เราเกิดมาในครอบครัวที่พอมีพอกิน พ่อแม่ค้าขาย ส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชน เราไม่ค่อยลำบากอะไร เติบโตมาถือว่าสุข สมบูรณ์ดีคนหนึ่ง
เราเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาโท และได้ทำงานในหน่วยงานส่วนราชการหนึ่ง ที่นั่นทำให้เราได้พบกับสามี
บ้านของสามีฐานะด้อยกว่าบ้านเรา แต่ไม่เป็นปัญหากับเราเลย เราปรับตัวได้ทุกที่ เราสบายๆ ทุกอย่างสร้างได้
เราคบกับสามีได้ 2 ปี ก็แพลนกันว่าจะแต่งงาน เราคุยกันว่าหลังแต่งงาน เราทั้งคู่จะไปใช้ชีวิตที่แฟลตของพ่อสามีที่ซื้อทิ้งไว้ เป็นแฟลตเก่าๆ สภาพแวดล้อมถือว่าเกือบแย่ เราไม่คิดอะไรมาก เรารักสามี เราพร้อมปรับตัว เราอยู่ได้สบาย
แฟลตราคาถูก แต่เราตกแต่งห้องของเราโดยใช้งบประมาณไปราวๆ 2 แสนบาท ทำห้องครัว ติดแอร์ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ห้องน่าอยู่ขึ้นมา สำหรับเรา แฟลตราคาถูกไม่ใช่ปัญหา เราอยู่ได้
หลังจากแต่งงาน เราย้ายเข้าไปอยู่ในแฟลต อยู่กับสามีได้ 2 อาทิตย์ แฟนมีคำสั่งต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งอยู่ไกลจากเรามาก คนละภูมิภาคเลย เรากับสามีจะได้เจอกันเดือนละครั้ง หรือบางทีก็ 2-3 เดือน ถึงจะได้เจอกัน เพราะต้องใช้เวลาเดินทางนาน
เรายังทำงานอยู่ที่เดิม ในส่วนราชการเดิม มีอยู่วันหนึ่ง พ่อของสามีโทรมาถามว่า เราเปลี่ยนกุญแจห้องที่แฟลตแหรอ เราบอกว่าเปล่า เราไม่ได้เปลี่ยน แล้วก็วางสายไป มันทำให้เรารู้ว่า ระหว่างที่เรามาทำงาน พ่อของสามีเข้ามาในห้องแฟลตที่เราพักอยู่
หลังจากนั้น เราเริ่มสังเกตห้องของเรา มีอยู่วันหนึ่ง เราเลิกงานกลับเข้าห้อง เราเห็นรอยรองเท้าในห้องเต็มพื้นห้อง เราก็คิดว่าคงเป็นพ่อของสามีเข้ามาในห้อง
แต่มีครั้งหนึ่งที่พีคที่สุด คือ วันนั้นเรากลับห้องมา เราก็เตรียมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อพักผ่อน แต่ตะกร้าผ้าของเราที่เป็นตะกร้าผ้าใช้แล้ว เสื้อผ้าโดนรื้อออกมา ผ้าเช็ดตัวผืนที่เราใส่ไว้เตรียมซักซึ่งอยู่ใต้สุดของตะกร้าถูกเอาออกมาตากที่ราวตากผ้า เราตกใจมากเพราะในตะกร้าผ้าใช้แล้วนั้น มีชุดชั้นใน กางเกงในของเราที่ใส่แล้วอยู่ด้วย
เรารีบโทรหาสามีเรา ว่าเราไม่โอเคกับพฤติกรรมแบบนี้ของพ่อเค้า เค้าบอกเค้าจะคุยให้
เราเริ่มเอาเรื่องนี้ปรึกษากับบ้านของเรา บ้านเราบอกให้กลับมานอนที่บ้าน แต่เราเห็นว่าเราแต่งงานแล้ว เราก็อยากแยกออกมาเป็นครอบครัว ถึงแม้ว่าสามีจะไม่อยู่ด้วยก็ตาม
