รวบหนุ่มค้ายาบ้า-ยาไอซ์ เผยโควิดทำพิษ คนจ้างงานน้อยลง เงินไม่พอใช้จ่าย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6412342

 
เจ้าหน้าที่ตำรวจล่อซื้อยาบ้า ก่อนบุกรวบหนุ่ม พร้อมของกลางยาบ้าและยาไอซ์ สารภาพโควิดระบาด คนจ้างงานน้อยลง เงินไม่พอใช้ ต้องหันมาค้ายาเสพติด
 
เมื่อเวล 22.00 น. วันที่ 21 พ.ค. 64 นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย นายจตุนันท์ จอมทัน ปลัดอำเภอกระทุ่มแบน,นายสมยศ วงษ์พันธ์ ปลัดอำเภอกระทุ่มแบน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ เจ้าหน้าที่ อส. และ ชุดเฉพาะกิจศรทอง (อ.กระทุ่มแบน) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด (ยาบ้า และ ยาไอซ์) ผู้ต้องหา 1 คน คือ นายอุทัย อายุ 52 ปี อาชีพช่างทาสี พร้อมของกลางเป็นยาบ้า  2,128 เม็ด, ยาไอซ์น้ำหนักรวม 124.31 กรัม เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง เงินสด 4,000 บาท ซองพลาสติกใส 2 แพ็ค และถังพลาสติกบรรจุสีที่ใช้เป็นภาชนะสำหรับซุกซ่อนยาเสพติดอีก 1 ถัง
 
นายบรรพต นายอำเภอกระทุ่มแบน กล่าวว่า ภายใต้การอำนวยการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายอำเภอกระทุ่มแบนได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอกระทุ่มแบน สนธิกำลังร่วมกับ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.สวนหลวง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ เจ้าหน้าที่ อส. และ ชุดเฉพาะกิจศรทอง (อ.กระทุ่มแบน) เข้าตรวจสอบเหตุวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดในหมู่บ้านตามที่ได้รับการร้องเรียน
 
เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วพบผู้กระทำผิดฐานเสพยาเสพติด 1 ราย คือ นายเก่ง นามสมมติ จึงได้ควบคุมมาสอบสวนเพื่อขยายผลถึงผู้ค้ายาเสพติด โดยนายเก่งก็ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าที่นำมาเสพนั้นตนได้ซื้อมาจากนายอุทัย ที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลคลองมะเดื่อ ดังนั้นจึงได้มีการวางแผนล่อซื้อจับกุม และนัดรับยาเสพติด (ยาไอซ์) ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ต.คลองมะเดื่อ ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องหา ทั้งนี้เมื่อพบผู้ต้องหายืนคอยอยู่ตามเวลาที่นัดกันนั้น ทางปลัดอำเภอพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้แสดงตัวจับกุม
 
จากนั้นได้ให้ผู้ต้องหานำเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก ก็พบของกลางเป็นยาบ้าเม็ดสีส้มรวมทั้งหมด 2,128 เม็ด และยาไอซ์อีกรวม 124.31 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในถังพลาสติกที่ใช้บรรจุสีทาบ้าน และตามจุดต่างๆ ภายบ้านพัก พร้อมอุปกรณ์เป็นเครื่องชั่งดิจิตอลอีก 1 เครื่อง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา และของกลางทั้งหมดมาทำบันทึกการจับกุม ก่อนที่จะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
 
จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ครอบครองยาเสพติดทั้งหมดจริง โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่วัยรุ่นและกลุ่มคนทำงานทั่วไป ส่วนเหตุที่ต้องมาลักลอบจำหน่ายยาเสพติดก็เพราะพิษของโควิดทำให้งานน้อยลง รายได้จึงไม่พอกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
 

---

“ระเฑียร” ชี้เศรษฐกิจยังน่าห่วง หวังแรงหนุนฉีดวัคซีนดันยอดใช้จ่าย ก.ย.ฟื้น
https://www.prachachat.net/finance/news-674135

