"คำเชิญจากเพื่อนเก่า" ......และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมยอมนอนค้างคืนในป่า (เหตุเกิดที่โอเรกอน สหรัฐอเมริกา)

กระทู้สนทนา
เรื่องนี้เราอ่านมาจากเฟสบุ๊คนะคะ 
ที่มาของเรื่อง https://www.facebook.com/twitch.sanitthangkoon/posts/3633782506670761
แต่เห็นว่าสนุกและผู้เขียน เขียนดีมาก จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆ สมาชิก pantip ได้เสพกัน 

***************************************************************************************************
ปลายปี 2011 ตอนนั้นผมยังอยู่ที่แคลิฟอเนียร์ เพื่อนเก่าผมคนนึงได้ชวนให้ผมไปเข้าป่าล่าสัตว์กันที่โอเรกอน...และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมยอมนอนค้างคืนในป่า
.......
.......
SS 2 : ep 1 : Invitation From Old Friend.
“ถ้ามีเวลาว่างติดต่อกลับหน่อยนะ ก่อนปิดฤดูกาลปลายปีนี้ อยากจะชวนเข้าป่าด้วยกันหน่อย”... ผมได้รับข้อความชวนให้ไปล่าสัตว์จาก(ริช)ริชาร์ดเพื่อนเก่าสมัยวัย 20 ต้น ๆ ตอนช่วงที่เราตะลอนทำงานกินเที่ยวกันอยู่แถบ เบย์แอเรีย - ซาน ฟรานซิสโก
ริชเป็นคนลาวที่พูดภาษาไทยคล่องเลยทีเดียวเพราะโตมาในค่ายผู้อพยพที่เพชรบูรณ์เพื่อรอการส่งตัวมายังสหรัฐอเมริกา มันเลยทำให้เราสนิทกันเร็วหน่อยตอนที่ผมยังพูดถาษาอังกฤษไม่คล่อง ก็ได้ริชนี่แหละที่ช่วยจัดการอะไรหลาย ๆ เรื่องให้
“ จะเข้าไปกันกี่วันล่ะ จะได้ลางานถูก “
“ 4 วัน แต่ลาไปเลยอาทิตย์นึง จะได้มีเวลาเหลือมาปาร์ตี้กันหน่อย “
...
...
...
“ เอ่อออ เชฟลีครับ ถ้าเป็นไปได้ ช่วงสัปดาห์เทศกาลขอบคุณพระเจ้าผมขอลางานอาทิตย์นึงนะครับ แล้วเดี๋ยวช่วงคริสมาสต์ ถ้ามีใครจะลาผมจะทำแทนให้เอง ”
ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาทำงานกับเชฟลี เราเซทอัพร้านอาหารอยู่กันที่ เพนซาโคลา, อลาบามา
“ ได้สิ ช่วงนั้นของปีปรกติก็ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่อยู่แล้วไปทำจดหมายมาให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยก็แล้วกัน....แล้วก็อย่าลืมเรื่องจะทำงานแทนคนอื่นตอนคริสมาสต์นะ ”
ปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 หลังจากได้ไฟเขียวเชฟลีผมก็กลับบ้านที่แอลเอเพื่อเตรียมตัว และเดินทางต่อขึ้นไปที่รัฐโอเรกอน
....
....
ริชมารับผมที่สนามบินเล็กเมืองยูจีน หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ริชย้ายกลับมาทำงานอยู่ที่ฟาร์มของพ่อที่เขตนอกเมือง... ลุงบุตรพ่อของริชเป็นอดีตนายทหารของฝั่งราชวงศ์ลาว พอสหรัฐฯ ตัดสินใจถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง การปล่อยทหารฝ่ายขวาไว้ในพื้นที่ก็ไม่ต่างจากการทิ้งไว้ให้โดนฆ่าทิ้งโดยทหารฝั่งลาวแดง ลุงบุตรและครอบครัวเลยได้รับสิทธิ์ให้อพยพลี้ภัยมาที่สหรัฐอเมริกา