เราอยู่อย่างหวาดระแวงพ่อของสามีมาก ไม่ได้คิดถึงเรื่องไม่ดีอย่างอื่น แต่ไม่ชอบการเข้ามาวุ่นวายในห้องของคนอื่น การมาหยิบจับของใช้ของคนอื่น
หลังจากนั้น พ่อก็ยังมา เรารู้ได้เพราะ พ่อจะทิ้งรอยปัสสาวะเป็นหยดๆ บนฝาชักโครก และรอยรองเท้าอยู่เสมอ
คำตอบแบบโลกสวยก็คือ ก็นี่มันห้องของเค้าอ่ะเน๊อะ เราแค่ผู้อาศัย
เรารู้ว่า อีก 2 ปี แฟนเราก็จะได้ย้ายกลับมาทำงานที่เดิม เราก็อดทนรอ 2 ปีมันไม่ได้นานเกินรอหรอกเน๊อะ
ระหว่างนั้น เราก็ทำหน้าที่ลูกสะใภ้ โดยจะซื้อของกินไปให้ที่บ้านพ่อแม่แฟนเสมอ
ที่บ้านของพ่อแม่แฟน จะเลี้ยงหมาอยู่ 1 ตัว เราจะคอยไปเล่นกับมันเสมอ แต่ พ่อแฟนมักจะพูดกับเราว่า ไม่ต้องไปดีกับมันมาก มันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน พ่อเลี้ยงไว้เพื่อให้เฝ้าบ้าน เฝ้างูในสวน
เราไม่ชอบความคิดแบบนี้ของพ่อเลย เพราะบ้านเราก็เลี้ยงหมา และบ้านเรารักหมามาก แทบจะเลี้ยงเป็นลูกอีกคนของที่บ้านเลยก็ว่าได้
ส่วนหมาที่บ้านสามี เค้าให้กินแบบอดๆ อยากๆ มีเศษอาหารอะไรที่เหลือในบ้านก็ไปเทให้หมากิน เศษอาหารนั่นก็คือ ก้างปลาอันใหญ่ๆ เศษกระดูกไก่ เศษกระดาษทิชชู่ น้ำแกง เทรวมๆ กันแล้วไปเทใส่ชามอาหารหมา เราไปบ้านแฟน เราก็ต้องทำตามนั้น เราต้องเอาเศษอาหารเหล่านั้นไปเทให้หมากิน เราสงสารมันมาก แต่ว่า มันก็กินนะ มันกินจนหมด
หลายครั้งเวลาเราเข้าไปบ้านพ่อแม่แฟน เราจะต้องซื้อโครงไก่ทอดติดมือไปฝากหมาที่บ้านด้วย แต่ทุกครั้ง พ่อแม่แฟนก็จะพูดว่า ไม่ต้องหรอกลูก มันมีกินของมัน
วันหนึ่งเราก็เข้าไปที่บ้านพ่อแม่แฟนเหมือนปกติ แต่ครั้งนี้เราไม่เจอหมาตัวนั้น เราถามพ่อแม่แฟนว่า หมาไปไหน แม่บอกว่า หมาไปสวรรค์แล้ว เราตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อบอกว่ามันไปกัดไก่บ้านข้างๆ พ่อเลยวางยามัน แล้วก็ฝังมันหลังบ้าน
เราตัวชาเลย เราไม่คิดว่าเค้าจะฆ่าหมาที่เค้าเลี้ยงได้ลง
พ่อแฟนจะคอยสอนเราเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ จะคอยบอกให้กตัญญูกตเวที ตอบแทนคุณความดีพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ ทุกครั้งที่ได้คุยกับแก แกจะคอยสอนเราทำนั่น นี่ สอนถึงหน้าที่การงานของเรา บอกให้เราทำอย่างนู้น อย่างนี้ ตั้งแต่เราคุยกับพ่อแฟน พ่อแฟนไม่เคยไม่รู้จักอะไรบนโลกใบนี้ แกรู้ทุกเรื่อง สอนได้ทุกเรื่อง
พ่อตักบาตรทุกเช้า ท่องได้ทุกบท แต่พ่อฆ่าหมาได้ลงคอ เราคิดไม่ตกว่าพ่อเป็นคนยังไงกันแน่
