ผมในฐานะชาวบ้านธรรมดา ที่ติดตามภาระกิจของโรงพยาบาลโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ของคุณหมอเหรียญทองมาโดยตลอด ก็พอจะเข้าใจและเห็นเจตนาดีของคุณหมอเหรียญทองในการดำเนินกิจการโรงพยาบาลของท่านพอสมควร จึงอยากจะเรียนชี้แจงต่อท่าน สิระ สส.กทม เขตหลักสี่ซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยทั่วประเทศ ให้ได้มีความเข้าใจตรงกัน เพื่อจะได้ร่วมมือกันกันทุกฝ่ายทั้งภาครัฐเอกชน ภาคข้าราชการและภาคนักการเมือง เพื่อจะได้ร่วมมือกันแก้ปัญหามหาวิกฤตโควิต 19 ให้ผ่านพ้นไปให้ได้
สถานะของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน
แต่ก็มีภารกิจหน้าที่ตามกฎหมายแทบไม่ต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ เพราะโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค กับ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข มานานหลายสิบปีแล้ว มีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาทฯ ไม่ต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ เป็นที่พึ่งของผู้ป่วยคนยากคนจนที่ไม่มีปัญญาไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ดัง ๆ ระดับอินเตอร์ ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลของรัฐไม่ให้คนไข้ต้องแน่นแออัดยัดเยียดมากจนเกินไป ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ดัง ๆ ที่ส่วนใหญ่เขาไม่ยอมเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นหน่วยบริการของผู้ป่วยบัตรทองกันหรอกครับ เขาให้บริการเฉพาะคนรวยและผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลัก เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ขาดทุนเห็น ๆ บางครั้งก็โดน สปสช.ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยบริการบัตรทอง ชักดาบเอาดื้อ ๆ
https://www.prachachat.net/marketing/news-636406
และที่ผ่าน ๆ มา โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองก็ได้ช่วยแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ของผู้ป่วยยากจนถือบัตรทอง 30 บาทฯ เป็นจำนวนมาก เช่น เป็นหน่วยบริการรับส่งต่อในการรักษาโรคหัวใจด้วยการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนยากคนจนที่ไปใช้บริการผ่าตัดหัวใจจากโรงพยาบาลรัฐ คิวผ่าตัดบางครั้งยาวเป็นปี หรือ 2 ปี ก็มี
https://www.hfocus.org/content/2014/10/8283 โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะได้รับคนไข้ผ่าตัดหัวใจส่งต่อมาจากหน่วยบริการบัตรทองอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลของรัฐ และช่วยให้ผู้ป่วยบัตรทองได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจเร็วขึ้นบ้าง
กรณีที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่นนับร้อยแห่งใน กทม.ของ สปสช.มีการทุจริตเบิกงบบัตรทองหลายร้อยล้านบาท สปสช.ได้ยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการบัตรทองคลินิกชุมชนอบอุ่นเหล่านั้น มีผลให้ผู้ป่วยยากจนบัตรทอง 30 บาทฯ ใน กทม.นับล้านคนถูกลอยแพ ไม่มีหน่วยบริการประจำที่รับให้การรักษาพยาบาล แม้แต่โรงพยาบาลรัฐบางแห่งก็ไม่สนใจที่จะเข้ามารับภาระรักษาคนไข้บัตรทองนับล้านคนที่ถูกลอยแพเหล่านี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองก็ได้อาสาเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เข้ามารับผิดชอบ ยอมเปิดให้บริการผู้ป่วยบัตรทองที่ถูกลอยแพเหล่านี้ ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ เสาร์อาทิตย์ อันเป็นที่มาของข่าวโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทอง โดน สปสช.ชักดาบเบี้ยวหนี้บัตรทอง 13 ล้าน ภาษีอีก 2.6 ล้าน จากกรณีดังกล่าว
https://www.prachachat.net/marketing/news-636406
ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและคุณหมอเหรียญทองได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 นั้น โรงพยาบาลเอกชนอย่างโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็มีความจำเป็นต้องทำหน้าที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ตามกฎหมายเช่นเดียวกับโรงพยาบาลของรัฐ เพราะได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการฯ ของ สปสช. ของกระทรวงสาธารณสุข และคุณหมอเหรียญทองก็ไม่เคยปฏิเสธบทบาทหน้าที่เหล่านี้ อาสาเข้ามาร่วมรับผิดชอบอย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจตั้งแต่การระบาดรอบแรก
https://www.hfocus.org/content/2020/04/19013 และดำเนินการต่อเนื่องกันมาโดยตลอด
