เผื่อใคร สะดวกฟังมากกว่า อ่าน คลิกดูวีดีโอได้นะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมเป็นโรคบ้านหมุน ชนิดที่เรียกว่า หินปูนในหูชั้นในหลุด หรือหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
มันเป็นอาการปวดหัว หน้ามืดชนิดหนึ่ง
คนส่วนใหญ่ จะเป็นโรคนี้ ได้จาก อุบัติเหตุ โดนกระแทกที่หัว หรือเล่น รถไฟเหาะตีลังกา หรืออาการที่เกิดจาก คอ หัว หันหรือกระแทกฉับพลันไวมากๆ ไม่ก็อายุที่เพิ่มขึ้น แต่ผมเป็นโรคนี้ได้
เพราะ เกิดจากอาการมึนจากการเล่นเครื่องเกม VR
หลังจากเล่นเสร็จ
ผมมีอาการปวดหัว นึกว่าแปปเดียวหาย
แต่ 2 วันแล้วก็ไม่หาย แค่ก้มผูกเชือกรองเท้า ก้มเปิดลิ้นชัก ก็แทบทำให้ผมหน้ามืดจนสลบแล้ว
(ไอเคสนี้ เคย ค้นใน Google ก็มีคนต่างประเทศ เป็นเพราะเครื่องเล่น Vr เหมือนกัน )
ผมถึงได้รู้แล้วว่า มันผิดปกติ ผมไปหาหมอจนได้รับรู้ว่า เป็นโรคหินปูนในหูชั้นในหลุด
กิจวัตรของผมลำบากมากๆ อย่างที่กล่าวไป แค่ก้มผูกเชือกรองเท้า ก้มเก็บของ ก็ทำให้ผมแทบสลบ
ผมไม่สามารถ ยกเวท หรือ วิ่งออกกำลังกายได้
เพราะถ้าหัวมีการสั่นหรือขยับ จะมึนหัวมากๆ
นอกจากจะทำให้ผม ลำบากในการใช้ชีวิตแล้ว
ผมก็ได้รู้ตัวว่า มันทำให้ผม เล่นเกมบางเกมไม่ได้!!
แปลกมากๆ ก่อนหน้าที่ผมจะเป็นโรคนี้ ผมไม่เคยเล่นเกมไหนแล้วปวดหัวเลย
อย่างเช่นเกม FPS First person ตั้งแต่เป็นโรคนี้ ผมมึนมากๆ มึนระดับเดียวกับทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเลย
มันทำให้ผมแตะเกม FPS ไม่ได้เลยครับ นอกจากนี้เกมที่มี ความไวสูงก็เช่นกัน
เช่นเกมขับรถ ผมสามารถเล่น GTA
ได้ แต่เมื่อตัวละครขับรถด้วยความเร็วสูงเมื่อไร ผมจะมึนทันที
บางทีการหันตัวละครด้วยความไวก็ด้วย
Spider Man PS4 ก็เช่นกัน ฉากโหนใยไปตามตึกด้วยความไวนี้ ผมเล่นได้ 5 นาทีต้องปิดเกมเลย
ยิ่งเกม Gravity Rush ไม่ต้องพูดถึง เล่นทีแทบอ้วก
นอกจาก การที่ได้เห็นอะไรไวๆในเกมแล้ว
การเห็นพวก วงล้อ หรือการหมุน (อธิบายยากแฮะ) ก็ทำให้เวียนหัวเช่นกัน
เช่น Tekken 7 จังหวะที่ King ใช้ท่า Giant Swing พอโดนคู่ต่อสู้จับได้ ผมหันตา หรือ ปิดตา
มองไปที่อื่นแทนเลย
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ ผมสามารถรักษาจนหายได้เกือบ 90% แล้ว
รักษาโดยการ กายภาพบำบัดและฝังเข็ม ครอบแก้ว ที่เหลืออีก 10% เพราะคิดว่า มันยังไม่ได้หายสนิท
ผมสามารถทำกิจวัตรประจำวัน ได้อย่างอิสสระแล้ว สามารถ ออกกำลังกายอย่างหนักได้แล้ว แต่เกมที่ได้พูดออกไป เริ่มเล่นได้ แต่ก็ยังมีอาการมึนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ ทำให้มึนจนอยากอ้วก เหมือนตอนแรกๆ
ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมอาการ Motion Sickness (เค้าเรียกงี้ปะ) ทำไมอาการของผมรุนแรงมากกว่าใครเลย 555 แต่ก็โชคดีที่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ ที่อยากเล่าครับ แต่ปัจจุบันก็กลัวการสวมเครื่องเล่น VR ไปเลย