พ่อพาหมาตัวใหม่มาเลี้ยงอีกแล้ว คราวนี้ไปเอามาจากสวนสาธารณะ อายุน่าจะ 3 เดือน ยังตัวเล็กนิดเดียว เราเอามันมาอุ้ม ด้วยความน่ารักของมัน เราเลยเอ็นดูมันเป็นพิเศษ เราใช้เวลาบ้านพ่อแม่แฟน ด้วยการอยู่กับหมา พ่อแฟนก็ทำเป็นหลงรักมันในช่วงแรกๆ และตั้งชื่อมัน พามันอาบน้ำ เราคิดว่า ด้วยความน่ารักของมัน ตัวนี้คงจะไม่โดนเหมือนตัวที่แล้วนะ
แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้รู้ว่า พ่อแฟนเห็นสัตว์ เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน ตามที่พ่อเคยพูดกับเราจริงๆ พ่อไม่เคยให้หมาได้กินของดีๆ ไม่เคยดูดำดูดีมัน มันท้องแก่ และคลอดออกมา ใกล้กับสระน้ำในบ้านของพ่อ เราไปดูลูกๆ มัน ลูกๆ มันยังไม่ลืมตาสักตัว เราพยายามย้ายที่ให้มัน มานอนหลังบ้าน ทำหลังคาให้มันเพื่อกันแดดกันฝน แต่สิ่งที่เราทำ คงจะขัดหูขัดตาบ้านของเค้า
เรามาหาบ้านแฟนอีกครั้ง ลูกหมาหายไปหมดแล้ว เราถามว่าหมาหายไปไหน บ้างก็โดนพ่อขับรถเหยียบตาย บ้างก็ตกสระน้ำตาย บ้างก็ให้เค้าไป
นี่คือคนที่ปากคอยสอนบาป บุญ คนอื่นเหรอ
ไม่นานแม่หมาก็ตายจากไป
เอาจริงๆ เราไม่ค่อยอยากไปบ้านแฟนเท่าไหร่ เพราะเรารับไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง
บ้านเราซื้อที่ดินชานเมือง แม่เราอยากทำสวน ปลูกผักบั้นปลายชีวิต พ่อแฟนบอกว่า ทำทำไมให้เหนื่อย มีแต่คนอยากหาความเจริญ แม่เรานี่อยากถอยหลังลงคลอง
แม่เรารักหมามาก บ้านเราเลี้ยงหมาอย่างกับคุณชาย พ่อแม่แฟนบอกว่า อย่าไปดีกับมันมาก มันแค่สัตว์เดรัจฉาน เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม และเล่าถึงนรกว่ามีกี่ภูมิให้เราฟัง ให้เรากตัญญูกับพ่อแม่ รวมถึงตัวพ่อแม่แฟนเช่นกัน
เรามีสติปัญญาพอนะ เรารู้ว่า เราควรจะนับถือ และเคารพใคร
จนแฟนเราได้กำหนดให้กลับมาทำงานที่เดิม เราวางแผนว่าจะซื้อบ้านร่วมกัน ส่วนที่เป็นแฟลตก็คืนพ่อสามีไป แฟลตเราตกแต่งไว้สวยเลย ถ้าขายได้คือได้ราคาดีเลย เพราะทำห้องครัว มีเครื่องซักผ้าฝาหน้าทิ้งไว้อย่างดี
เราย้ายเข้าบ้านใหม่ เป็นบ้านเดี่ยว เราใช้เงินเก็บมาตกแต่งบ้านไปเยอะเหมือนเดิม
ยายเราอายุ 90 กว่าๆ แต่ยังเดินได้ แข็งแรง ทำนู่นนี่ได้ เราชวนมานอนที่บ้านของเราเป็นครั้งคราว มานอนครั้งนึงก็ 2-3 คืน
มีวันนึง พ่อกับแม่สามีมาหาที่บ้านเรา มานั่งคุยกับยายของเรา เรานั่งดูโทรทัศน์อยู่ใกล้ๆ
พ่อสามีบอกว่าดีแล้ว มาอยู่กับหลานบ้าง ยังไงก็เป็นหลาน ดีกว่าไปอยู่แบบที่มีพี่เลี้ยงเยอะ เพราะพี่เลี้ยงบางคนเค้าก็ทำร้ายเอา เคยได้ยินข้าว เค้าจับกดน้ำ ผลักให้ล้ม เราได้ยินเราก็งงว่า แล้วจะพูดให้ยายเรากลัวทำไม