การระบาดรอบ 3 ของ COVID-19 เป็นมหาวิกฤตโรคติดต่อที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 100 ปีของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต กทม.และปริมณฑล คนไข้ติดเชื้อฯ ทวีคูณขึ้นทุกวัน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 พันคนต่อวัน จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ล้นโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องไปกักตัว รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนามที่ต้องจัดตั้งเพิ่มขึ้นแทบไม่ทันกับความต้องการของจำนวนผู้ติดเชื้อฯ บางคนบางครอบครัวต้องนอนรอความตายอยู่ที่บ้านนับ 10 วัน หลายคนต้องเสียชีวิตอยู่ที่บ้านโดยไม่ได้รับการรักษาพยาบาล คนไข้อาการหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็มีแต่จำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่าพันคนแล้ว และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงเมื่อไหร่ จำนวน ICU ตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่จะรับผู้ป่วยหนัก COVID-19 ก็แทบจะไม่เหลือแล้ว.........โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทอง ก็ได้อาสาเข้ามาช่วยแก้ปัญหามหาวิกฤตในครั้งนี้อย่างเต็มที่ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี เช่น ในเรื่องนโยบายโรงพยาบาลสนาม ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามกว่า 5000 เตียง
https://news.thaipbs.or.th/content/303267 แต่การจัดตั้งโรงพยาบาสนาม(ผู้ป่วยสีเขียว) แต่ละแห่งจะต้องมีโรงพยาบาลแม่ข่ายพร้อมที่จะรับการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนัก(สีเหลือง)หรือต้องเข้า ICU (สีแดง) เข้ารับการรักษาได้ทันที ซึ่งเป็นเรื่องยากพอสมควรในการจัดหาโรงพยาบาลแม่ข่ายที่มีความพร้อมในการรับผู้ป่วย COVID-19 อาการหนักเหล่านี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองจึงได้อาสาเข้ามาดำเนินการโรงพยาบาลสนามของกองทัพบกและเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของโรงพยาบาลสนามกองทัพบกของกระทรวงกลาโหมถึง 3 แห่ง ประกอบด้วย รพ.สนามทหารบก – กรมทหารปืนใหญต่อสู้อากากาศยานที่ 1 , รพ.สนามทหารบก – กรมพลาธิการทหารบก และ รพ.สนามทหารบก – มณฑลทหารบกที่ 11
แน่นอนครับ เมื่อโรงพยาบาลมงกฎวัฒนะจะต้องรับผิดชอบดำเนินการโรงพยาบาลสนามและเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายให้แก่โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกถึง 3 แห่ง ก็ย่อมจะมีผู้ป่วยหนักที่จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องเข้า ICU มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จำนวน ICU ของโรงพยาบาลมงกฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองน่าจะไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยฯ จากโรงพยาบาลสนามทั้ง 3 แห่งของกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ได้ คุณหมอเหรียญทองจึงได้ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ 3 ที่สามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนัก 256 เตียง มี ICU สนามถึง 48 เตียง
ที่กำลังเป็นปัญหากับคุณสิระในทุกวันนี้ และ
โรงพยาบาลสนามระดับ 3 สำหรับผู้ป่วย COVID-19 อาการหนัก มี ICU สนาม นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของโรงพยาบาลสนามในสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤตอย่างยิ่ง ที่ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานใดทั้งภาครัฐและเอกชนใดทำมาก่อนในประเทศไทย จึงน่าจะยังไม่สามารถใช้กฎหมายสถานพยาบาลหรือกฎระเบียบใด ๆ ของทางราชการหรือของกระทรวงสาธารณสุขมาเป็นแนวทางดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายให้ดำเนินการและก็ยังไม่มีกฎหมายห้ามดำเนินการโรงพยาบาลสนามระดับ 3 สำหรับผู้ป่วย COVID-19 !
สิ่งที่คุณสิระต้องทำความเข้าใจอย่างยิ่งคือ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของโรงพยาบาลสนามของกองทัพบก ถึง 3 แห่ง เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลสนามของกระทรวงกลาโหมตามคำสั่ง ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยบริการหลักบัตรทองที่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายของ สปสช. กระทรวงสาธารณสุข สำหรับผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาทฯ เพื่อท่าน สส.สิระจะได้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องและน่าจะได้สนับสนุนภารกิจกิจกรรมอันหนักหน่วงของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะบ้าง ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ในเขตหลักสี่ ในกทม.และปริมณฑล ให้เข้าใจเจตนาดีของคุณหมอเหรียญทองและโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะบ้าง หรือไม่ก็อยู่เฉย ๆ
น่าจะยังดีกว่า.