“ ซากหมาป่าพวกนั้นคือพิธีกรรมบูชายัญหรืออะไรน่ะ “
ผมถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นซากหมาป่าเน่า ๆ แขวนไว้บนรั้วลวดหนามเป็นระยะ ๆ ระหว่างทางเลียบรั้วเข้าฟาร์ม
“ อ๋อ...ไม่ใช่หรอก ถ้าไม่เอาซากมันแขวนไว้ ไอ้ตัวที่เหลืออยู่ข้างนอกมันก็จะแห่กันเข้ามาขโมยกินไก่เรื่อย น่ะ หนัก ๆ เข้าบางทีมันก็ช่วยกันลากลูกวัวไปกิน....แล้วพวกนั้นไม่ใช่หมาป่า( wolf )นะ แต่เป็นโคโยตี้....ที่จริงหน้าตามันก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่ตัวเล็กกว่าเยอะ ...ถ้าวูล์ฟนี่ตัวเกือบเท่าเอว “
ตอนเย็นวันนั้นบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำ ป้าพิดแม่ของริชจัดอาหารลาวชุดใหญ่ออกมาต้อนรับแขก
“ กินเยอะ ๆ นะลูก ผักนี่ปลูกกันเองทั้งนั้น ข้าวไม่พอก็บอกแม่ เดี๋ยวไปเพิ่มได้ “
“ ปลานี่พ่อตกได้เองเลยนะ ตัวยาวเกือบศอก “ ลุงบุตรอวดปลาเทราต์สายรุ้งที่กลายไปเป็นลาบปลา จากที่แกตกได้จากทะสาบที่มีอยู่เต็มไปหมดแถวนั้น
“ แล้วปูเป้ ไม่กลับบ้านช่วงขอบคุณพระเจ้านี้เหรอครับ “ ผมถามถึงเพเนโลเป้ น้องสาวของริช
“ กลับสิ แต่มาถึงเช้าวันพฤหัสน่ะ..ถ้าพวกผู้ชายออกจากป่ามาน่าจะได้เจอกันพอดี” ป้าพิดตอบ
“ อย่าแม้แต่จะคิด “ เจ้าริชเอาช้อนแกงชี้หน้าผม
...
...
หลังมื้ออาหาร ริชขอตัวไปสูบบุหรี่ ที่จริงผมรู้แหละ ไม่ใช่บุหรี่ แต่คงเป็นเห็ดเมาหรือกัญชาอะไรของมันตามเรื่อง
ผมเลยแยกตัวออกมายืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงบ้าน อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียว ที่ยอดเขาไกล ๆ ลิบ ๆ เริ่มมีหิมะคลุมเป็นหมวกขาว ๆ แล้ว อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 6 องศา....ผมได้แต่ภาวนาว่าจะไม่มีพายุหรือหิมะตกตอนที่เราไปที่นั่นกัน
“ ว่าไงลูก ชอบโอเรกอนไหม ” ลุงบุตรถามพลางเดินมาจากด้านหลังพร้อมกับจุดไปป์ขึ้นสูบ
“ ชอบครับ อากาศเย็นสบายดี ที่แคลิฟอเนียร์ออกจะร้อนไปสักหน่อยสำหรับผม “....” แล้วริชเป็นยังไงบ้างหลังจากเรื่องคราวนั้น “
“ โอ้ย...ยังโชคดีที่พ่อกับน้องปูเป้ไปลากมันมาอยู่ด้วยกันที่บ้านสวนได้ มันไม่เป็นผู้เป็นคนติดยาเมามายไปเป็นปีเหมือนกัน “
....ผมได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะปลอบ หรือแสดงความเสียใจ หรืออะไรกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของริชดี
ปี 2007 แฟนของริชขับรถไปประสบอุบัติเหตุ เป็นสาเหตุให้ลูกชายวัย 2 ขวบของริชเสียชีวิต ...ริชกับแฟนต่างโทษกันไปมาว่าแต่ละคนคือต้นเหตุ... ริชเมากัญชาเลยไม่อยากขับรถออกไปไหน ทิ้งให้แฟนขับรถพาลูกออกไปกัน 2 คน ริชโทษแฟนว่าขับรถไม่ระวังพอ ส่วนแฟนของริชก็โทษริชว่าเอาแต่เมาจนไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้