สักพักพ่อถามยายเราว่า ไม่เป็นห่วงสมบัติที่บ้านเหรอ (ปกติยายจะอยู่บ้านพ่อแม่เรา และยายมีสมบัติเยอะ มีที่ดิน มีบ้านหลายหลัง) มาอยู่นี่ใครดูแลสมบัติให้ละ เรางงมาก ทำไมมาถามคำถามแบบนี้กับยายเรา ยายเราก็ซื่อๆ แกก็ว่าแกก็แก่แล้ว ก็ยกสมบัติให้ไปเกือบหมดแล้ว
พ่อสามียังคงถามต่อไปเรื่อยๆ ว่าสมบัติให้ใครไปบ้าง ถึงจุดนี้เรางงหนักมากว่า พ่อสามีต้องการอะไร
เรามีพี่น้อง 3 คน เราคนโต น้องสาวเราอีก 2 คนให้ชื่อ บี กับ ซี
ยายบอกว่าสมบัติให้เราไปเยอะ เพราะย่า (แม่ของพ่อเรา) เค้ายกสมบัติไปให้อีกฝั่งนึง เค้าไม่ค่อยชอบฝั่งบ้านเรา คือยายเราเล่าแบบเรื่อยเปื่อย
พ่อสามีถามว่าทำไมล่ะ ทำไมเค้าถึงไม่ชอบบ้านเรา ณ ตอนนั้นเราเริ่มไม่ไหวกับคำถามพ่อแล้ว หลอกถามคนแก่ แล้วถามแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
เราลุกขึ้นไปหา แล้วบอกให้ยายเราขึ้นไปนอน และไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะยายเราจะเล่าไปเรื่อยตามประสาคนแก่ แต่คนที่ควรหยุดพูด หยุดถาม คือพ่อของแฟน
ยายเราก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น แกก็ไม่ได้ลุกไปไหน พ่อแฟนก็ยังชวนคุย ยังถามเรื่องเดิมๆ เราเลยขึ้นข้างบนโทรเรียกน้องสาวให้มารับยายกลับบ้าน เพราะตอนนี้ เราเริ่มไม่อยากให้ยายรู้จักกับคนบ้านนี้แล้ว
น้องสาวเราเป็นคนแรงๆ มาถึงบ้านเราก็บอกยายเราให้ขึ้นไปเก็บของ ให้กลับบ้าน พ่อกับแม่แฟนเราก็ตกใจ นั่งมองตาปริบๆ หลังจากยายเรากลับบ้านไป พ่อกับแม่แฟนก็บอกจะกลับเหมือนกัน
เรื่องราวครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่โต บ้านแฟนไม่พอใจเรา และน้องสาวเรามาก เรียกแฟนเราให้กลับบ้านไปคุย ว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าไม่พอใจเรา และน้องเรามาก
เราเล่าทุกอย่างให้แฟนฟัง แต่แฟนทำท่าไม่ค่อยเชื่อเรา เค้าพูดว่าเค้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ว่าอะไรจริง แต่เหมือนจะให้เราไปขอโทษพ่อแม่แฟน เพราะเราเป็นเด็กกว่า เราบอกว่าเราไม่ไป ที่เราเล่าคือความจริง
ตั้งแต่นั้นมา เราไม่ติดต่อบ้านนั้นไปเลย ยกเว้นแฟนพาไปบ้านเค้า เรายกมือไหว้สวัสดี แล้วก็จะนั่งเงียบๆ ส่วนพ่อเค้าก็จะพร่ำสอนเราเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ต่อไป
เรื่องราวอีกเยอะมาก ไว้จะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องราวระหว่างเรา กับ แฟนเรา ตอนที่เค้าไปทำงานต่างจังหวัด ทำให้เราเสียใจจนทุกวันนี้
ตัวเรา และครอบครัวสามี มีใครให้เยอะกว่านี้มั๊ยคะ??
เราเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาโท และได้ทำงานในหน่วยงานส่วนราชการหนึ่ง ที่นั่นทำให้เราได้พบกับสามี
บ้านของสามีฐานะด้อยกว่าบ้านเรา แต่ไม่เป็นปัญหากับเราเลย เราปรับตัวได้ทุกที่ เราสบายๆ ทุกอย่างสร้างได้
เราคบกับสามีได้ 2 ปี ก็แพลนกันว่าจะแต่งงาน เราคุยกันว่าหลังแต่งงาน เราทั้งคู่จะไปใช้ชีวิตที่แฟลตของพ่อสามีที่ซื้อทิ้งไว้ เป็นแฟลตเก่าๆ สภาพแวดล้อมถือว่าเกือบแย่ เราไม่คิดอะไรมาก เรารักสามี เราพร้อมปรับตัว เราอยู่ได้สบาย
แฟลตราคาถูก แต่เราตกแต่งห้องของเราโดยใช้งบประมาณไปราวๆ 2 แสนบาท ทำห้องครัว ติดแอร์ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ห้องน่าอยู่ขึ้นมา สำหรับเรา แฟลตราคาถูกไม่ใช่ปัญหา เราอยู่ได้
หลังจากแต่งงาน เราย้ายเข้าไปอยู่ในแฟลต อยู่กับสามีได้ 2 อาทิตย์ แฟนมีคำสั่งต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งอยู่ไกลจากเรามาก คนละภูมิภาคเลย เรากับสามีจะได้เจอกันเดือนละครั้ง หรือบางทีก็ 2-3 เดือน ถึงจะได้เจอกัน เพราะต้องใช้เวลาเดินทางนาน
เรายังทำงานอยู่ที่เดิม ในส่วนราชการเดิม มีอยู่วันหนึ่ง พ่อของสามีโทรมาถามว่า เราเปลี่ยนกุญแจห้องที่แฟลตแหรอ เราบอกว่าเปล่า เราไม่ได้เปลี่ยน แล้วก็วางสายไป มันทำให้เรารู้ว่า ระหว่างที่เรามาทำงาน พ่อของสามีเข้ามาในห้องแฟลตที่เราพักอยู่
หลังจากนั้น เราเริ่มสังเกตห้องของเรา มีอยู่วันหนึ่ง เราเลิกงานกลับเข้าห้อง เราเห็นรอยรองเท้าในห้องเต็มพื้นห้อง เราก็คิดว่าคงเป็นพ่อของสามีเข้ามาในห้อง
แต่มีครั้งหนึ่งที่พีคที่สุด คือ วันนั้นเรากลับห้องมา เราก็เตรียมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อพักผ่อน แต่ตะกร้าผ้าของเราที่เป็นตะกร้าผ้าใช้แล้ว เสื้อผ้าโดนรื้อออกมา ผ้าเช็ดตัวผืนที่เราใส่ไว้เตรียมซักซึ่งอยู่ใต้สุดของตะกร้าถูกเอาออกมาตากที่ราวตากผ้า เราตกใจมากเพราะในตะกร้าผ้าใช้แล้วนั้น มีชุดชั้นใน กางเกงในของเราที่ใส่แล้วอยู่ด้วย
เรารีบโทรหาสามีเรา ว่าเราไม่โอเคกับพฤติกรรมแบบนี้ของพ่อเค้า เค้าบอกเค้าจะคุยให้
เราเริ่มเอาเรื่องนี้ปรึกษากับบ้านของเรา บ้านเราบอกให้กลับมานอนที่บ้าน แต่เราเห็นว่าเราแต่งงานแล้ว เราก็อยากแยกออกมาเป็นครอบครัว ถึงแม้ว่าสามีจะไม่อยู่ด้วยก็ตาม
เราอยู่อย่างหวาดระแวงพ่อของสามีมาก ไม่ได้คิดถึงเรื่องไม่ดีอย่างอื่น แต่ไม่ชอบการเข้ามาวุ่นวายในห้องของคนอื่น การมาหยิบจับของใช้ของคนอื่น