เรียน ท่าน สส.สิระ เจนจาคะ ผู้แทนราษฎรเขตหลักสี่ กทม. ผู้แทนของปวงชนชาวไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนำนำของรัฐบาล
สถานะของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็มีภารกิจหน้าที่ตามกฎหมายแทบไม่ต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ เพราะโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค กับ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข มานานหลายสิบปีแล้ว มีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาทฯ ไม่ต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ เป็นที่พึ่งของผู้ป่วยคนยากคนจนที่ไม่มีปัญญาไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ดัง ๆ ระดับอินเตอร์ ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลของรัฐไม่ให้คนไข้ต้องแน่นแออัดยัดเยียดมากจนเกินไป ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ดัง ๆ ที่ส่วนใหญ่เขาไม่ยอมเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นหน่วยบริการของผู้ป่วยบัตรทองกันหรอกครับ เขาให้บริการเฉพาะคนรวยและผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลัก เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ขาดทุนเห็น ๆ บางครั้งก็โดน สปสช.ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยบริการบัตรทอง ชักดาบเอาดื้อ ๆ https://www.prachachat.net/marketing/news-636406
และที่ผ่าน ๆ มา โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองก็ได้ช่วยแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ของผู้ป่วยยากจนถือบัตรทอง 30 บาทฯ เป็นจำนวนมาก เช่น เป็นหน่วยบริการรับส่งต่อในการรักษาโรคหัวใจด้วยการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนยากคนจนที่ไปใช้บริการผ่าตัดหัวใจจากโรงพยาบาลรัฐ คิวผ่าตัดบางครั้งยาวเป็นปี หรือ 2 ปี ก็มี https://www.hfocus.org/content/2014/10/8283 โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะได้รับคนไข้ผ่าตัดหัวใจส่งต่อมาจากหน่วยบริการบัตรทองอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลของรัฐ และช่วยให้ผู้ป่วยบัตรทองได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจเร็วขึ้นบ้าง
กรณีที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่นนับร้อยแห่งใน กทม.ของ สปสช.มีการทุจริตเบิกงบบัตรทองหลายร้อยล้านบาท สปสช.ได้ยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการบัตรทองคลินิกชุมชนอบอุ่นเหล่านั้น มีผลให้ผู้ป่วยยากจนบัตรทอง 30 บาทฯ ใน กทม.นับล้านคนถูกลอยแพ ไม่มีหน่วยบริการประจำที่รับให้การรักษาพยาบาล แม้แต่โรงพยาบาลรัฐบางแห่งก็ไม่สนใจที่จะเข้ามารับภาระรักษาคนไข้บัตรทองนับล้านคนที่ถูกลอยแพเหล่านี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองก็ได้อาสาเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เข้ามารับผิดชอบ ยอมเปิดให้บริการผู้ป่วยบัตรทองที่ถูกลอยแพเหล่านี้ ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ เสาร์อาทิตย์ อันเป็นที่มาของข่าวโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทอง โดน สปสช.ชักดาบเบี้ยวหนี้บัตรทอง 13 ล้าน ภาษีอีก 2.6 ล้าน จากกรณีดังกล่าว https://www.prachachat.net/marketing/news-636406
ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและคุณหมอเหรียญทองได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 นั้น โรงพยาบาลเอกชนอย่างโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็มีความจำเป็นต้องทำหน้าที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ตามกฎหมายเช่นเดียวกับโรงพยาบาลของรัฐ เพราะได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการฯ ของ สปสช. ของกระทรวงสาธารณสุข และคุณหมอเหรียญทองก็ไม่เคยปฏิเสธบทบาทหน้าที่เหล่านี้ อาสาเข้ามาร่วมรับผิดชอบอย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจตั้งแต่การระบาดรอบแรก https://www.hfocus.org/content/2020/04/19013 และดำเนินการต่อเนื่องกันมาโดยตลอด
