ณ ร้าน Seventy elevenral
"พ่อฮะๆ นี่รูปไรอะฮะ? " เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งตรงมาที่ชายซึ่งกำลังยืนซื้อกาแฟอยู่
" เจ้าบ้า ใครสั่งใครสอนให้หยิบของพวกนี้ฮ๊ะ! " ชายคนนั้นตวาดเสียงหลงพร้อมกระชากนิตยสารโป๊จากมือลูกชายไป
"แต่พ่อฮะ... "
"ไม่ต้องพูดไรทั้งนั้น มานี่เดี๋ยวนี้! " ชายคนนั้นพูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำแลดูโหดร้าย ก่อนจะลากเจ้าลูกชายผู้ใสซื่อผ่านชายร่างสูงผอม ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวมอ กางเกงยีนสีซีดพร้อมขาดได้ทุกเมื่อ รองเท้าแตะตราเหมียวและสวมสิ่งที่คล้ายกับ... มงกุฎหนามอยู่บนหัว... กำลังยืนเอานิตยสารโป๊ปิดหน้าอยู่ก่อนจะออกจากร้านไป
"ฟู้... " ชายร่างสูงถอนหายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลายได้ปลดทุกข์ ก่อนจะค่อยๆ ชะโงกมองพ่อลูกคู่นั้นที่กำลังเดินออกจากร้านด้วยความทุลักทุเล
"โหดกับเด็กชะมัด... ถ้าทำแรงกว่านี้เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน "
เขาพึมพำพลางพลิกนิตยสารที่อยู่บนมือไปมา
"เอ๊ะ!? "
สีหน้าฉงนปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนจะค่อยๆ พลิกนิตยสารไปที่ละหน้าๆ พร้อมม่านตาที่เบิกกว้างและคำอุทานด้วยเสียงอันทรงพลังว่า
"เชี้ย..."
เขารีบวางนิตยสารเล่มนั้นลงทันที ก่อนบึ่งออกจากร้านแทบไม่ทันด้วยสีหน้าอับอาย (ไม่รู้ว่าอายเพราะเผลออุทานคำหยาบหรือว่าเผลอที่หยิบนิตยสารโป๊มาดูกันแน่)
"ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ" เขาตบหน้าตัวเองแรงๆ ขณะวิ่งหน้าตั้งออกมาจากร้านด้วยสีหน้าเลิกลั่ก
หัวใจของเขาในตอนนี้ร้อนผ่าวพร้อมกับหน้าที่แดงฉานเหมือนคนโดนอาบแดด ก่อนจะนึกอะไรได้จนหัวเราะออกมาเบาๆ
"ของพวกนี้นี่... มีแต่จะเดินหน้า ไม่ดับสูญเลยนะ เฮื่อ... แต่ก็อย่างว่า ไม่งั้นพระองค์ท่านคงไม่ให้กำเนิดลูกหลานเป็นแน่"
ขณะยืนเท้าสะเอวพลางตบตีพึมพำกับความคิดตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ เด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงมือมากับแม่ของเขา ก็ได้ชี้ตรงมาที่เขาพร้อมกับพูดว่า
"แม่ฮะๆ ดูพี่คนนั้นสิฮะ มีอะไรติดหัวด้วย เหมือนของผมเลยฮะ"
หญิงคนนั้นหันมองตามที่ลูกชี้ด้วยสีหน้าฉงนก่อนจะพูดว่า
"ใช่จ้ะ เหมือนมงกุฎที่ลูกใส่ตอนแสดงเป็นพระเยซูครั้งก่อนเลย แต่ของลูกสวยกว่าเยอะ อย่าไปสนใจเลยนะจ๊ะ"
ประโยคนี้ทำเอาเขาหันขวับแทบจะทันทีที่ได้ยินและพูดว่า
"มันไม่ได้มีไว้ประดับอย่างเดียวหรอก แต่มันคือหนามของความบาปที่เราได้ชดเชยให้กับเจ้าแม่หนูน้อย แล้วเราก็อิ่มเอม ที่เจ้ารู้จักในนามของเรา"
เด็กคนนั้นสตันไปชั่วขณะก่อนจะกรีดร้องออกมา ทำเอาแม่เด็กโวยวายเสียงดัง เพราะคิดว่าชายคนนี้จะทำร้ายลูกเขา ก่อนจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอีกรอบเข้าไปในตรอก
"บ้าจริง... มนุษย์พวกนี้ใจร้ายชะมัด"
วันที่แสนโหดร้ายกลับมีฝนเย็นฉ่ำ ตกลงมากระทบกับร่างอันผอมบางของเขา ชายผู้นี้เงยหน้ามองบนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม พร้อมสายลมและสายฝนอันอ่อนระทวย ทำเอาเขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น กุมมือทั้งสองแน่นและหลับตาก่อนจะพูดว่า
"ข้าแต่พระบิดา โลกนี้ช่างเปลี่ยนไปยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังมอบความอ่อนโยนให้แก่ข้าพระองค์และทุกผู้ที่อยู่ ณ แห่งนี้ ข้าพระองค์จักไม่ลืมและกระทำตามที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ ข้าพระองค์... จะออกตามหาความจริง ว่าเช่นไรมนุษย์ถึงได้เพิกเฉยต่อพระบิดาผู้สถิตเป็นนิรันดร์ อาเมน"
