ย้อนไปเมื่อ2ปีที่แล้วก่อนที่หัวหน้าผมจะลาออกไปและตัวผมก็ลาออกหลังจากหัวหน้าลาออกได้1เดือน (น่าจะกลางๆปลายๆเดือนเมษา) ผมกับหัวหน้าก็ถือว่าสนิทบ้าง แต่เวลาไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่นผมจะเรียกแกว่าพ่อ แต่เวลาผมอยู่ในที่ทำงานผมจะไม่ออกตัวต่อหน้าคนอื่นๆในที่ทำงานว่าสนิทกัน ผมทำงานกับแก โดนแกทั้งโดนด่าโดนว่าบ่อยมากมีดราม่าบ้าง แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมทำงานที่นั่นตั้งแต่ปี2015ลาออกช่วงปี2019ต้นเดือนพฤษภาคม(อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะ) เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ก่อนแกจะลาออกไป เมื่อประมาทเดือนกุมภาพันธ์(ตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าแกจะลาออก)แกก็พาผมไปเลี้ยงสเต๊กเจ้าดังยี่ห้อนึงแบบส่วนตัว2คนเลย ก็ได้พูดคุยกันเรื่องการเมืองที่ทำงานต่างๆนาๆมีคำนึงที่แกบอกผมไว้ว่า"เมิงอย่าเอาอย่างกรูนะ กรูมันคนตรง กรูมันปากหมา ผู้จัดการเค้าเกลียดกรูเพราะกรูมันคนตรง" จากนั้นก็คุยเรื่อยๆบลาๆ หลังจากทานเสร็จก็นั่งรถกลับบ้าน แกก็บอกผมตลอดไว้ว่า" เมิงไปเรียนต่อป.ตรีซะ ชีวิตและตำแหน่งงานอาจจะดีขึ้น" หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตทำงานกันต่อไป จนกระทั่งเดือนมีนาคมได้ข่าวว่าแกเขียนใบลาออกแล้ว ผมก็ถามแก แกบอกว่าลาออกจริงๆ ก็เลยทำงานร่วมกันในวันเลาที่เหลือจนถึงวินาทีสุดท้าย แกก็ได้บอกผมในวันทำงานสุดท้ายแบบส่วนตัวช่วงที่เก็บของบนโต๊ะไปช่วยส่งที่โรงจอดรถ"ทำงานให้ดีๆนะ อย่าพลาด เมิงก็รู้สถานะการณ์ตอนนี้มันแย่ลง เมิงก็ทำหน้าที่ให้ดีๆนะ" หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งช่วงวันสงกรานต์หลังจากแกออกได้เกือบ10กว่าวันแล้วก็โทรไปหาแกก็ถามสารทุกข์สุกดิบ เคยถามแกว่า"พ่อไปอยู่จังหวัดไหนเหรอ" แกก็ได้แต่บอกว่า"อยู่ต่างจังหวัด" หลังจากนั้นก็คุยนิดๆหน่อยๆจบการสนทนาก็ไม่ได้โทรหาแกอีกเลย จนกระทั่งก่อนที่ผมได้เขียนใบลาออก เป็นเพราะเหตุตำแหน่งหน้าที่การงานผมไม่ไดเลื่ิอนตำแหน่ง เพราะช่วงนั้นเค้าเอาเด็กเส้นในที่ทำงานแต่อยู่เพียงไม่กี่ปีเข้ามาทำทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย พอผมเห็นหน้าขึ้นเค้ามาทำวันแรก ในหัวของผมมีแต่คำว่า"ลาออก"ขึ้นมาทันที อีกอย่างผมกับเด็กเส้นคนนั้นไม่ได้เป็นศัตรูคู่อริอะไรกัน แต่ในใจช่วงนั้นมันกลับคิดทางอ้อมเลยว่าเค้าคือศัตรูผม ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากตัวผมเองเก็บไว้ตลอด