JJNY : พท.ปูด'ระยอง - ทองหล่อ'โทษวินัยไม่เท่ากัน│ผู้ว่าธปท.ห่วงศก.│ทหารพม่ายิงเตือนเรือทะลุ│AU-NZเริ่มทราเวลบับเบิ้ล

พท.ปูดอีก โควิดระบาด 'บ่อนระยอง - คลัสเตอร์ทองหล่อ' ลงโทษทางวินัยไม่เท่ากัน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6342311

 
“ยุทธพงศ์” เทียบเคสบ่อนระยอง – คลัสเตอร์ทองหล่อ เหตุใดลงโทษนายตำรวจไม่เท่ากัน สงสัยเกรงใจใครหรือเปล่า จี้ “บิ๊กตู่” รับผิดชอบหลังโควิด
   
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค และส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ว่า เช้าวันนี้ (18 เม.ย.) จำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวน 1,767 คน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
 
แสดงให้เห็นว่า การที่รัฐบาลไม่ได้ควบคุมการแพร่ระบาดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้หลังสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และมีการระบาดไปทั่วประเทศ สรุปรวมยอด 7 วันที่ผ่านมา ประมาณ 1.3 หมื่นคน ถือว่าสูงมาก
 
ทั้งนี้ สาเหตุระบาดหนักระลอก 3 มาจากคลัสเตอร์ทองหล่อ ทั้งจากคริสตัล คลับ และเอมเมอรัลด์ ซึ่งระลอกนี้หนักหนาสาหัส ถ้าวันนี้ใครติดโควิดไม่มีโรงพยาบาลไหนรับรักษา เพราะเต็มทุกที่ วันนี้ใครอาการหนักจะเข้าไอซียู ก็ไม่มีไอซียูโรงพยาบาลไหนรับคนป่วยโควิดได้ เพราะเตียงเต็มจนล้น ต้องไปโรงพยาบาลสนามอย่างเดียว ไม่มีเครื่องมือเครื่องช่วยหายใจ ต้องไปอยู่ตามยถากรรรม
 
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เราเคยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการขออนุญาตให้ตั้งสถานบริการ พ.ศ. 2545 คือ การกำหนดโซนนิ่ง 3 แห่ง คือ 
1.ย่านพัฒน์พงษ์ 2.ย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ (อาร์ซีเอ) และย่าน ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งซอยทองหล่อถือว่า อยู่นอกโซนนิ่งอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าทั้งคริสตัล คลับ และเอมเมอรัลด์ ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งผิดปกติเนื่องจากเปิดมาหลายปี
 
แต่ทั้ง กทม. และตำรวจ ปล่อยปละละเลยให้เปิดได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่พื้นที่ให้เปิดสถานบริการได้ และยังเปิดในช่วงที่มี พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีการปล่อยให้เปิดเกินเวลา
 
ตนจึงขอเปรียบเทียบกับโควิด ระลอก 2 ที่มีการแพร่ระบาดจากบ่อนระยอง ซึ่งในขณะนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งย้ายพล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ต่อมามีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม และถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงด้วย
 
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันระลอก 3 คลัสเตอร์ทองหล่อ สร้างความเสียหายหนักกว่ามาก และเกิดใจกลางกทม. แต่การลงโทษ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ ไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม เพียงแต่ไปช่วยราชการ และไม่โดนตั้งกรรมการสอบ จึงมีข้อสงสัยว่ามีมาตรฐานอย่างไร ผบ.ตร.ไม่กล้าแตะหรือไม่ หรือ คริสตัล คลับ เส้นใหญ่หรือไม่
 
ตนอยากเรียกร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ดูแลตำรวจโดยตรง ว่าท่านจะรับผิดชอบอย่างไรจากกรณีบ่อยระยอง และคริสตัล คลับ และเรียกร้องไปถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ให้ท่านมาเป็นประธานสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
 