หลังจากนั้น พ่อก็ยังมา เรารู้ได้เพราะ พ่อจะทิ้งรอยปัสสาวะเป็นหยดๆ บนฝาชักโครก และรอยรองเท้าอยู่เสมอ
คำตอบแบบโลกสวยก็คือ ก็นี่มันห้องของเค้าอ่ะเน๊อะ เราแค่ผู้อาศัย
เรารู้ว่า อีก 2 ปี แฟนเราก็จะได้ย้ายกลับมาทำงานที่เดิม เราก็อดทนรอ 2 ปีมันไม่ได้นานเกินรอหรอกเน๊อะ
ระหว่างนั้น เราก็ทำหน้าที่ลูกสะใภ้ โดยจะซื้อของกินไปให้ที่บ้านพ่อแม่แฟนเสมอ
ที่บ้านของพ่อแม่แฟน จะเลี้ยงหมาอยู่ 1 ตัว เราจะคอยไปเล่นกับมันเสมอ แต่ พ่อแฟนมักจะพูดกับเราว่า ไม่ต้องไปดีกับมันมาก มันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน พ่อเลี้ยงไว้เพื่อให้เฝ้าบ้าน เฝ้างูในสวน
เราไม่ชอบความคิดแบบนี้ของพ่อเลย เพราะบ้านเราก็เลี้ยงหมา และบ้านเรารักหมามาก แทบจะเลี้ยงเป็นลูกอีกคนของที่บ้านเลยก็ว่าได้
ส่วนหมาที่บ้านสามี เค้าให้กินแบบอดๆ อยากๆ มีเศษอาหารอะไรที่เหลือในบ้านก็ไปเทให้หมากิน เศษอาหารนั่นก็คือ ก้างปลาอันใหญ่ๆ เศษกระดูกไก่ เศษกระดาษทิชชู่ น้ำแกง เทรวมๆ กันแล้วไปเทใส่ชามอาหารหมา เราไปบ้านแฟน เราก็ต้องทำตามนั้น เราต้องเอาเศษอาหารเหล่านั้นไปเทให้หมากิน เราสงสารมันมาก แต่ว่า มันก็กินนะ มันกินจนหมด
หลายครั้งเวลาเราเข้าไปบ้านพ่อแม่แฟน เราจะต้องซื้อโครงไก่ทอดติดมือไปฝากหมาที่บ้านด้วย แต่ทุกครั้ง พ่อแม่แฟนก็จะพูดว่า ไม่ต้องหรอกลูก มันมีกินของมัน
วันหนึ่งเราก็เข้าไปที่บ้านพ่อแม่แฟนเหมือนปกติ แต่ครั้งนี้เราไม่เจอหมาตัวนั้น เราถามพ่อแม่แฟนว่า หมาไปไหน แม่บอกว่า หมาไปสวรรค์แล้ว เราตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อบอกว่ามันไปกัดไก่บ้านข้างๆ พ่อเลยวางยามัน แล้วก็ฝังมันหลังบ้าน
เราตัวชาเลย เราไม่คิดว่าเค้าจะฆ่าหมาที่เค้าเลี้ยงได้ลง
พ่อแฟนจะคอยสอนเราเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ จะคอยบอกให้กตัญญูกตเวที ตอบแทนคุณความดีพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ ทุกครั้งที่ได้คุยกับแก แกจะคอยสอนเราทำนั่น นี่ สอนถึงหน้าที่การงานของเรา บอกให้เราทำอย่างนู้น อย่างนี้ ตั้งแต่เราคุยกับพ่อแฟน พ่อแฟนไม่เคยไม่รู้จักอะไรบนโลกใบนี้ แกรู้ทุกเรื่อง สอนได้ทุกเรื่อง
พ่อตักบาตรทุกเช้า ท่องได้ทุกบท แต่พ่อฆ่าหมาได้ลงคอ เราคิดไม่ตกว่าพ่อเป็นคนยังไงกันแน่
