คิดยังไงกันบ้างครับ ที่ต้องหาเงิน 4-5 ล้านเพื่อให้เพียงพอสำหรับเกษียณอยู่แบบสมถะ ไม่เบียดเบียนลูกหลาน

มองไปที่คนรอบๆตัว อายุ 30-40 กว่าๆกันแล้วยังไม่มีอะไรกันเลย มีเงินใช้แค่พอเดือนชนเดือนเท่านั้นเอง หยิบยืมเป็นหนี้สินกันแทบทุกครอบครัว ใน 10 คนอาจจะมีแค่สักคนเดียวที่น่าจะพอเอาตัวรอดได้ตอนบั้นปลาย ที่เหลือยังมองไม่เห็นทางเลยว่าจะอยู่กันรอดยังไง เหมือนใช้ชีวิตกันวันต่อวัน แก่ลงก็คงให้ลูกหลานมาดูแลรับภาระต่อ กลายเป็นวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด

ทุกคนมองเรื่องนี้กันยังไงบ้าง มนุษย์เงินเดือนทั่วไปก็คงยากเต็มกลืนที่จะเก็บเงินล้าน  ไหวมั้ยครับที่จะเก็บเงินให้ได้ 4-5 ล้านเพื่อให้มีรายได้สัก 2 หมื่นต่อเดือนกินอยู่ดูแลรักษาตัวเองตอนแก่

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
สังคมต่างจังหวัดประหยัดมากค่ะไม่จำเป็นต้องมีล้านมีแสนก็อยู่กันได้

ในรั้วบ้านปลูกพืชผัก  มีสระปลา เลี้ยงไก่มีนาข้าววันๆหนึ่งแทบไม่ได้ใช้เงิน

ถ้าคนชอบเนื้อไปซื้อตลาดสัปดาห์ละครั้ง นี่ตนเองไม่ชอบทานเนื้อทานแต่ผัก โปรตีนจากพืช

ข้าพเจ้าเกษียณแล้วรับบำนาญเดือนละ 45,264บาท ตอนแรกใช้เดือนละหนึ่งหมื่น ช่วงโควิดนี่ออกบ้านสัปดาห์ละครั้ง

ใช้เงินเดือนหนึ่งประมาณห้าหกพันบาทเอง ใช้วันละห้าสิบบาทหรือร้อยบาทนี่แหละ

ตลาดมีกับข้าวถุง สิบบาท ยี่สิบบาท ผักกำละ5-10บาทเอง ในบ้านมีผักหลายชนิดรถก็เอาออกไปสัปดาห์ละครั้ง

เติมน้ำมันห้าร้อยอยู่ได้ตั้งสามสี่เดือน เงินเหลือแต่ละเดือนสะสมเป็นก้อนเอาไปซื้อหุ้น 4-5ตัว

ตัวละห้าหมื่นหุ้น เอาปันผลไปคืนเครดิตภาษี ไม่จำเป็นเก็บเงินมากมายขนาดนั้น

ที่ชาวบ้านตามชนบทอยู่ได้เพราะเขามีพืชผักพื้นบ้านรอบๆบ้านเขา เช่นเขาจะซื้อปลาย่างไว้

แกงปลีบ้าง แกงขนุนบ้างใส่ปลาย่าง ทำตอนเช้าหม้อหนึ่งทานได้ทั้งเช้าทั้งกลางวัน เย็นก็ทำอีกครั้งครอบครัวสี่ห้าคนอยู่ได้สบาย
ข้าวทำนา หรือทำแบ่งส่วนให้คนอื่นทำ

ส่วนใหญ่ตายเพราะชรา อายุยืนกัน 80-90อยู่ชนบทร่างกายแข็งแรง ป่วยแค่เดือนเดียวตายไป แม่ข้าพเจ้าอายุ 95แทบไม่ป่วยเลย

ป่วยเดือนเดียวเสีย.  พี่สาวแม่คนโต อายุ 99ป่วยเดือนสุดท้ายเหมือนกัน ก่อนหน้าแข็งแรงบ้านค้าขายออกมานั่งหน้าบ้านทุกเช้าคุยกะคนผ่านไปมา

พี่สาวแม่คนรอง อายุ 98ปี. พี่ชาย 97ปี ตอนอายุ 95พี่ชายแม่แบกมัดไม้ไผ่ขึ้นลงเนินสบายๆ. แม่ข้าพเจ้าอายุ 95มาบ้านข้าพเจ้านางยังถีบจักร

