เหวยเฉิงกงนั้นมีแซ่ว่า จี ชื่อตัวว่าเจิ้ง เป็นบุตรคนโตของเหวยเหวินกงเจ้าแคว้นเหวย เมื่อบิดาตายเขาก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าแคว้นเหวยแทนปีที่ 635 ก่อนคริสตกาล ทว่าในยุคของเหวยเฉิงกงนั้น แคว้นเหวยก็โรยรากลายเป็นเมืองเล็กที่ต้องไปสวามิภักดิ์แคว้นฉู่เพื่ออาศัยบารมีของฉู่อ๋องในการป้องกันตนเองจากแคว้นอื่นรอบๆ
ปี 633 ก่อนคริสตกาล เกิดกรณีพิพาทระหว่างแคว้นฉีและแคว้นหลู่จนทำให้สองแคว้นก็ทำศึกกัน ฝ่ายแคว้นหลู่สู้ไม่ได้จึงส่งทูตไปเข้าเฝ้าฉู่เฉิงอ๋องเพื่อขอกองทัพมาช่วย เมื่อฉู่เฉิงอ๋องทรงทราบก็ดำริว่า
“ในแผ่นดินภาคตะวันออกนี้มีเพียงแคว้นฉีและแคว้นซ่งที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเรา ครั้งนี้แคว้นหลู่มีหนังสือมาขอให้ช่วยเหลือ ช่างเป็นโอกาสอันดียิ่ง เราจะส่งกองทัพไปปราบแคว้นทั้งสองให้ราบคาบเพื่อให้รู้อำนาจของเราเสีย”
ว่าแล้วฉู่เฉิงอ๋องก็มีพระราชโองการให้ เฉิงเต๋อเฉิน (ชื่อเป็นทางการของแกคือ จื่ออวี้) เป็นแม่ทัพใหญ่ ทำทัพฉู่ 8 หมื่นคนยกทัพไปช่วยแคว้นหลู่ และให้ถือโอกาสปราบปรามแคว้นฉีและซ่งเสียให้ยอมสวามิภักดิ์
วันรุ่งขึ้น ฉู่เฉิงอ๋องก็เสด็จออกมาส่งทัพด้วยพระองค์เอง ทรงมอบกระบี่อาญาสิทธิ์แก่เฉิงเต๋อเฉินให้บังคับบัญชาทหาร 8 หมื่นของเมืองฉู่ นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปบอกเจ้าแคว้นเมืองขึ้นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แคว้นถัง แคว้นสุย แคว้นไช่ และแคว้นสี ให้เตรียมยกทัพมาช่วยกองทัพฉู่โจมตีเมืองฉีและเมืองซ่งพร้อมเพรียงกัน
หลังจากออกจากเมืองฉู่แล้ว กองทัพของเฉิงเต๋อเฉินก็แวะพักที่แคว้นเจิ้งเพื่อระดมพล พอได้ไพร่พลแคว้นพันธมิตรพร้อมแล้วก็ยกเข้าตีเมืองซ่งที่อยู่ทิศตะวันออกก่อนทันที พอยกไปถึงเมืองซางชิวเมืองหลวงของซ่งเห็นทัพซ่งไปยกทัพออกมาต่อต้านจึงให้ล้อมเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนา
ด้านซ่งเฉิงกงเจ้าแคว้นซ่งนั้น เห็นว่าข้าศึกมีไพร่พลมากนักยากจะต้านทาน จึงให้กงซุนจู้ผู้เป็นหลานนำหนังสือรีบไปแคว้นจิ้น เข้าพบกับจิ้นเหวินกงเพื่อขอให้กองทัพจิ้นยกทัพมาช่วยทันที