พ่อพาหมาตัวใหม่มาเลี้ยงอีกแล้ว คราวนี้ไปเอามาจากสวนสาธารณะ อายุน่าจะ 3 เดือน ยังตัวเล็กนิดเดียว เราเอามันมาอุ้ม ด้วยความน่ารักของมัน เราเลยเอ็นดูมันเป็นพิเศษ เราใช้เวลาบ้านพ่อแม่แฟน ด้วยการอยู่กับหมา พ่อแฟนก็ทำเป็นหลงรักมันในช่วงแรกๆ และตั้งชื่อมัน พามันอาบน้ำ เราคิดว่า ด้วยความน่ารักของมัน ตัวนี้คงจะไม่โดนเหมือนตัวที่แล้วนะ
แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้รู้ว่า พ่อแฟนเห็นสัตว์ เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน ตามที่พ่อเคยพูดกับเราจริงๆ พ่อไม่เคยให้หมาได้กินของดีๆ ไม่เคยดูดำดูดีมัน มันท้องแก่ และคลอดออกมา ใกล้กับสระน้ำในบ้านของพ่อ เราไปดูลูกๆ มัน ลูกๆ มันยังไม่ลืมตาสักตัว เราพยายามย้ายที่ให้มัน มานอนหลังบ้าน ทำหลังคาให้มันเพื่อกันแดดกันฝน แต่สิ่งที่เราทำ คงจะขัดหูขัดตาบ้านของเค้า
เรามาหาบ้านแฟนอีกครั้ง ลูกหมาหายไปหมดแล้ว เราถามว่าหมาหายไปไหน บ้างก็โดนพ่อขับรถเหยียบตาย บ้างก็ตกสระน้ำตาย บ้างก็ให้เค้าไป
นี่คือคนที่ปากคอยสอนบาป บุญ คนอื่นเหรอ
ไม่นานแม่หมาก็ตายจากไป
เอาจริงๆ เราไม่ค่อยอยากไปบ้านแฟนเท่าไหร่ เพราะเรารับไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง
บ้านเราซื้อที่ดินชานเมือง แม่เราอยากทำสวน ปลูกผักบั้นปลายชีวิต พ่อแฟนบอกว่า ทำทำไมให้เหนื่อย มีแต่คนอยากหาความเจริญ แม่เรานี่อยากถอยหลังลงคลอง
แม่เรารักหมามาก บ้านเราเลี้ยงหมาอย่างกับคุณชาย พ่อแม่แฟนบอกว่า อย่าไปดีกับมันมาก มันแค่สัตว์เดรัจฉาน เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม และเล่าถึงนรกว่ามีกี่ภูมิให้เราฟัง ให้เรากตัญญูกับพ่อแม่ รวมถึงตัวพ่อแม่แฟนเช่นกัน
เรามีสติปัญญาพอนะ เรารู้ว่า เราควรจะนับถือ และเคารพใคร
จนแฟนเราได้กำหนดให้กลับมาทำงานที่เดิม เราวางแผนว่าจะซื้อบ้านร่วมกัน ส่วนที่เป็นแฟลตก็คืนพ่อสามีไป แฟลตเราตกแต่งไว้สวยเลย ถ้าขายได้คือได้ราคาดีเลย เพราะทำห้องครัว มีเครื่องซักผ้าฝาหน้าทิ้งไว้อย่างดี
เราย้ายเข้าบ้านใหม่ เป็นบ้านเดี่ยว เราใช้เงินเก็บมาตกแต่งบ้านไปเยอะเหมือนเดิม
ยายเราอายุ 90 กว่าๆ แต่ยังเดินได้ แข็งแรง ทำนู่นนี่ได้ เราชวนมานอนที่บ้านของเราเป็นครั้งคราว มานอนครั้งนึงก็ 2-3 คืน
มีวันนึง พ่อกับแม่สามีมาหาที่บ้านเรา มานั่งคุยกับยายของเรา เรานั่งดูโทรทัศน์อยู่ใกล้ๆ
พ่อสามีบอกว่าดีแล้ว มาอยู่กับหลานบ้าง ยังไงก็เป็นหลาน ดีกว่าไปอยู่แบบที่มีพี่เลี้ยงเยอะ เพราะพี่เลี้ยงบางคนเค้าก็ทำร้ายเอา เคยได้ยินข้าว เค้าจับกดน้ำ ผลักให้ล้ม เราได้ยินเราก็งงว่า แล้วจะพูดให้ยายเรากลัวทำไม
