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักพฤกษศาสตร์หลายคน
สายพันธุ์ที่ออกดอกช้าเหล่านี้จะแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ พวกมันออกดอกในเวลาเดียวกันทั่วโลกโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และสภาพอากาศ ตราบใดที่พวกมันมาจากพืชแม่เดียวกัน ซึ่งไม้ไผ่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น แต่ในบางกรณี พวกมันอาจแยกตัวออกไปเป็นอีกหนึ่ง ‘division’ แม้จะมาจากต้นแม่เดียวกัน
ดอกไผ่และผลของมัน Cr.ภาพ mizostory.org/
อย่างไรก็ตาม ‘division’ ที่แยกออกมาเหล่านี้จะถูกแบ่งอีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่งและใช้ร่วมกันทั่วโลก และแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในสถานที่ต่างกันทางภูมิศาสตร์
แต่ก็ยังคงมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อต้นไผ่ที่อยู่ในอเมริกาเหนือออกดอกไม้ พืชชนิดเดียวกันในเอเชียจะทำเช่นเดียวกันในเวลาไล่เลี่ยกัน เหมือนกับว่า ต้นไม้มีนาฬิกาภายในที่เดินไปเรื่อยๆจนกว่าสัญญาณเตือนที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจะดับลงพร้อมกัน โดยปรากฏการณ์การออกดอกจำนวนมากนี้เรียกว่า " gregarious flowering " (การออกดอกแบบรวมกลุ่ม)
ตามสมมติฐานหนึ่ง การออกดอกจำนวนมากนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของประชากรไผ่ ซึ่งสมมติฐานระบุว่า ในพื้นที่ที่มีผลไม้ออกมาจำนวนมากก็ยังคงมีเมล็ดพืชเหลืออยู่แม้ว่านักล่าจะกินผลไม้เหล่านี้เข้าไปมากมายก็ตาม และด้วยการมีวงจรการออกดอก ซึ่งนานกว่าอายุขัยของสัตว์ฟันแทะที่เป็นนักล่าไผ่ สิ่งนี้สามารถควบคุมประชากรสัตว์ได้ โดยทำให้เกิดความอดอยากในช่วงระหว่างช่วงออกดอก แต่สมมติฐานยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดวงจรการออกดอกจึงยาวนานกว่าอายุของสัตว์ฟันแทะในท้องถิ่นถึง 10 เท่า
ทั้งนี้ เมื่อสายพันธุ์ไผ่ถึงอายุขัยที่จะมีดอกและออกเมล็ด มันก็จะตายและกวาดล้างป่าทั้งหมดเป็นช่วงเวลาหลายปี ซึ่งเหตุนี้อาจเป็นไปได้สองกรณีว่า
หนึ่งคือการออกดอกและผลิตเมล็ดพันธุ์ต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ซึ่งในระดับดังกล่าวกดดันต้นไผ่อย่างมากจนมันตายทั้งหมด และกรณีที่สองชี้ให้เห็นว่า การที่ต้นแม่ตายทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับต้นกล้าไผ่ที่เกิดต่อไป
Fargesia nitida (ชื่อสามัญของไผ่น้ำพุสีฟ้า) กอไผ่ที่มีถิ่นกำเนิดในเสฉวนประเทศจีนซึ่งออกดอกทุก 120 ปี
เหตุการณ์การออกดอกจำนวนมากนี้ยังดึงดูดสัตว์นักล่าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์ฟันแทะ ซึ่งการมีผลไม้ในปริมาณมหาศาลอย่างกะทันหันในป่า ทำให้หนูที่หิวโหยหลายสิบล้านตัวเข้ามากินจนเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ และหลังจากที่พวกมันกินผลไผ่แล้ว หนูก็เริ่มกินเข้าไปพืชผลทั้งที่เก็บไว้ในยุ้งและในทุ่งนาด้วย
เหตุการณ์ไผ่ออกดอกมักจะตามมาด้วยความอดอยากและโรคในหมู่บ้านใกล้เคียง เช่นใน Mizoramรัฐ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ทุกๆ 48 ถึง 50 ปี จะมีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้น เมื่อไผ่สายพันธุ์ Melocanna baccifera ออกดอกและผล โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 2006 ถึง 2008 ที่รู้จักกันในชื่อภาษาท้องถิ่นว่า " mautam " หรือ " bamboo death "
