ญาติห่างๆเอาลูกๆมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง แต่รู้สึกว่าภาระนี้ทำไมต้องรับ

เริ่มจากตอนนี้ค่ะ ที่บ้านมีญาติห่างๆ(ประมานว่าลูกของลูกพี่ลูกน้องคุณแม่) เอาหลานมาให้เลี้ยงเป็นเวลาปีกว่าๆแล้วค่ะ ต่อไปจะให้ชื่อญาติคนนี้ว่าพี่เอนะคะ 
พี่เอด้วยความที่อยู่กับคุณตาที่ตามใจและขาดการดูแลทำให้พี่เค้า ติดยาค่ะ จนเรียนไม่จบม.3 และถูกเข้าสถานพินิจ พอหลังจากพี่เอ ออกจากสถานพินิจพี่เอ
ก็ได้สามี ซึ่งก็มีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดและมีลูกด้วยกันในวัย 18ปีค่ะ เด็กคนนี้ให้ชื่อว่าน้องบีนะคะ หลังจากนั้นพี่เอก็ได้เลิกรากับสามี และนำน้องบีมาให้ญาติห่างๆอีกคนเลี้ยง และหลังจากนั้น3ปีได้ค่ะพี่เอก็ได้สามีใหม่ซึ่งประวัติไม่ดีเหมือนเดิมแต่สามีคนนี้เลิกรากันในขณะที่พี่เอตั้งท้องลูกคนที่สองค่ะ แต่สืบเนื่องจากทางบ้านสามีคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ ทำให้ลูกคนที่สองสามีนำกลับไปให้แม่เค้าเลี้ยงเองค่ะ หลังจากนั้นอีก 4ปี พี่เอก็ไปได้สามีคนที่สาม และญาติที่เคยเลี้ยงน้องบีเสียชีวิต ทำให้พี่เอตัดสินใจนำน้องบีไปให้ยายแท้เลี้ยงและตัวเองก็อยู่กับสามีคนที่สามและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ให้เด็กคนนี้ชื่อว่าน้องซีนะคะ หลังจากผ่านไปสามปี พี่เอก็ได้เลิกกับสามีคนที่สามเเละกำลังคบหาดูใจกับสามีคนที่สี่ซึ่งเป็นพ่อค้ายาจนทำให้พี่เอโดนจับและติดคุกค่ะ ในขณะที่พี่เอติดคุกสามีคนที่สามก็ช่วยไปเยี่ยมหาและดูแลน้องบี ซึ่งทำให้รู้ว่าคุณยายที่เลี้ยงน้องติดการพนันและมีพฤติกรรมลักขโมย ค้ายา แต่เหตุการที่พีคมีอยู่ว่าคุณยายของน้องบีเคยพาน้องบีไปส่งยาแต่เจอตำรวจเลยยัดยาไว้ที่เสื้อหลานแต่ด้วยความโชคดีคือไม่โดนจับ พอพี่เอได้ทราบข่าวเลยให้ญาติอีกคนไปรับน้องบีมาอยู่ที่บ้านดิฉัน(โดยปราศจากการบอกกล่าว)แต่ด้วยความสงสารเด็กคุณแม่เลยรับเลี้ยงหลานคนนี้เอาไว้ และสำหรับน้องซีเนื่องจากน้องอยู่กับพ่อแค่สองคนและพ่อทำงานรับจ้างทั่วไปจึงทำให้เค้ามาฝากน้องซีให้คุณแม่เลี้ยงอีกคนค่ะ แรกๆพ่อของน้องซีก็มาฝากน้องซีไว้เป็นครั้งคราว(น้องอายุแค่4ขวบ) แต่หลังๆก็เริ่มมาขอนอนด้วย โดยอ้างเหตุผลว่าทำงานดึก จนสุดท้ายก็เนียนให้น้องมาอยู่นี้เลยค่ะ โดยที่พอมาอยู่นี้พ่อของน้องก็ไม่ได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆเลยค่ะ หลังจากที่เลี้ยงน้องทั้งสองมาหนึ่งปี ด้วยความที่คุณแม่ต้องขายของและไม่มีเวลาว่างภาระในการดูแลเด็กก็ตกมาอยู่ที่ดิฉัน แรกๆก็รู้สึกโอเคไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากพื้นฐานดิฉันที่อายุยังน้อยบวกกับไม่ได้รักเด็กมาก(เฉยๆกับเด็ก)และเป็นคนค่อนข้างมีโลกส่วนตัวทำให้เมื่อเวลาผ่านไปรู้สึกว่าการเลี้ยงเด็กเป็นภาระที่เราไม่อยากรับผิดชอบ ในช่วงเวลา1ปีกว่าๆที่น้องทั้งสองมาอยู่ที่บ้าน น้องบีก็ได้มีวีระกรรมทั้งที่บ้านกับที่โรงเรียนเยอะแยะเลยค่ะ และน้องเป็นเด็กที่ขี้โกหกมาก จนมีวีระกรรมที่พีคมากๆก็คือ น้องขโมยเงินของคุณแม่เป็นเงินมากกว่า1หมื่นบาท ทยอยขโมยจากกระเป๋าทอนเงิน และในช่วงแรกที่จับได้น้องไม่บอมรับสารภาพผิดแถมยังโบ้ยให้เพื่อนๆ ว่าเพื่อนฝากเงินไว้ที่ตน หลังจากเหตุการนี้ก็ทำให้ดิฉันหนักใจที่จะรับเลี้ยงเด็กทั้งสองค่ะ ปัจจุบันแม่ของเด็กทั้งสองเพิ่งออกมาจากเรือนจำและกลับมาอยู่กับสามีคนที่สาม(พ่อน้องซี) แต่หลังจากออกมาจากคุก พ่อกับแม่ของเด็กกับทำท่าทีว่าไม่อยากนำลูกกลับไปเลี้ยงและยังเนียนเอาลูกมานอนที่บ้านดิฉัน โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของเด็ก 
ดิฉันมีความอึดอัดใจกับสถานการตอนนี้อยู่มาก เคยพูดว่าให้เอาเด็กทั้งสองไปนอนกับพ่อแม่แล้ว แต่เหมือนเค้าจะอึดออดและบอกว่าเด็กอยากจะนอนที่บ้านดิฉัน(เข้าใจว่าเค้ามีปัญหาด้านการเงินค่ะ เนื่องจากมีเพียงสามีคนเดียวที่ทำงานและงานนั้นค่าตอบแทนไม่ได้เยอะมากแต่ต้องเลี้ยงถึง4ปาก4ท้อง เมียก็เพิ่งออกมาจากคุก แต่ด้วยความที่เราก็ไม่อยากที่จะรับภาระเด็กทั้งสองแล้วค่ะ) เลยอยากจะขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
แนะนำปรึกษาสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำจังหวัดดูค่ะ เบอร์ติดต่อหาในกูเกิลได้
กรณีพ่อแม่ไม่พร้อมเลี้ยงดูเด็ก ญาติๆไม่สามารถดูแลได้ เด็กอาจจะต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์แทน
ก็ดีกว่าปล่อยไปตามยถากรรม อย่างน้อยมีที่อยู่ที่กิน ได้รับการศึกษา
หรืออาจติดต่อสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าภายในจังหวัด น่าจะมีอยู่ทุกจังหวัด
ไม่ใช่ว่าเราใจร้าย แต่ภาระนี้ไม่ใช่ของเรา ถ้าไม่พร้อมจริงๆ แจ้งให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือค่ะ
เป็นอีกทางออกหนึ่ง ลองดูนะคะ
ความคิดเห็นที่ 57
ขอบคุณทุกๆคำแนะนำมากของทุกท่านมากเลยนะคะ ดิฉันพอจะตัดสินใจทางออกร่วมกันได้แล้วค่ะ คือเบื้องต้นดิฉันจะพูดอย่างจริงจังกับพ่อแม่ของเด็กให้รับเด็กทั้งสองกลับไป แต่ในช่วงแรกๆอาจจะมีแอบๆไปดูบ้าง ถ้าดิฉันเห็นท่าทีที่เป็นอันตรายต่อเด็กดิฉันจะรีบแจ้งให้สถานรับเลี้ยงดูเด็กมารับเด็กไปค่ะ ในใจลึกๆดิฉันเองมองว่าการที่แม่เด็กกลับใจได้และสามารถสร้างครอบครัวที่ดีได้หน้าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ในเมื่อแม่ของเด็กเคยทำผิดมาก่อนดิฉันก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องยากที่เค้าจะกลับตัวได้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนทำได้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นดิฉันตกลงกับที่บ้านว่าเราจะพูดคุยกับพ่อแม่เด็กตรงๆ และคอยดูแลอยู่ห่างๆน่าจะดีกว่าค่ะ ท้ายสุดดิฉันก็หวังว่าน้องๆวัยรุ่นหรือใครก็ตามที่ไม่พร้อม และได้มาอ่านกระทู้นี้ ขอเถอะค่ะกินยาคุมหรือป้องกันการตังครรถ์ และขอสนับสนุนกฎหมายทำแท้งเสรี นอกเหนือจากสิทธิมนุษยชนที่ผู้หญิงควรมีต่อร่างกายของตนเองแล้ว ดิฉันก็คิดว่าการที่เราทำให้เด็กเกิดมาและสุดท้ายทำให้เค้ารู้สึกหรือด้วยปัจจัยหลายอย่างส่งผลให้เค้าเป็นภาระต่อสังคม ขอให้ทุกคนตัดวงจรอุบาศนี้เถอะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 16
อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาดังๆ

จขกท.คะ เอ็นดูเขา เอ็นเราขาดค่ะ เราเข้าใจว่าธงคำตอบในใจของ จขกท.คือไม่เอาแล้ว ลูกใครลูกมัน เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วค่ะ

เหลือแค่ความเด็ดขาด ถ้าคุณแม่ หรือคนอื่นๆมาแนวเห็นอกเห็นใจ

เราอยากเล่าเรื่องที่คนใกล้ตัวเจอให้ฟัง  คล้ายๆกับที่คุณเจอเลย พ่อเด็กเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ลูกก็ฝากญาติห่างๆเลี้ยง เข้าไปทีนึง ก็ไปอัพสกิลความเลวมาจากในคุก  จนมาล่าสุด คนรับฝากเขาไม่อยากรับแล้ว เพราะมีแต่ชักเนื้อตัวเอง

ระหว่างเจรจาให้มารับลูกตัวเองกลับ พ่อมันก็มารับนะคะ แต่มาพร้อมกับตำรวจ อ้างว่าคนรับฝากไปพรากผู้เยาว์ลูกเขา

กลายเป็นต้องไปชี้แจง หอบเอกสารขึ้นลงโรงพักหลายรอบ กว่าจะเคลียร์กันจบ เข็ดกันไปอีกนานค่ะ

เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม มีอยู่จริงค่ะ อย่าประมาทไป
ความคิดเห็นที่ 8
สังคมควรให้พื้นที่ในการประจานพ่อแม่ประเภทนี้บ้าง คนอื่นไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะได้ไม่ต้องมาถกกันเรื่องการทำแท้งเสรี เชือดไก่ให้ลิงดูเยอะๆ พวกที่ชอบไข่แล้วทิ้งมันจะได้ฉุกคิดก่อนผสมพันธุ์ อ่านแล้วโมโหแทน ขอโทษ จขกท มากๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่