เมื่อเยซูมาเป็นสายสืบ
"พ่อฮะๆ นี่รูปไรอะฮะ? " เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งตรงมาที่ชายซึ่งกำลังยืนซื้อกาแฟอยู่
" เจ้าบ้า ใครสั่งใครสอนให้หยิบของพวกนี้ฮ๊ะ! " ชายคนนั้นตวาดเสียงหลงพร้อมกระชากนิตยสารโป๊จากมือลูกชายไป
"แต่พ่อฮะ... "
"ไม่ต้องพูดไรทั้งนั้น มานี่เดี๋ยวนี้! " ชายคนนั้นพูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำแลดูโหดร้าย ก่อนจะลากเจ้าลูกชายผู้ใสซื่อผ่านชายร่างสูงผอม ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวมอ กางเกงยีนสีซีดพร้อมขาดได้ทุกเมื่อ รองเท้าแตะตราเหมียวและสวมสิ่งที่คล้ายกับ... มงกุฎหนามอยู่บนหัว... กำลังยืนเอานิตยสารโป๊ปิดหน้าอยู่ก่อนจะออกจากร้านไป
"ฟู้... " ชายร่างสูงถอนหายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลายได้ปลดทุกข์ ก่อนจะค่อยๆ ชะโงกมองพ่อลูกคู่นั้นที่กำลังเดินออกจากร้านด้วยความทุลักทุเล
"โหดกับเด็กชะมัด... ถ้าทำแรงกว่านี้เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน "
เขาพึมพำพลางพลิกนิตยสารที่อยู่บนมือไปมา
"เอ๊ะ!? "
สีหน้าฉงนปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนจะค่อยๆ พลิกนิตยสารไปที่ละหน้าๆ พร้อมม่านตาที่เบิกกว้างและคำอุทานด้วยเสียงอันทรงพลังว่า
"เชี้ย..."
เขารีบวางนิตยสารเล่มนั้นลงทันที ก่อนบึ่งออกจากร้านแทบไม่ทันด้วยสีหน้าอับอาย (ไม่รู้ว่าอายเพราะเผลออุทานคำหยาบหรือว่าเผลอที่หยิบนิตยสารโป๊มาดูกันแน่)
"ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ" เขาตบหน้าตัวเองแรงๆ ขณะวิ่งหน้าตั้งออกมาจากร้านด้วยสีหน้าเลิกลั่ก
หัวใจของเขาในตอนนี้ร้อนผ่าวพร้อมกับหน้าที่แดงฉานเหมือนคนโดนอาบแดด ก่อนจะนึกอะไรได้จนหัวเราะออกมาเบาๆ
"ของพวกนี้นี่... มีแต่จะเดินหน้า ไม่ดับสูญเลยนะ เฮื่อ... แต่ก็อย่างว่า ไม่งั้นพระองค์ท่านคงไม่ให้กำเนิดลูกหลานเป็นแน่"
ขณะยืนเท้าสะเอวพลางตบตีพึมพำกับความคิดตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ เด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงมือมากับแม่ของเขา ก็ได้ชี้ตรงมาที่เขาพร้อมกับพูดว่า
"แม่ฮะๆ ดูพี่คนนั้นสิฮะ มีอะไรติดหัวด้วย เหมือนของผมเลยฮะ"
หญิงคนนั้นหันมองตามที่ลูกชี้ด้วยสีหน้าฉงนก่อนจะพูดว่า
"ใช่จ้ะ เหมือนมงกุฎที่ลูกใส่ตอนแสดงเป็นพระเยซูครั้งก่อนเลย แต่ของลูกสวยกว่าเยอะ อย่าไปสนใจเลยนะจ๊ะ"
ประโยคนี้ทำเอาเขาหันขวับแทบจะทันทีที่ได้ยินและพูดว่า
"มันไม่ได้มีไว้ประดับอย่างเดียวหรอก แต่มันคือหนามของความบาปที่เราได้ชดเชยให้กับเจ้าแม่หนูน้อย แล้วเราก็อิ่มเอม ที่เจ้ารู้จักในนามของเรา"
เด็กคนนั้นสตันไปชั่วขณะก่อนจะกรีดร้องออกมา ทำเอาแม่เด็กโวยวายเสียงดัง เพราะคิดว่าชายคนนี้จะทำร้ายลูกเขา ก่อนจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอีกรอบเข้าไปในตรอก
"บ้าจริง... มนุษย์พวกนี้ใจร้ายชะมัด"
วันที่แสนโหดร้ายกลับมีฝนเย็นฉ่ำ ตกลงมากระทบกับร่างอันผอมบางของเขา ชายผู้นี้เงยหน้ามองบนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม พร้อมสายลมและสายฝนอันอ่อนระทวย ทำเอาเขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น กุมมือทั้งสองแน่นและหลับตาก่อนจะพูดว่า
"ข้าแต่พระบิดา โลกนี้ช่างเปลี่ยนไปยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังมอบความอ่อนโยนให้แก่ข้าพระองค์และทุกผู้ที่อยู่ ณ แห่งนี้ ข้าพระองค์จักไม่ลืมและกระทำตามที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ ข้าพระองค์... จะออกตามหาความจริง ว่าเช่นไรมนุษย์ถึงได้เพิกเฉยต่อพระบิดาผู้สถิตเป็นนิรันดร์ อาเมน"