“ระเฑียร ศรีมงคล” แม่ทัพ KTC ชี้ปีนี้เศรษฐกิจยังน่าห่วง หวังแรงหนุนฉีดวัคซีน ดันยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ตั้งแต่ ก.ย.ฟื้นกลับ เชื่อกลุ่ม “เศรษฐี” อั้นไม่ได้ใช้เงิน
 
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) เปิดเผยว่า ผลกระทบโควิดค่อนข้างกดดันเศรษฐกิจรอบนี้ซบหนัก เพราะมีมาตรการคุมเข้มจึงส่งผลต่อผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรมขาดรายได้ ซึ่งกระทบถึงลูกจ้างโดยเฉพาะลูกจ้างรายวันลำบากมาก ดังนั้นตอนนี้ถ้ารัฐบาลรีบจัดหาวัคซีนให้ถูกทางก็ไม่สายเกินไป โดย 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าสำคัญมาก เพราะทุกคนมีความคาดหวังในการฉีดวัคซีน
 
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าโควิดมีการระบาดทั่วกรุงเทพ ดังนั้นต้องลำดับความสำคัญ โดยต้องจัดการการระบาดในกรุงเทพก่อน ตอนนี้เหมือนเมืองหลวงถูกยึด จึงต้องปลดปล่อยก่อน รวมไปถึงจัดการการระบาดในจังหวัดที่ทำรายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะถ้าจังหวัดเหล่านี้กลับมาสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เร็ว และยังมีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของมาตรการรัฐช่วยให้เกิด Productivity
 
นายระเฑียร กล่าวว่า ประเมินจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ยังน่าห่วง เดือน เม.ย.64 ที่ดูแย่แต่ยังดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เดือน พ.ค.64 ถูกผลกระทบโควิดระลอก 3 เข้ามาหนักมาก ในขณะที่เดือน พ.ค.63 สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ดังนั้นผลกระทบตรงนี้จะถ่วงภาพรวม เสนอให้รัฐปลดมาตรการควบคุมร้านอาหาร และกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่ยกเว้นห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเชื่อมั่นว่าทุกคนต้องดูแลตัวเอง ไม่มีใครอยากจะให้ผู้ติดเชื้อเข้ามาใช้บริการ เพื่อให้ประชาชนทำมาหากินได้
 
และภาพไตรมาส 3 โดยรวมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดี และไตรมาส 4 จะดีกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก โดยตั้งแต่เดือน ก.ย.64 จะได้ประโยชน์จากคนที่อั้นจากการไม่ได้ใช้เงิน โดยเฉพาะกลุ่มบรรดาเศรษฐีที่ปัจจุบันใช้เงินน้อยกว่า 50% เมื่อเทียบในอดีต ซึ่งถ้ากลุ่มนี้ออกมาใช้จ่ายจะมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศมาก ในขณะที่กลุ่มฐานรากต้องยอมรับสภาพว่าปีนี้ไม่มีทางดี ซึ่งต้องการการฟื้นฟูอย่างมาก
 
สำหรับทิศทางธุรกิจบัตรเครดิต เห็นสัญญาณที่ดีในช่วงเดือน เม.ย.64 เคทีซีมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร(Spending) เติบโตกว่า 20% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เดือน พ.ค.ยังหวั่นๆ เพราะโควิดระบาดหนัก แต่เชื่อว่าในเดือน มิ.ย.64 เมื่อมีการฉีดวัคซีนได้หลายล้านโดส คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบจะออกมาใช้จ่ายก่อน เพราะไม่กลัวโควิด
 
“เศรษฐกิจจะดูฟื้นอยู่แล้วถ้าเราเทียบกับปีที่แล้ว และจะได้แรงหนุนจากวัคซีนกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย โดยเฉพาะรายได้จากการบริโภคภายในประเทศก่อน และค่อยไปคาดหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งภาพการฟื้นน่าจะเป็นตัว U ฐานกว้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับมาตรการรัฐที่จะดีไซน์และดำเนินมาตรการต่อในอนาคต” นายระเฑียร กล่าว