สักพักพ่อถามยายเราว่า ไม่เป็นห่วงสมบัติที่บ้านเหรอ (ปกติยายจะอยู่บ้านพ่อแม่เรา และยายมีสมบัติเยอะ มีที่ดิน มีบ้านหลายหลัง) มาอยู่นี่ใครดูแลสมบัติให้ละ เรางงมาก ทำไมมาถามคำถามแบบนี้กับยายเรา ยายเราก็ซื่อๆ แกก็ว่าแกก็แก่แล้ว ก็ยกสมบัติให้ไปเกือบหมดแล้ว
พ่อสามียังคงถามต่อไปเรื่อยๆ ว่าสมบัติให้ใครไปบ้าง ถึงจุดนี้เรางงหนักมากว่า พ่อสามีต้องการอะไร
เรามีพี่น้อง 3 คน เราคนโต น้องสาวเราอีก 2 คนให้ชื่อ บี กับ ซี
ยายบอกว่าสมบัติให้เราไปเยอะ เพราะย่า (แม่ของพ่อเรา) เค้ายกสมบัติไปให้อีกฝั่งนึง เค้าไม่ค่อยชอบฝั่งบ้านเรา คือยายเราเล่าแบบเรื่อยเปื่อย
พ่อสามีถามว่าทำไมล่ะ ทำไมเค้าถึงไม่ชอบบ้านเรา ณ ตอนนั้นเราเริ่มไม่ไหวกับคำถามพ่อแล้ว หลอกถามคนแก่ แล้วถามแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
เราลุกขึ้นไปหา แล้วบอกให้ยายเราขึ้นไปนอน และไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะยายเราจะเล่าไปเรื่อยตามประสาคนแก่ แต่คนที่ควรหยุดพูด หยุดถาม คือพ่อของแฟน
ยายเราก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น แกก็ไม่ได้ลุกไปไหน พ่อแฟนก็ยังชวนคุย ยังถามเรื่องเดิมๆ เราเลยขึ้นข้างบนโทรเรียกน้องสาวให้มารับยายกลับบ้าน เพราะตอนนี้ เราเริ่มไม่อยากให้ยายรู้จักกับคนบ้านนี้แล้ว
น้องสาวเราเป็นคนแรงๆ มาถึงบ้านเราก็บอกยายเราให้ขึ้นไปเก็บของ ให้กลับบ้าน พ่อกับแม่แฟนเราก็ตกใจ นั่งมองตาปริบๆ หลังจากยายเรากลับบ้านไป พ่อกับแม่แฟนก็บอกจะกลับเหมือนกัน
เรื่องราวครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่โต บ้านแฟนไม่พอใจเรา และน้องสาวเรามาก เรียกแฟนเราให้กลับบ้านไปคุย ว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าไม่พอใจเรา และน้องเรามาก
เราเล่าทุกอย่างให้แฟนฟัง แต่แฟนทำท่าไม่ค่อยเชื่อเรา เค้าพูดว่าเค้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ว่าอะไรจริง แต่เหมือนจะให้เราไปขอโทษพ่อแม่แฟน เพราะเราเป็นเด็กกว่า เราบอกว่าเราไม่ไป ที่เราเล่าคือความจริง
ตั้งแต่นั้นมา เราไม่ติดต่อบ้านนั้นไปเลย ยกเว้นแฟนพาไปบ้านเค้า เรายกมือไหว้สวัสดี แล้วก็จะนั่งเงียบๆ ส่วนพ่อเค้าก็จะพร่ำสอนเราเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ต่อไป
เรื่องราวอีกเยอะมาก ไว้จะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องราวระหว่างเรา กับ แฟนเรา ตอนที่เค้าไปทำงานต่างจังหวัด ทำให้เราเสียใจจนทุกวันนี้