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เอาแต่ตำหนิ แต่อยากเสนอแนวทางต่อรัฐบาล ว่าปัญหาเรื่องวัคซีน ที่วันนี้ประเทศไทยเพิ่งฉีดให้ประชาชนไป 5.3 แสนโดส จากสถิติในโลกประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนอยู่อันดับ 127 ของโลก เท่ากับประชาชนไทยได้รับวัคซีนเพียงร้อยละ 0.73 ในอาเซียนสิงคโปร์ฉีดมากเป็นอันดับ 1 เราแพ้แม้กระทั่งกัมพูชา ที่อยู่อันดับ 75 ของโลก เมียนมาร์ อันดับที่ 106 แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารจัดการวัคซีนได้ล่าช้า จึงอยากเรียกร้องให้รีบนำวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนด่วนที่สุด
 
ทั้งนี้ประเทศอิสราเอลมีการฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับ 5 ของโลก วันนี้เขาประกาศไม่ต้องให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้านแล้ว แสดงให้เห็นว่าการให้วัคซีนที่เพียงพอจะทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว
 
ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของไทย แจ้งว่าเราจะได้วัคซีนเดือน มิ.ย. เข้ามา 6 ล้านโดส และเดือน ก.ค. 10 ล้านโดส แต่ตอนนี้เพิ่งกลางเดือน เม.ย. จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำเข้าวัคซีนเข้ามาแก้ปัญหา เพราะวันนี้ประชาชนพยายามป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด แต่บางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อเกิดเหตุวันนี้ไม่มีที่รักษา
 
ถือว่า วันนี้รัฐบาลล้มเหลวเรื่องการดูแลโควิดไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องยาที่ใช้รักษาคือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันประเทศไทยมี 4 แสนเม็ด ซึ่งคนเป็นโควิดจะรับประทานครั้งละ 9 เม็ด สถานการณ์ตอนนี้ใช้ยาตัวนี้วันละ 2 หมื่นเม็ด รัฐบาลจึงต้องรีบนำเข้ายาตัวนี้ ไม่เช่นนั้นจะขาดแคลน แสดงให้เห็นว่าเป็นความล้มเหลวของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในการบริหารจัดการเรื่องยา
 
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการสั่งปิดไม่ให้ขายอาหารเกินเวลาที่กำหนดในพื้นที่สีแดง และสีส้ม จะทำให้คนตกงานมากขึ้น จึงอยากเรียกร้องเรื่องเงินช่วยเหลือประชาชน ให้รัฐบาลเร่งเยียวยาประชาชน เพราะปากท้องคนรอไม่ได้ รัฐบาลจะช่วยอย่างไรต้องรีบดำเนินการ ซึ่งการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ
ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.64 ฝ่ายค้านจะใช้เวทีในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 วาระ 1 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาวันที่ 27 – 28 พ.ค.นี้ อภิปรายถึงความล้มเหลวการแก้ปัญหาโควิด เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสาธารณสุข
 
พร้อมกับอยากวัดใจรัฐบาลว่าการพิจารณางบประมาณปี 65 ที่จะเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 พ.ค.นี้ ท่านจะซื้อเรือดำน้ำจีน 2 ลำ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท อีกหรือไม่ ตนอยากเรียกร้องให้ประชาชนจับตาดูรัฐบาลอย่ามาพูดว่าไม่มีเงินถ้าจะซื้อเรือดำน้ำ ก็ขอเรียกร้องประชาชนออกมาไล่รัฐบาลเยอะๆ
 

 
ผู้ว่า ธปท. ห่วงโควิดระลอก 3 ทุบ เศรษฐกิจ-แรงงานรายได้วูบ หนี้กระฉูด
https://www.prachachat.net/finance/news-649862
 