ซึ่งในอินเดียมีแหล่งไม้ไผ่ที่อุดมสมบูรณ์รวมถึง 138 ชนิดกระจายอยู่ใน 24 สกุล ซึ่ง 3 สกุลเป็นพันธุ์ที่แปลกใหม่และอีกส่วนเป็นพันธ์พื้นเมือง โดยเฉพาะมณีปุระเพียงแห่งเดียวมีไผ่ถึง 53 ชนิด ในขณะที่อรุณาจัลประเทศมี 50 ชนิด
ในอินเดียนั้น ใช้หน่อไม้และเมล็ดพืชจากไม้ไผ่เป็นอาหาร และใบไผ่เป็นอาหารสำหรับปศุสัตว์ โดยผู้คนนำไม้ไผ่มาทำเป็นหมวก ตะกร้า ของเล่น เครื่องดนตรี เฟอร์นิเจอร์ ตะเกียบ กระดาษและอาวุธ ส่วนลำต้นไม้ไผ่ใช้เป็นไม้เชื้อเพลิง สร้างบ้าน รั้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ภาคสนาม และนั่งร้านไม้ไผ่เพื่อสร้างอาคาร โดยเฉพาะสารคัดหลั่งจากไผ่ซึ่งเป็นสารเนื้อละเอียดที่เรียกว่า 'tabasheer' ซึ่งพบในลำต้นของไผ่เช่น Phyllostachys bambusoides ถูกนำมาใช้ในยาอายุรเวท เป็นยาบำรุงกำลังเพื่อรักษาอาการไอและโรคหอบหืดและแม้กระทั่งเป็นยาโด๊ป
ไผ่เป็นหญ้าที่อยู่ใน วงศ์ Gramineae (เรียกอีกอย่างว่า Poaceae) มีประมาณ 1200 สายพันธุ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อนกึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทุกทวีป ยกเว้นยุโรปและแอนตาร์กติกา ตั้งแต่ที่ราบลุ่มถึง 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีจีนเป็นศูนย์กลางการกระจายพันธุ์ไผ่มีมากกว่า 34 สกุลและ 534 ชนิด โดยพันธุ์ไผ่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและระบบนิเวศในหลายประเทศ และไม้ไผ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีประโยชน์มากมายสำหรับมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็มีผลกระทบที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อมดวย
ปัจจุบัน ไผ่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากมีประวัติชีวิตที่โดดเด่น เป็นไม้ดอกยืนต้น แต่ไผ่หลายชนิดยังคงอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตเป็นเวลาหลายทศวรรษหรือแม้กระทั่งศตวรรษ ที่ตามด้วยการออกดอกจำนวนมากแบบ synchronous และการตายทั้งหมดในเวลาต่อมา ดังนั้น การออกดอกของไผ่จึงอาจส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของผู้คนที่พึ่งพาทรัพยากรไผ่ และอาจนำไปสู่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจและปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
ที่มา: Wikipedia / Bamboo Botanicals / Guadua Bamboo / Nat Geo
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" bamboo death " ปรากฏการณ์ลึกลับทางพฤกษศาสตร์ของการออกดอกของไผ่
ถ้าจะเปรียบเทียบต้นไผ่กับไม้เนื้อแข็งยอดนิยมอื่น ๆ ที่แทบจะไม่โตขึ้นหนึ่งนิ้วในหนึ่งสัปดาห์ เช่นต้นโอ๊ก ที่อาจใช้เวลาถึง 120 ปีจึงจะเติบโตเต็มที่
แต่เมื่อพูดถึงการออกดอก ไผ่น่าจะเป็นหนึ่งในพืชที่ออกดอกช้าที่สุดในโลก ซึ่งการออกดอกของไผ่นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนใครและหายากมากในอาณาจักรพืช ทั้งนี้ ไผ่ส่วนใหญ่จะออกดอกทุกๆ 60 ถึง 130 ปี โดยช่วงเวลาของการออกดอกที่ยาวนานนี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักพฤกษศาสตร์หลายคน