จนกระทั่งตอนเย็นเลิกงานผมขอใบลาออกจากฝ่ายบุคคลแล้วผมบอกเค้าว่าตอนเช้าจะเอามาส่ง จนกระทั่งก็ทำงานในวันที่เหลืออยู่ คนในที่ทำงานต่างพากันโน้มน้าวรั้งผมให้อยู่ต่อไม่อยากให้ผมลาออก บ้างก็มาเช็คแกล้งหลอกถามผมว่าลาออกเพราะอะไร ผมก็ได้แต่บอกว่าอยากทำงานที่ใหม่ประสบการณ์ใหม่ ผมไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงเพราะการเมืองในบริษัทมันแรงมาก แต่สุดท้ายก็รั้งผมไว้ไม่ได้ เพราะใจผมมันไม่อยู่แล้ว บวกกับหัวหน้าผมก็ลาออก ช่วงนั้นผมก็เฮิร์ตมาก ผมรู้สึกว่าตอนนั้นผมได้กลิ่นเน่าคาวของคนในที่ทำงานไม่ดีเลยล่ะ มันดูเลอะมาก มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด แต่บางคนยังกลับมองว่าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนั่นนี่ แต่ในมุมมองของผมมันสวนทางกัน จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของวันทำงานช่วงนั้นผมรู้สึกดีมาก รู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องมาคอยระแวง ไม่ต้องมาทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ได้ไปทำงานที่ใหม่แต่ทำได้แค่2เดือนก็ลาออก จนกระทั่งไปอยู่อาศัยบ้านเพื่อนก็ไปทำงานที่โรงพยาบาลได้แค่2เดือนอีก จนกระทั่งต้นปีที่แล้วเดือนมกราคมผมก็ว่างงานยาว เงินที่มีก็เริ่มน้อยลง มีมอเตอร์ไซค์ก็ขาย มีของสะสมเทปเก่า-ซีดีเก่า ก็ขายไปเพื่อดำรงชีวิต ผมก็ค้นหางานไม่ได้สักทีจนกระทั่งเดือนมีนาคม(ช่วงโควิคเริ่มระบาดระยะแรกใหม่ๆ)ตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดยาวจนถึงปัจจุบันเลย ตอนนี้ก็ทำงานรับจ๊อบแถวบ้านมีบ้างไม่มีบ้าง ตอนนี้งานก็ไม่มีแล้ว กลับกลายเป็นว่าผมไม่เหลืออะไรเลย อยากจะตามหาหัวหน้าเก่า อยากจะโทรหาแต่ก็ติดต่อ อยากจะเล่าอยากคุยเรื่องที่ผมเจอมาทั้งหมดในตอนนั้นถึงวันนี้ ผมคิดถึงหัวหน้าคนเก่ามากเลยครับ ถึงแกจะปากหมาพูดตรงแต่แกก็รักลูกมาก อันนั้นลูกน้องทำผิดก็ว่ากล่าวตักเตือน อันไหนถูกแกก็ปกป้องลูกน้องในทีม แย้งด้วยเหตุผลและผล ถึงแม้คนในที่ทำงานจะไม่ชอบและเกลียดแกก็ตาม นี่ขนาดผมเขียนอยู่น้ำตาผมยังไหลอยู่เลย
ปล. ตามจริงแล้วหัวหน้าของผมแกก็จะลาออกตั้งนานแต่หัวหน้าของแก(รองผู้จัดการ)รั้งให้แกอยู่เรื่อยๆ จน ณ ปัจจุบันนี้(รองผู้จัดการก็ได้เกษีณอายุไปเมื่อปลายปี2ปีที่แล้ว)
มีใครเคยเป็นแบบนี้บ้างครับ อยู่ๆก็คิดถึงหัวหน้าเก่าทั้งๆที่ออกมาตั้งนานแล้ว เพราะรักและนับถือผมจึงคิดถึง?
ปล. ตามจริงแล้วหัวหน้าของผมแกก็จะลาออกตั้งนานแต่หัวหน้าของแก(รองผู้จัดการ)รั้งให้แกอยู่เรื่อยๆ จน ณ ปัจจุบันนี้(รองผู้จัดการก็ได้เกษีณอายุไปเมื่อปลายปี2ปีที่แล้ว)