ผู้ว่าการแบงก์ชาติชำแหละปัญหาเศรษฐกิจไทย อาการหนักกว่าเพื่อนบ้าน-ฟื้นตัวช้า ระบาดระลอก 3 เพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจไม่สิ้นสุด-ฟื้นตัวสะดุด ประเมินสถานการณ์พร้อมออกมาตรการดูแลภาคธุรกิจ-ครัวเรือนเพิ่มเติม พร้อมเดินเครื่องชุดมาตรการ “สินเชื่อฟื้นฟู-พักทรัพย์พักหนี้” ต้น พ.ค.นี้ ห่วงปัญหา “หนี้ครัวเรือน” พุ่งสูงจนแฮงโอเวอร์ เพราะประชาชนไม่มีรายได้ เร่งหามาตรการดูแล เหตุโครงสร้างแรงงานไทย “ผิดเพี้ยน” 50% ไม่มีรายได้ประจำ ชี้ประเทศไทยต้องหา “เครื่องยนต์เศรษฐกิจ” ตัวใหม่ หลังเครื่องยนต์ท่องเที่ยวดับ
 
ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 เป็นเหมือนฝันร้ายที่เข้ามาซ้ำเติมบาดแผลของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบหนักอยู่แล้ว ให้ฟื้นตัวช้าลงไปอีก เดิมที่ประเทศไทยวางแผนเปิดประเทศในไตรมาส 4/2564 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะกลับมาโตได้ 3% แต่การระบาดระลอก 3 ทำให้เศรษฐกิจไทยที่ ธปท.มองว่าฟื้นตัวช้า ไม่เท่าเทียมและไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว ทรุดหนักอีกครั้ง
 
ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชำแหละปมความเสี่ยง-จุดอ่อนเศรษฐกิจไทย และมาตรการทางการเงินเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคโควิด-19
 
ชำแหละปมเศรษฐกิจฟื้นช้า
 
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เข้ามาจากการระบาดระลอกใหม่เรียกว่าเป็นการซ้ำเติมภาพเดิมที่เรามองไว้อยู่แล้วว่า การฟื้นตัววิกฤตครั้งนี้จะใช้เวลา ไม่เร็ว และฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง ซึ่งปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวสูงจึงถูกกระทบหนักกว่าเพื่อนบ้าน
 
อย่างปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจมาเลเซีย -5% ไทยโดนหนักกว่า -6% ขณะที่มาเลเซียปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะ +5% ใกล้เคียงกับก่อนโควิด แต่ไทยปีนี้คาดว่า +3% เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอิงภาคท่องเที่ยวสูง
 
ขณะที่ภาคส่งออกก็ฟื้นช้ากว่าชาวบ้าน เพราะสินค้าส่งออกของไทยอยู่ในหมวดที่ไม่โตเร็ว แม้เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ไม่ใช่สินค้าอินเทรนด์ ขณะที่ประเทศอื่นส่งออกเครื่องมืออุปกรณ์สมาร์ทโฟน แต่ของไทยเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก็ฟื้นตัว แต่ไม่ได้ฟื้นเร็วแบบคนอื่น 2 ประเด็นนี้จึงเป็นที่มาของการฟื้นตัวต้องใช้เวลาและฟื้นช้ากว่าชาวบ้าน
 
แรงงานไทย 50% อาชีพอิสระ
 
ผู้ว่าการแบงก์ชาติกล่าวว่า นอกจากภาพโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ทำให้ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ไม่เท่าเทียมกัน ยังมีปัญหาการฟื้นตัวไม่ทั่วถึงในแง่ของแรงงาน เพราะภาคท่องเที่ยวไทยคิดเป็น 11-12% ของจีดีพี ที่สำคัญคือมีแรงงานในภาคท่องเที่ยวสูงถึง 20% ของการจ้างงาน
 
การจ้างงานของไทยส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างรายวัน อาชีพอิสระ หากรวมเกษตรกรรวมเป็น 50% ของแรงงานทั้งหมด ถือว่าสูงมากสำหรับประเทศที่มีรายได้ต่อหัว 7,000 ดอลลาร์ ที่ปกติสัดส่วนแรงงานที่เป็นลูกจ้างประจำต้องมากกว่านี้
 