เมื่อจิ้นเหวินกงทราบเรื่องก็เรียกประชุมขุนนางเพื่อสอบถามความเห็นว่าควรจะทำอย่างไร ฝ่ายพวกขุนนางก็เสนอว่าให้รีบเตรียมทัพยกไปช่วยเมืองซ่งโดยด่วน มีเพียงหูเอี้ยนเท่านั้นที่เสนอความเห็นแตกต่าง โดยหูเอี้ยนพูดว่า
“เมืองซ่งกับเมืองจิ้นห่างกันกว่าห้าร้อยลี้ หากเราจะยกทัพไปก็ต้องเตรียมเสบียงเดินทางไกลจะทำให้ไพร่พลได้รับความลำบาก ซ้ำยังต้องเสียเวลาผ่านแคว้นต่างๆรายทางกว่าจะไปถึงเกรงว่าจะช่วยเหลือไม่ทัน
อันแคว้นเหวยและแคว้นเฉานี้อยู่ติดปลายชายแดนเมืองเรา สองแคว้นนี้เป็นพันธมิตรกับเมืองฉู่ เจ้าแคว้ยเหวยอย่างเหวยเฉิงกงก็ดองเป็นญาติกับฉู่เฉิงอ๋อง หากเรายกทัพไปบุกแคว้นเหวยและแคว้นเฉาแล้วไซร้ กองทัพฉู่ก็จะต้องยกมาช่วยเป็นแน่ ถึงตอนนั้นแคว้นซ่งก็จะพ้นภัยเอง แถมเราไม่ต้องเดินทัพไปรบไกลจากบ้านเมืองให้เหนื่อยยากด้วย ขอนายท่านโปรดไตร่ตรอง”
จิ้นเหวินกงได้ฟังก็รำลึกว่า “สมัยที่เราตกยากอยู่ เจ้าแคว้นเหวยปิดประตูเมืองไม่ยอมให้เราเข้าพัก เจ้าแคว้นเฉาก็ต้อนรับเราอย่างไร้มารยาทแถมยังมาลอบดูเราอาบน้ำอีก ครั้งนี้หากยกทัพไปตีสองแคว้นนี้นอกจากจะช่วยแคว้นซ่งแล้ว เรายังได้แก้แค้นเรื่องในอดีตด้วย” จิ้นเหวินกงจึงทำตามแผนของหูเอี้ยนทุกประการ และสั่งให้กงซุนจู้กลับไปบอกซ่งเฉิงกงให้รักษาเมืองรอความช่วยเหลือ
เหวยเฉิงกง ผู้ได้ขึ้นเป็นเจ้าครองแคว้นถึงสามครา
ปี 633 ก่อนคริสตกาล เกิดกรณีพิพาทระหว่างแคว้นฉีและแคว้นหลู่จนทำให้สองแคว้นก็ทำศึกกัน ฝ่ายแคว้นหลู่สู้ไม่ได้จึงส่งทูตไปเข้าเฝ้าฉู่เฉิงอ๋องเพื่อขอกองทัพมาช่วย เมื่อฉู่เฉิงอ๋องทรงทราบก็ดำริว่า
“ในแผ่นดินภาคตะวันออกนี้มีเพียงแคว้นฉีและแคว้นซ่งที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเรา ครั้งนี้แคว้นหลู่มีหนังสือมาขอให้ช่วยเหลือ ช่างเป็นโอกาสอันดียิ่ง เราจะส่งกองทัพไปปราบแคว้นทั้งสองให้ราบคาบเพื่อให้รู้อำนาจของเราเสีย”
ว่าแล้วฉู่เฉิงอ๋องก็มีพระราชโองการให้ เฉิงเต๋อเฉิน (ชื่อเป็นทางการของแกคือ จื่ออวี้) เป็นแม่ทัพใหญ่ ทำทัพฉู่ 8 หมื่นคนยกทัพไปช่วยแคว้นหลู่ และให้ถือโอกาสปราบปรามแคว้นฉีและซ่งเสียให้ยอมสวามิภักดิ์