การระบาดรอบ 3 ของ COVID-19 เป็นมหาวิกฤตโรคติดต่อที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 100 ปีของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต กทม.และปริมณฑล คนไข้ติดเชื้อฯ ทวีคูณขึ้นทุกวัน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 พันคนต่อวัน จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ล้นโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องไปกักตัว รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนามที่ต้องจัดตั้งเพิ่มขึ้นแทบไม่ทันกับความต้องการของจำนวนผู้ติดเชื้อฯ บางคนบางครอบครัวต้องนอนรอความตายอยู่ที่บ้านนับ 10 วัน หลายคนต้องเสียชีวิตอยู่ที่บ้านโดยไม่ได้รับการรักษาพยาบาล คนไข้อาการหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็มีแต่จำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่าพันคนแล้ว และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงเมื่อไหร่ จำนวน ICU ตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่จะรับผู้ป่วยหนัก COVID-19 ก็แทบจะไม่เหลือแล้ว.........โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทอง ก็ได้อาสาเข้ามาช่วยแก้ปัญหามหาวิกฤตในครั้งนี้อย่างเต็มที่ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี เช่น ในเรื่องนโยบายโรงพยาบาลสนาม ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามกว่า 5000 เตียง https://news.thaipbs.or.th/content/303267 แต่การจัดตั้งโรงพยาบาสนาม(ผู้ป่วยสีเขียว) แต่ละแห่งจะต้องมีโรงพยาบาลแม่ข่ายพร้อมที่จะรับการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนัก(สีเหลือง)หรือต้องเข้า ICU (สีแดง) เข้ารับการรักษาได้ทันที ซึ่งเป็นเรื่องยากพอสมควรในการจัดหาโรงพยาบาลแม่ข่ายที่มีความพร้อมในการรับผู้ป่วย COVID-19 อาการหนักเหล่านี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองจึงได้อาสาเข้ามาดำเนินการโรงพยาบาลสนามของกองทัพบกและเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของโรงพยาบาลสนามกองทัพบกของกระทรวงกลาโหมถึง 3 แห่ง ประกอบด้วย รพ.สนามทหารบก – กรมทหารปืนใหญต่อสู้อากากาศยานที่ 1 , รพ.สนามทหารบก – กรมพลาธิการทหารบก และ รพ.สนามทหารบก – มณฑลทหารบกที่ 11
แน่นอนครับ เมื่อโรงพยาบาลมงกฎวัฒนะจะต้องรับผิดชอบดำเนินการโรงพยาบาลสนามและเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายให้แก่โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกถึง 3 แห่ง ก็ย่อมจะมีผู้ป่วยหนักที่จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องเข้า ICU มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จำนวน ICU ของโรงพยาบาลมงกฎวัฒนะของคุณหมอเหรียญทองน่าจะไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยฯ จากโรงพยาบาลสนามทั้ง 3 แห่งของกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ได้ คุณหมอเหรียญทองจึงได้ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ 3 ที่สามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนัก 256 เตียง มี ICU สนามถึง 48 เตียง ที่กำลังเป็นปัญหากับคุณสิระในทุกวันนี้ และโรงพยาบาลสนามระดับ 3 สำหรับผู้ป่วย COVID-19 อาการหนัก มี ICU สนาม นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของโรงพยาบาลสนามในสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤตอย่างยิ่ง ที่ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานใดทั้งภาครัฐและเอกชนใดทำมาก่อนในประเทศไทย จึงน่าจะยังไม่สามารถใช้กฎหมายสถานพยาบาลหรือกฎระเบียบใด ๆ ของทางราชการหรือของกระทรวงสาธารณสุขมาเป็นแนวทางดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายให้ดำเนินการและก็ยังไม่มีกฎหมายห้ามดำเนินการโรงพยาบาลสนามระดับ 3 สำหรับผู้ป่วย COVID-19 !
สิ่งที่คุณสิระต้องทำความเข้าใจอย่างยิ่งคือ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของโรงพยาบาลสนามของกองทัพบก ถึง 3 แห่ง เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลสนามของกระทรวงกลาโหมตามคำสั่ง ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยบริการหลักบัตรทองที่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายของ สปสช. กระทรวงสาธารณสุข สำหรับผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาทฯ เพื่อท่าน สส.สิระจะได้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องและน่าจะได้สนับสนุนภารกิจกิจกรรมอันหนักหน่วงของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะบ้าง ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ในเขตหลักสี่ ในกทม.และปริมณฑล ให้เข้าใจเจตนาดีของคุณหมอเหรียญทองและโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะบ้าง หรือไม่ก็อยู่เฉย ๆ น่าจะยังดีกว่า.