แต่ของไทยค่อนข้างผิดเพี้ยนไป และการระบาดโควิด-19 กระทบอาชีพอิสระ ลูกจ้างรายวัน เพราะทำงานที่บ้านก็ไม่ได้ ส่วนพนักงานออฟฟิศไม่เดือดร้อน ทำงานที่บ้านได้ เงินเดือนก็ยังเหมือนเดิม ขณะที่แรงงานในภาคท่องเที่ยว ภาคบริการที่เป็นอาชีพอิสระกระทบหนัก จึงเป็นอีกมิติหนึ่งที่เห็นการฟื้นตัวที่ไม่เท่าเทียมกัน
 
Wave3 ทุบจีพีดี-ฟื้นตัวไม่สมูท
 
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีอยู่ 2 เรื่องหลัก คือ 
1.การระบาดเวฟ 3 หรือเวฟ 4 ที่จะมาอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ 
และ 2.ทริกเกอร์สำคัญที่ประเทศไทยรอคอย คือ การท่องเที่ยว เพราะตัวเลขประมาณการจีพีดีโต 3% ก็อยู่บนสมมติฐานนักท่องเที่ยวจะกลับมาในไตรมาส 4 ประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งเยอะกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่ก็น้อยเมื่อเทียบกับอดีต ถ้าตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ได้ ตัวเลขเศรษฐกิจโต 3% ก็ไม่มีทางได้
 
รวมถึงเศรษฐกิจในปี 2565 ก็มีความเสี่ยงสูง จากที่มีการปรับคาดการณ์จีดีพีอยู่ที่ 4.7% ภายใต้สมมติฐานที่นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 20 ล้านคน ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยาก
 
ถ้ายังเกิดโควิด-19 ระลอก 3 หรือระลอก 4 ในไทย และการท่องเที่ยวต้องขึ้นกับต่างประเทศว่าจะยอมให้ประชาชนของเขามาหรือเปล่า และนักท่องเที่ยวจะกล้ามาหรือเปล่า จึงมองว่าเศรษฐกิจมีโอกาสฟื้นตัวไม่สมูท และสะดุดเป็นระยะ ๆ เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ วัคซีนจะเอาอยู่หรือไม่ ทำให้เศรษฐกิจยังมีโอกาสสะดุด เรื่องวัคซีนและโรคเป็นองค์ประกอบของความเสี่ยง” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวและว่า
 
สิ่งที่ไม่ควรคิดคือวัคซีนมาแล้ว ฉีดไปถึงระดับหนึ่งจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) แล้วทุกอย่างจะโอเค เพราะไม่ง่ายที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมถึงยังมีปัญหาไวรัสกลายพันธุ์ และยังมีคำถามว่าวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานแค่ไหน ยังไม่มีคำตอบ แต่อย่างน้อย 8 เดือน หมายความว่ากว่าจะไล่ฉีดคนครบทั้งประเทศ ก็ต้องเริ่มวนฉีดอีกรอบ และมีความเป็นไปได้ว่าโควิด-19 จะเหมือนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดทุกปี
 
กังวล Over Hang หนี้ครัวเรือน
 
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า สำหรับความเสี่ยงระยะยาวต่อเศรษฐกิจที่ ธปท.เป็นห่วง คือ over hang/hang over จากหนี้ครัวเรือนและหนี้ต่าง ๆ โดยเฉพาะหนี้ธุรกิจเอสเอ็มอี สิ่งที่ ธปท.พยายามทำคือลดภาระของลูกหนี้ จากเดิมมองว่าสถานการณ์จะสั้นจึงเน้นยืดหนี้ ลดค่างวดแต่หนี้ไม่ได้หายไปไหน
 
ธปท.จึงอยากให้มีการปรับโครงสร้างหนี้จริง ๆ มีการลดมูลหนี้ (hair cut) แต่ก็ต้องขึ้นกับเจ้าหนี้มองยังไง สุดท้ายยอมรับว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีคงต้องเพิ่มขึ้น จาก ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 89.3% (14 ล้านล้านบาท)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่