สปสช ต้องจ่ายหนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันเร็วที่สุด ภายในวันที่ 11 ต.ค.67
การค้างจ่ายยอดหนี้มากกว่า 20 ล้านบาทเกิดจากโมเดลใหม่ของ สปสช ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 แล้ว สปสช ปล่อยให้หนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะสะสมมานานจนเป็นหนี้สินมากกว่า 20 ล้านบาท
ในขณะที่ สปสช ร้องขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรักษาผู้ป่วยบัตรทองจำนวนมากที่ส่งต่อมาจากคลินิกเพื่อสนับสนุนโมเดลใหม่ของ สปสช ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 โดยรับปากว่า รพ.มงกุฎวัฒนะไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ สปสช ยังขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองนานกว่า 1-3 เดือนในกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรังซับซ้อนด้วย
แต่บริษัทยา-เวชภัณฑ์-คุ่ค้า ให้เครดิตในการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์แค่ 1 เดือน ขณะที่ สปสช.ไม่เคลียร์หนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันนานกว่า 7 เดือนแล้ว
การค้างหนี้สะสมในลักษณะนี้ เรียกว่า 'ดินพอกหางหมู' จนเกิดความซับซ้อนในการตรวจสอบการเบิก เพราะ สปสช ปล่อยปละละเลยให้คลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยปฏิเสธการจ่ายด้วยการคีย์รหัสปฏิเสธเข้าไปในระบบการเบิกจ่าย
การค้างหนี้ดังกล่าวหากในที่สุดแล้วเกิดปัญหา สปสช ไม่มีเงินจ่ายแล้วให้ รพ.มงกุฎวัฒนะไปทวงเอง ซึ่ง รพ.มงกุฎวัฒนะไม่มีสิทธิไปทวงหนี้คลินิก เพราะคลินิกบัตรทองไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ คลินิกเหล่านี้เป็นคู่สัญญากับ สปสช ดังนั้น สปสช ต้องทวงเอง แต่คลินิกเหล่านี้ได้รับเงินแล้วก็เลิกกิจการ เปลี่ยนชื่อใหม่ แล้วก็บอกว่าคนละคลินิกเก่า
ปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ และ รพ.ที่รับส่งต่อทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ดังนั้นผมขอความกรุณาจาก สปสช ดังนี้
1. สปสช จ่ายเงินตามยอดหนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะทั้งหมดไปก่อน จากนั้นค่อยตรวจสอบว่ารายการที่คลินิกบัตรทองคีย์รหัสปฏิเสธเข้าไปในระบบการเบิกจ่ายนั้นถูกต้องหรือไม่ในภายหลัง หาก รพ.มงกุฎวัฒนะคิดค่าบริการหรือเบิกผิดไปจากหลักเกณฑ์ สปสช ก็สามารถหักเงินจาก รพ.มงกุฎวัฒนะคืนให้คลินิกในภายหลัง รพ.มงกุฎวัฒนะไม่เลิกกิจการง่ายๆเพื่อเบี้ยวหนี้คลินิกหรอกครับ มีแต่คลินิกเลิกกิจการง่ายๆแล้วเบี้ยวหนี้ รพ.เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2563
2. สปสช อนุมัติเงินยืมทดรองจ่ายเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องตามจำนวนหนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันเร็วที่สุด ภายในวันที่ 11 ต.ค.67 ทั้งนี้เพื่อให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจัดซื้อยาเวชภัณฑ์เพื่อมารักษาผู้ป่วยบัตรทองที่มาจากคลินิกต่างๆ ไม่ให้ผู้ป่วยบัตรทองต้องเดือดร้อน
3. สปสช ยังต้องรีบจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลหมวดอื่นๆ รายการอื่นๆ อีกหลายสิบล้านบาทที่ค้างชำระ รพ.มงกุฎวัฒนะโดยตรงด้วย ไม่ใช่ดำเนินการแค่ข้อ 1 หรือ 2 แล้วรายการอื่นๆเรื่อยเฉื่อย