สายพันธุ์ที่ออกดอกช้าเหล่านี้จะแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ พวกมันออกดอกในเวลาเดียวกันทั่วโลกโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และสภาพอากาศ ตราบใดที่พวกมันมาจากพืชแม่เดียวกัน ซึ่งไม้ไผ่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น แต่ในบางกรณี พวกมันอาจแยกตัวออกไปเป็นอีกหนึ่ง ‘division’ แม้จะมาจากต้นแม่เดียวกัน
แต่ก็ยังคงมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อต้นไผ่ที่อยู่ในอเมริกาเหนือออกดอกไม้ พืชชนิดเดียวกันในเอเชียจะทำเช่นเดียวกันในเวลาไล่เลี่ยกัน เหมือนกับว่า ต้นไม้มีนาฬิกาภายในที่เดินไปเรื่อยๆจนกว่าสัญญาณเตือนที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจะดับลงพร้อมกัน โดยปรากฏการณ์การออกดอกจำนวนมากนี้เรียกว่า " gregarious flowering " (การออกดอกแบบรวมกลุ่ม)
ตามสมมติฐานหนึ่ง การออกดอกจำนวนมากนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของประชากรไผ่ ซึ่งสมมติฐานระบุว่า ในพื้นที่ที่มีผลไม้ออกมาจำนวนมากก็ยังคงมีเมล็ดพืชเหลืออยู่แม้ว่านักล่าจะกินผลไม้เหล่านี้เข้าไปมากมายก็ตาม และด้วยการมีวงจรการออกดอก ซึ่งนานกว่าอายุขัยของสัตว์ฟันแทะที่เป็นนักล่าไผ่ สิ่งนี้สามารถควบคุมประชากรสัตว์ได้ โดยทำให้เกิดความอดอยากในช่วงระหว่างช่วงออกดอก แต่สมมติฐานยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดวงจรการออกดอกจึงยาวนานกว่าอายุของสัตว์ฟันแทะในท้องถิ่นถึง 10 เท่า
ทั้งนี้ เมื่อสายพันธุ์ไผ่ถึงอายุขัยที่จะมีดอกและออกเมล็ด มันก็จะตายและกวาดล้างป่าทั้งหมดเป็นช่วงเวลาหลายปี ซึ่งเหตุนี้อาจเป็นไปได้สองกรณีว่า
หนึ่งคือการออกดอกและผลิตเมล็ดพันธุ์ต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ซึ่งในระดับดังกล่าวกดดันต้นไผ่อย่างมากจนมันตายทั้งหมด และกรณีที่สองชี้ให้เห็นว่า การที่ต้นแม่ตายทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับต้นกล้าไผ่ที่เกิดต่อไป
เหตุการณ์ไผ่ออกดอกมักจะตามมาด้วยความอดอยากและโรคในหมู่บ้านใกล้เคียง เช่นใน Mizoramรัฐ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ทุกๆ 48 ถึง 50 ปี จะมีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้น เมื่อไผ่สายพันธุ์ Melocanna baccifera ออกดอกและผล โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 2006 ถึง 2008 ที่รู้จักกันในชื่อภาษาท้องถิ่นว่า " mautam " หรือ " bamboo death "
ซึ่งในอินเดียมีแหล่งไม้ไผ่ที่อุดมสมบูรณ์รวมถึง 138 ชนิดกระจายอยู่ใน 24 สกุล ซึ่ง 3 สกุลเป็นพันธุ์ที่แปลกใหม่และอีกส่วนเป็นพันธ์พื้นเมือง โดยเฉพาะมณีปุระเพียงแห่งเดียวมีไผ่ถึง 53 ชนิด ในขณะที่อรุณาจัลประเทศมี 50 ชนิด
ในอินเดียนั้น ใช้หน่อไม้และเมล็ดพืชจากไม้ไผ่เป็นอาหาร และใบไผ่เป็นอาหารสำหรับปศุสัตว์ โดยผู้คนนำไม้ไผ่มาทำเป็นหมวก ตะกร้า ของเล่น เครื่องดนตรี เฟอร์นิเจอร์ ตะเกียบ กระดาษและอาวุธ ส่วนลำต้นไม้ไผ่ใช้เป็นไม้เชื้อเพลิง สร้างบ้าน รั้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ภาคสนาม และนั่งร้านไม้ไผ่เพื่อสร้างอาคาร โดยเฉพาะสารคัดหลั่งจากไผ่ซึ่งเป็นสารเนื้อละเอียดที่เรียกว่า 'tabasheer' ซึ่งพบในลำต้นของไผ่เช่น Phyllostachys bambusoides ถูกนำมาใช้ในยาอายุรเวท เป็นยาบำรุงกำลังเพื่อรักษาอาการไอและโรคหอบหืดและแม้กระทั่งเป็นยาโด๊ป