โรคบ้านหมุน ทำให้เล่นเกมไม่ได้ (โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด) - เล่าประสบการณ์
เผื่อใคร สะดวกฟังมากกว่า อ่าน คลิกดูวีดีโอได้นะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมเป็นโรคบ้านหมุน ชนิดที่เรียกว่า หินปูนในหูชั้นในหลุด หรือหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
มันเป็นอาการปวดหัว หน้ามืดชนิดหนึ่ง
คนส่วนใหญ่ จะเป็นโรคนี้ ได้จาก อุบัติเหตุ โดนกระแทกที่หัว หรือเล่น รถไฟเหาะตีลังกา หรืออาการที่เกิดจาก คอ หัว หันหรือกระแทกฉับพลันไวมากๆ ไม่ก็อายุที่เพิ่มขึ้น แต่ผมเป็นโรคนี้ได้
เพราะ เกิดจากอาการมึนจากการเล่นเครื่องเกม VR
หลังจากเล่นเสร็จ
ผมมีอาการปวดหัว นึกว่าแปปเดียวหาย
แต่ 2 วันแล้วก็ไม่หาย แค่ก้มผูกเชือกรองเท้า ก้มเปิดลิ้นชัก ก็แทบทำให้ผมหน้ามืดจนสลบแล้ว
(ไอเคสนี้ เคย ค้นใน Google ก็มีคนต่างประเทศ เป็นเพราะเครื่องเล่น Vr เหมือนกัน )
ผมถึงได้รู้แล้วว่า มันผิดปกติ ผมไปหาหมอจนได้รับรู้ว่า เป็นโรคหินปูนในหูชั้นในหลุด
กิจวัตรของผมลำบากมากๆ อย่างที่กล่าวไป แค่ก้มผูกเชือกรองเท้า ก้มเก็บของ ก็ทำให้ผมแทบสลบ
ผมไม่สามารถ ยกเวท หรือ วิ่งออกกำลังกายได้
เพราะถ้าหัวมีการสั่นหรือขยับ จะมึนหัวมากๆ
นอกจากจะทำให้ผม ลำบากในการใช้ชีวิตแล้ว
ผมก็ได้รู้ตัวว่า มันทำให้ผม เล่นเกมบางเกมไม่ได้!!
แปลกมากๆ ก่อนหน้าที่ผมจะเป็นโรคนี้ ผมไม่เคยเล่นเกมไหนแล้วปวดหัวเลย
อย่างเช่นเกม FPS First person ตั้งแต่เป็นโรคนี้ ผมมึนมากๆ มึนระดับเดียวกับทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเลย
มันทำให้ผมแตะเกม FPS ไม่ได้เลยครับ นอกจากนี้เกมที่มี ความไวสูงก็เช่นกัน
เช่นเกมขับรถ ผมสามารถเล่น GTA
ได้ แต่เมื่อตัวละครขับรถด้วยความเร็วสูงเมื่อไร ผมจะมึนทันที
บางทีการหันตัวละครด้วยความไวก็ด้วย
Spider Man PS4 ก็เช่นกัน ฉากโหนใยไปตามตึกด้วยความไวนี้ ผมเล่นได้ 5 นาทีต้องปิดเกมเลย
ยิ่งเกม Gravity Rush ไม่ต้องพูดถึง เล่นทีแทบอ้วก
นอกจาก การที่ได้เห็นอะไรไวๆในเกมแล้ว
การเห็นพวก วงล้อ หรือการหมุน (อธิบายยากแฮะ) ก็ทำให้เวียนหัวเช่นกัน
เช่น Tekken 7 จังหวะที่ King ใช้ท่า Giant Swing พอโดนคู่ต่อสู้จับได้ ผมหันตา หรือ ปิดตา
มองไปที่อื่นแทนเลย
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ ผมสามารถรักษาจนหายได้เกือบ 90% แล้ว
รักษาโดยการ กายภาพบำบัดและฝังเข็ม ครอบแก้ว ที่เหลืออีก 10% เพราะคิดว่า มันยังไม่ได้หายสนิท
ผมสามารถทำกิจวัตรประจำวัน ได้อย่างอิสสระแล้ว สามารถ ออกกำลังกายอย่างหนักได้แล้ว แต่เกมที่ได้พูดออกไป เริ่มเล่นได้ แต่ก็ยังมีอาการมึนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ ทำให้มึนจนอยากอ้วก เหมือนตอนแรกๆ
ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมอาการ Motion Sickness (เค้าเรียกงี้ปะ) ทำไมอาการของผมรุนแรงมากกว่าใครเลย 555 แต่ก็โชคดีที่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ ที่อยากเล่าครับ แต่ปัจจุบันก็กลัวการสวมเครื่องเล่น VR ไปเลย