ปะชุนเสื้อหมอนเอง
ความคิดเห็นที่ 4
สิ่งที่เตรียมตอนนี้ คือมีบ้านที่สามรถช่วยเหลือตัวเองได้ ปลูกพืช เลี้ยงไก่ หัดกินสิ่งที่ปลูก ลดการซื้อไปเรื่อยๆ ดูว่าเราสามารถ ช่วยเหลือตัวเอง ได้เดือนละเท่าไร และต้องซื้อเพิ่มเท่าไร การซื้อทุกอย่างไม่ใช่คำตอบ เพราะวันนึงเมื่อเราไม่มีอาชีพ เราจะไม่รู้จะทำอะไร ในวัยชรา จะนั่งมองลูกหลานให้เขา สงสาร มันไม่ใช่ เรามีศักดิ์ศรี ต้องหาเลี้ยงชีพได้ ตราบที่มีแรงก้าวเดินได้ ปล.ผมไม่ได้เดือดร้อน เรื่องเงินที่จะเลี้ยงชีพ ลำพังใช้วันละ3พัน อยู่ยันเกือบร้อยปี แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ วันนึงเราอาจสูญเสียไปด้วย เหตุใดๆก็ตาม เราก็ยังยังชีพด้วยกิจกรรมพื้นฐานได้ เราทำตอนนี้ ให้ชาวบ้านเห็นดีกว่า ตอนที่ตกที่นั่งลำบาก แล้วต้องมาทำให้เขาเห็น ถึงตอนนั้น ก็จะมีแต่สายตามองมาด้วยความสมเพศ
    เงินไม่ใช่คำตอบครับ วิธีดำรงค์ชีพที่ทำให้เรา มั่นคงได้ต่างหาก คือความยั่งยืน..........
ความคิดเห็นที่ 10
มีอีกทางนึง ที่ไม่ไกลเกินไป คือ Reverse Morgage
คือช่วงเวลาที่ทำงาน ก็ซื้อบ้าน ผ่อนบ้านให้จบก่อนเกษียณ
บ้านก็มีไว้อยู่อาศัย ตลอดชีวิต ... เกษียณก็เอาไปจำนำ Reverse Morgage
บ้านนั้น เราจะอาศัยอยู่ได้จนเราตาย  และมีเงินให้เราใช้รายเดือน MRR-1% ราว 4.25%
บ้าน 5ล้าน ได้เดือนละ 17,700บาท  ค่ารักษาพยาบาลก็ใช้ประกันสังคม บัตรทอง
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นความคิดที่ดี

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

หากไม่มีลูกหลานทำอย่างไร หากมีแต่ลูกหลานไม่ดูแล จะทำอย่างไร

การจะมีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน ด้วยเงินต้น 5,000,000 บาท หมายถึงต้องได้รับผลตอบแทนร้อยละ 4.80 บาทต่อปี ซึ่งไม่ง่าย นะครับ สำหรับการลงทุนที่ไม่เสี่ยง

สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนจะเก็บได้ ส่วนตัวมองเห็นตัวช่วยดังนี้
1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่นิติบุคคลนายจ้างมีนโยบายจัดตั้งกองทุนฯ (จัดให้เต็มเพดานนำส่งส่วนของลูกจ้าง + ช่วยประหยัดภาษีด้วย)
2. กองทุนประหยัดภาษี (จัดให้เต็มเพดานเงื่อนไขการหักลดหย่อน)

และเงินออมอื่น ๆ หากยังคงมีเหลือออม เช่น ออมในทอง ออมในหุ้น หากได้ปันผล นำปันผลมาลงทุนต่อยอด
หากมีเงินฝากบัญชีธนาคาร แนะนำให้ฝากบัญชีประเภทที่มีดอกเบี้ยเงินฝากสูงหน่อย ยังไงก็ดีกว่าออมทรัพย์ธรรมดาครับ

ถ้าเก็บซักปีละแสน จะถึงล้านก่อนสิบปีแน่นอน ส่วนใหญ่กองทุนประหยัดภาษี ระยะยาวได้กำไร แต่ก็ต้องเลือกกองดี ๆ นะครับ ยิ่งตอนนี้กอง ssf ต่าง ๆ เพิ่งเปิดได้ไม่นาน มีโอกาสสร้างกำไรสูง และกว่าจะถอนได้ อีกหลายปีเลย ไม่เหมือน ltf ที่ครบอายุแล้ว ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ถอนเงินออก
ความคิดเห็นที่ 19
พอเราย้ายมาต่างประเทศ เรายิ่งเห็นชัดถึงความต่าง ตอนเป็นพนักงานออฟฟิศ เงินเดือน 20,000 - 40,000 ใช้เงินเดือนชนเดือนมาตลอด แทบไม่มีเงินเก็บเพราะต้องส่งให้ที่บ้าน

พอย้ายตามสามีมาต่างประเทศได้ 6 เดือน มีช่องทางและโอกาสจับธุรกิจ ที่มีรายได้ดีกว่าตอนทำงานกินเงินเดือน แม้ในภาวะโควิด 19 แต่รายได้เราเพิ่มขึ้น
แต่เราโชคดีที่ตอนนี้สามีดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด มีเงินเดือนให้เรานิดหน่อยไม่มาก รายได้+กำไรจากการทำธุรกิจได้มาก็เก็บหมด พอจะมีความหวังที่จะเกษียณแบบไม่เบียดเบียนลูกหลาน

ที่จริงต้องขอบคุณสามีที่คอยซัพพอร์ตค่ะ (และตัวเองที่มองหาโอกาสทางธุรกิจ) ถ้ายังเป็นพนักงานออฟฟิศที่เมืองไทย คงใช้เวลากว่า 10 ปีถึงจะสามารถเก็บเงินก้อนนี้ได้

อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ หากใครอยากพูดคุยหรือปรึกษาเรื่องการทำงาน ยินดีนะคะ อาจจะยังไม่เชี่ยวชาญ แต่ถ้าหากพอแนะนำได้ยินดีตอบทุกคำถามค่ะ อย่างน้อยขอส่งกำลังใจให้ทุกคนมีหวังและสู้ต่อค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่