หากภายในวันที่ 11 ต.ค.67 สปสช ไม่ดำเนินการตามข้อ 1-2-3 รพ.มงกุฎวัฒนะจะขาดสภาพคล่องทางการเงิน และจำต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเป็นการชั่วคราว เพราะไม่มีเงินซื้อยา-เวชภัณฑ์-อื่นๆ เพื่อการรักษาผู้ป่วยบัตรทอง ทั้งนี้ผู้ป่วยบัตรทองจะต้องจ่ายเงินเองตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 11 ต.ค.67 เป็นต้นไปจนกว่า สปสช จะจ่ายเงินค้างจ่ายตามข้อ 1 ถึง 3
สำหรับผู้ป่วยประกันสังคมนั้น หากสำนักงานประกันสังคมยังไม่จ่ายเงินค้างจ่ายภายในวันที่ 11 ต.ค.67 รพ.มงกุฎวัฒนะก็จำเป็นต้องลดปริมาณการจ่ายยาให้ผู้ป่วยประกันสังคมแต่ละรายไม่เกิน 7 วันจนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินจึงจะกลับเข้าสู่สถานการณ์บริการผู้ป่วยประกันสังคมตามปกติ
สำหรับผู้ป่วยที่ชำระเงินเองหรือใช้ประกันส่วนตัวยังคงใช้บริการได้อย่างสะดวกตามปกติครับ
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ขอประทานอภัยผู้ป่วยบัตรทอง และผู้ป่วยป่วยประกันสังคมที่ รพ.มงกุฎวัฒนะจำเป็นต้องดำเนินการมาตรการเด็ดขาดด้วยความจำเป็น เพราะทั้ง 2 หน่วยงานค้างหนี้ชำระนานจนกลายเป็น 'หนี้สินพอกหางหมู' เป็นเงินจำนวนมากทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องทางการเงินในการจัดซื้อยา-เวชภัณฑ์ให้แก่ทั้งผู้ป่วยบัตรทองและผู้ป่วยประกันสังคม
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
9 ต.ค.67 เวลา 8.52 น.
หมายเหตุ ได้โปรดแชร์ถึง สปสช , สปส(ประกันสังคม) , ผู้ป่วยบัตรทอง และผู้ป่วยประกันสังคมเพื่อทราบโดยทั่วกันด้วยครับ
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02raHZCX3cYJ8Lg4dsVvv1rKQNuV9YpT5cQsbpJe2L6EBkXNuSvjCmcHtQSTTyPB25l&id=100000491468200
ข่าวเกี่ยวกับผู้ป่วยบัตรทองฯ จาก พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ถึง รมว.สธ.สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานบอร์ด สปสช.
การค้างจ่ายยอดหนี้มากกว่า 20 ล้านบาทเกิดจากโมเดลใหม่ของ สปสช ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 แล้ว สปสช ปล่อยให้หนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะสะสมมานานจนเป็นหนี้สินมากกว่า 20 ล้านบาท
ในขณะที่ สปสช ร้องขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรักษาผู้ป่วยบัตรทองจำนวนมากที่ส่งต่อมาจากคลินิกเพื่อสนับสนุนโมเดลใหม่ของ สปสช ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 โดยรับปากว่า รพ.มงกุฎวัฒนะไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ สปสช ยังขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองนานกว่า 1-3 เดือนในกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรังซับซ้อนด้วย
แต่บริษัทยา-เวชภัณฑ์-คุ่ค้า ให้เครดิตในการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์แค่ 1 เดือน ขณะที่ สปสช.ไม่เคลียร์หนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันนานกว่า 7 เดือนแล้ว
การค้างหนี้สะสมในลักษณะนี้ เรียกว่า 'ดินพอกหางหมู' จนเกิดความซับซ้อนในการตรวจสอบการเบิก เพราะ สปสช ปล่อยปละละเลยให้คลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยปฏิเสธการจ่ายด้วยการคีย์รหัสปฏิเสธเข้าไปในระบบการเบิกจ่าย
การค้างหนี้ดังกล่าวหากในที่สุดแล้วเกิดปัญหา สปสช ไม่มีเงินจ่ายแล้วให้ รพ.มงกุฎวัฒนะไปทวงเอง ซึ่ง รพ.มงกุฎวัฒนะไม่มีสิทธิไปทวงหนี้คลินิก เพราะคลินิกบัตรทองไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ คลินิกเหล่านี้เป็นคู่สัญญากับ สปสช ดังนั้น สปสช ต้องทวงเอง แต่คลินิกเหล่านี้ได้รับเงินแล้วก็เลิกกิจการ เปลี่ยนชื่อใหม่ แล้วก็บอกว่าคนละคลินิกเก่า
ปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ และ รพ.ที่รับส่งต่อทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ดังนั้นผมขอความกรุณาจาก สปสช ดังนี้
1. สปสช จ่ายเงินตามยอดหนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะทั้งหมดไปก่อน จากนั้นค่อยตรวจสอบว่ารายการที่คลินิกบัตรทองคีย์รหัสปฏิเสธเข้าไปในระบบการเบิกจ่ายนั้นถูกต้องหรือไม่ในภายหลัง หาก รพ.มงกุฎวัฒนะคิดค่าบริการหรือเบิกผิดไปจากหลักเกณฑ์ สปสช ก็สามารถหักเงินจาก รพ.มงกุฎวัฒนะคืนให้คลินิกในภายหลัง รพ.มงกุฎวัฒนะไม่เลิกกิจการง่ายๆเพื่อเบี้ยวหนี้คลินิกหรอกครับ มีแต่คลินิกเลิกกิจการง่ายๆแล้วเบี้ยวหนี้ รพ.เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2563
2. สปสช อนุมัติเงินยืมทดรองจ่ายเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องตามจำนวนหนี้ค้างจ่ายคลินิกบัตรทองที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันเร็วที่สุด ภายในวันที่ 11 ต.ค.67 ทั้งนี้เพื่อให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจัดซื้อยาเวชภัณฑ์เพื่อมารักษาผู้ป่วยบัตรทองที่มาจากคลินิกต่างๆ ไม่ให้ผู้ป่วยบัตรทองต้องเดือดร้อน
3. สปสช ยังต้องรีบจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลหมวดอื่นๆ รายการอื่นๆ อีกหลายสิบล้านบาทที่ค้างชำระ รพ.มงกุฎวัฒนะโดยตรงด้วย ไม่ใช่ดำเนินการแค่ข้อ 1 หรือ 2 แล้วรายการอื่นๆเรื่อยเฉื่อย
หากภายในวันที่ 11 ต.ค.67 สปสช ไม่ดำเนินการตามข้อ 1-2-3 รพ.มงกุฎวัฒนะจะขาดสภาพคล่องทางการเงิน และจำต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเป็นการชั่วคราว เพราะไม่มีเงินซื้อยา-เวชภัณฑ์-อื่นๆ เพื่อการรักษาผู้ป่วยบัตรทอง ทั้งนี้ผู้ป่วยบัตรทองจะต้องจ่ายเงินเองตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 11 ต.ค.67 เป็นต้นไปจนกว่า สปสช จะจ่ายเงินค้างจ่ายตามข้อ 1 ถึง 3
สำหรับผู้ป่วยประกันสังคมนั้น หากสำนักงานประกันสังคมยังไม่จ่ายเงินค้างจ่ายภายในวันที่ 11 ต.ค.67 รพ.มงกุฎวัฒนะก็จำเป็นต้องลดปริมาณการจ่ายยาให้ผู้ป่วยประกันสังคมแต่ละรายไม่เกิน 7 วันจนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินจึงจะกลับเข้าสู่สถานการณ์บริการผู้ป่วยประกันสังคมตามปกติ
สำหรับผู้ป่วยที่ชำระเงินเองหรือใช้ประกันส่วนตัวยังคงใช้บริการได้อย่างสะดวกตามปกติครับ
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ขอประทานอภัยผู้ป่วยบัตรทอง และผู้ป่วยป่วยประกันสังคมที่ รพ.มงกุฎวัฒนะจำเป็นต้องดำเนินการมาตรการเด็ดขาดด้วยความจำเป็น เพราะทั้ง 2 หน่วยงานค้างหนี้ชำระนานจนกลายเป็น 'หนี้สินพอกหางหมู' เป็นเงินจำนวนมากทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องทางการเงินในการจัดซื้อยา-เวชภัณฑ์ให้แก่ทั้งผู้ป่วยบัตรทองและผู้ป่วยประกันสังคม
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
9 ต.ค.67 เวลา 8.52 น.
หมายเหตุ ได้โปรดแชร์ถึง สปสช , สปส(ประกันสังคม) , ผู้ป่วยบัตรทอง และผู้ป่วยประกันสังคมเพื่อทราบโดยทั่วกันด้วยครับ
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02raHZCX3cYJ8Lg4dsVvv1rKQNuV9YpT5cQsbpJe2L6EBkXNuSvjCmcHtQSTTyPB25l&id=100000491468200