“ ริชาร์ดเล่าให้ฟังว่า เคยไปล่ากวางกับเจ้า “ ลุงบุตรยิงคำถามทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
“ อ่อ ใช่ครับ ... ก็ตอนปี 2003 ที่ขับรถข้ามประเทศไปส่งเจ้าริชบอกกล่าว(ว่าจะทดลองย้ายมาอยู่ด้วยกัน)กับครอบครัวของเจนนี่ที่ไอโอวาน่ะครับ ครอบครัวผู้หญิงทางโน้นเค้าพากันเข้าป่า ผมเลยได้ติดไปกับเค้าด้วย แล้วก็มีไปยิงหมูป่าที่บ้านเพื่อนอีกคนที่เทกซัสอยู่บ่อย ๆ “
“ ฮ่าๆๆ หมูป่าพวกนี้ยิงยังไงก็ไม่หมดน่อ อย่างมดอย่างปลวกนิ “
เทกซัสมีประชากรหมูป่า 8 ล้านตัว บางครั้งถ้าระบาดหนัก ๆ มันก็จะแห่กันเข้าไปกินพืชผลที่ปลูกไว้ของชาวไร่... รัฐบาลเทกซัสประกาศให้ล่าหมูป่าได้ทุกวิธีอย่างเสรี แต่การล่าจากมนุษย์ลดประชากรหมูป่าได้แค่ประมาณปีละ 60,000 ตัว
“ แล้วรอบนี้เราจะเข้าไปล่าอะไรครับ “ ผมถามลุงบุตร
“ เจ้ารู้จัก ‘สมิง’ บ่”.....
“ ยิ้มละ “ ผมจุดบุหรี่อีกมวนขึ้นสูบติด ๆ กันพร้อมกับคิดในใจ ....เอาจริง ๆ ผมยังไม่เคยยิงสัตว์นักล่ากินเนื้อมาก่อนเลยในชีวิต
“ รู้จักครับพ่อ พวกเสือกินคนที่วิญญาณคนที่มันกินมาเข้าสิงมัน “
“ นั่นล่ะ ๆ “
“ คือถ้าเป็นแถวบ้านเกิดเรา ไอ้ตัวที่จะเป็นสมิงก็คือเสือโคร่ง แต่เท่าที่ผมรู้อเมริกาไม่มีเสือโคร่งนะครับ “
“ ก็มันก็บ่ใช่เสือน่ะซี้ “
“ สิงโตภูเขา?...หมี? ...หมาป่า?...โคโยตี้? ...วูลฟเวอรีน? ” ผมพยายามจะไล่รายชื่อสัตว์กินเนื้อทั้งหมดในแถบนี้ไปเรื่อย แต่ลุงบุตรยังคงส่ายหน้า
“ กวาง “...ลุงบุตรเฉลยคำตอบที่ทำเอาผมขมวดคิ้ว
“ เท่าที่ผมรู้กวางมันไม่กินเนื้อนะครับพ่อ “
“ เจ้ารู้ครึ่งเดียว...กวางมันบ่ล่าเนื้อกินอันนี้ถูก แต่ภูเขาแถบนี้มีคนเดินป่าล่าสัตว์หลงตายกันทุกปี เจอศพบ้างไม่เจอศพบ้าง บางศพก็โดนหิมะแช่แข็งเป็นเนื้อแห้ง ๆ ....ในฤดูหนาว .... กวางบางตัวมันหาหญ้ากินไม่ได้ พอมันเอากีบขุดลงไปเจอศพคนมันก็กิน ๆ ไปก่อน “
ผมนึกไปถึงเรื่อง ‘แมวโพง’ ที่พวกผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังสมัยยังเป็นเด็ก ๆ ... เวลาเกิดโรคระบาดจนโลงไม่พอใส่ แมวจรจัดจะพากันกัดแทะกินศพคนตายจนโดนวิญญาณเข้าสิงแล้วกลายเป็นแมวโพง
“ เอาเถอะ แยกย้ายกันไปพักผ่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกเดินทางกันแต่เช้า “
“ ครับ....ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ”
บุหรี่หมดมวน ผมมองเข้าไปราวป่าที่สุดเขตฟาร์ม เสียงฝูงโคโยตี้สื่อสารกันลอยมาตามลม
.......to be continued
———————
แทรกเกร็ดเพิ่มเติมให้นิดนึง : 
สหรัฐอเมริกาเปิดให้ล่ากวางจำนวนประมาณ 6 ล้านตัวทุกปี เพื่อควบคุมประชากรกวางกว่า 30 ล้านตัว.... โดยจะอุญาตให้ล่าแค่คนละ 1 ตัว
ด้วยปืน และ 2 ตัวด้วยธนู และการล่าอนุญาตให้ล่าเฉพาะกวางตัวผู้ที่มีความกว้างของเขาเกิน 2 ฟุตเท่านั้น... การล่านี้เป็นการพัฒนาความแข็งแกร่งของสายพันธุ์กวางไปในตัว เพราะกวางที่มีอายุ ตัวใหญ่กว่า ช่วงเขากว้างกว่า จะชนะในการต่อสู้เพื่อแย่งตัวเมียเสมอ บางครั้งก็กันท่ากวางหนุ่ม ๆ ตัวอื่น ๆ ในการที่จะได้มีโอกาสผสมพันธุ์

นักล่าต้องลงทะเบียนและซื้อตั๋วราคาประมาณ $100 ในแต่ละปีมีคนลงทะเบียนประมาณ 15 ล้านคน ทำเงินให้กรมป่าไม้ไปได้ $1,500ล้านต่อปี 

ปล.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของผู้เขียนคนเดียวกันนี้ที่เราเอามาแปะใน pantip
เรื่องแรกกระทู้นี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/40632708
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่