วันรุ่งขึ้น ฉู่เฉิงอ๋องก็เสด็จออกมาส่งทัพด้วยพระองค์เอง ทรงมอบกระบี่อาญาสิทธิ์แก่เฉิงเต๋อเฉินให้บังคับบัญชาทหาร 8 หมื่นของเมืองฉู่ นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปบอกเจ้าแคว้นเมืองขึ้นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แคว้นถัง แคว้นสุย แคว้นไช่ และแคว้นสี ให้เตรียมยกทัพมาช่วยกองทัพฉู่โจมตีเมืองฉีและเมืองซ่งพร้อมเพรียงกัน
หลังจากออกจากเมืองฉู่แล้ว กองทัพของเฉิงเต๋อเฉินก็แวะพักที่แคว้นเจิ้งเพื่อระดมพล พอได้ไพร่พลแคว้นพันธมิตรพร้อมแล้วก็ยกเข้าตีเมืองซ่งที่อยู่ทิศตะวันออกก่อนทันที พอยกไปถึงเมืองซางชิวเมืองหลวงของซ่งเห็นทัพซ่งไปยกทัพออกมาต่อต้านจึงให้ล้อมเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนา
ด้านซ่งเฉิงกงเจ้าแคว้นซ่งนั้น เห็นว่าข้าศึกมีไพร่พลมากนักยากจะต้านทาน จึงให้กงซุนจู้ผู้เป็นหลานนำหนังสือรีบไปแคว้นจิ้น เข้าพบกับจิ้นเหวินกงเพื่อขอให้กองทัพจิ้นยกทัพมาช่วยทันที
เมื่อจิ้นเหวินกงทราบเรื่องก็เรียกประชุมขุนนางเพื่อสอบถามความเห็นว่าควรจะทำอย่างไร ฝ่ายพวกขุนนางก็เสนอว่าให้รีบเตรียมทัพยกไปช่วยเมืองซ่งโดยด่วน มีเพียงหูเอี้ยนเท่านั้นที่เสนอความเห็นแตกต่าง โดยหูเอี้ยนพูดว่า
“เมืองซ่งกับเมืองจิ้นห่างกันกว่าห้าร้อยลี้ หากเราจะยกทัพไปก็ต้องเตรียมเสบียงเดินทางไกลจะทำให้ไพร่พลได้รับความลำบาก ซ้ำยังต้องเสียเวลาผ่านแคว้นต่างๆรายทางกว่าจะไปถึงเกรงว่าจะช่วยเหลือไม่ทัน
อันแคว้นเหวยและแคว้นเฉานี้อยู่ติดปลายชายแดนเมืองเรา สองแคว้นนี้เป็นพันธมิตรกับเมืองฉู่ เจ้าแคว้ยเหวยอย่างเหวยเฉิงกงก็ดองเป็นญาติกับฉู่เฉิงอ๋อง หากเรายกทัพไปบุกแคว้นเหวยและแคว้นเฉาแล้วไซร้ กองทัพฉู่ก็จะต้องยกมาช่วยเป็นแน่ ถึงตอนนั้นแคว้นซ่งก็จะพ้นภัยเอง แถมเราไม่ต้องเดินทัพไปรบไกลจากบ้านเมืองให้เหนื่อยยากด้วย ขอนายท่านโปรดไตร่ตรอง”
จิ้นเหวินกงได้ฟังก็รำลึกว่า “สมัยที่เราตกยากอยู่ เจ้าแคว้นเหวยปิดประตูเมืองไม่ยอมให้เราเข้าพัก เจ้าแคว้นเฉาก็ต้อนรับเราอย่างไร้มารยาทแถมยังมาลอบดูเราอาบน้ำอีก ครั้งนี้หากยกทัพไปตีสองแคว้นนี้นอกจากจะช่วยแคว้นซ่งแล้ว เรายังได้แก้แค้นเรื่องในอดีตด้วย” จิ้นเหวินกงจึงทำตามแผนของหูเอี้ยนทุกประการ และสั่งให้กงซุนจู้กลับไปบอกซ่งเฉิงกงให้รักษาเมืองรอความช่วยเหลือ