ศรีราชา & เกาะสีชัง Ep.3
By Auntie & Yayee
     เช้าวันนี้เริ่มต้นทัวร์เกาะ จากโรงแรมโนโวเทล เกาะสีชัง เจ้าหน้าที่ของโรงแรมติดต่อรถท้องถิ่นให้  เนื่องจากเราไปกัน 8 คน จึงต้องใช้รถสองแถว  นั่งรถลดเลี้ยวไปตามเส้นทางเลาะภูเขา นั่งชมวิวทะเลเพลินๆไปตลอดทาง ทะลุย่านชุมชน และวัด ประมาณ 10 นาที ก็มาถึง ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ 

     ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ตั้งอยู่เชิงเขาคยาศิระ บริเวณใกล้ซุ้มประตูทางขึ้นจะมีศาลเจ้าและมูลนิธิให้เราทำบุญเติมน้ำมันตะเกียง บริจาคช่วยเหลือคนชรา เสร็จแล้วก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ก่อนจะขึ้นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เมื่อสิบกว่าปีก่อนต้องเดินขึ้นเท่านั้น คราวนี้ไม่ต้องเดินเพราะมีรถกระเช้าอำนวยความสะดวกให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุขึ้นไปได้ ทำบุญค่ารถกระเช้าได้ตามศรัทธา
     ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชลบุรี และ เกาะสีชัง ที่เชื่อกันว่ามาไหว้ติดกันครบ 3 ปี จะสมหวังในสิ่งที่ขอ เป็นสถานที่ที่คนจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศนิยมมาขอพรในช่วงตรุษจีน  นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวเกาะสีชังที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง มองลงมาเห็นท่าเรือ ตึกรามบ้านช่อง และท้องทะเลอ่าวไทยที่มีเรือสินค้าจอดเต็มไปหมด

     เมื่อลงมาจากศาลเจ้าพ่อแล้วก็ขึ้นรถไปยังจุดต่อไป คือ ช่องเขาขาด เป็นจุดชมวิวของเกาะที่มีความสวยงามมากที่สุด ถึงขนาดที่ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงโปรดให้สร้างที่ประทับสำหรับชมทิวทัศน์ขึ้น พร้อมพระราชทานนามว่า ช่องเขาอิสริยาภรณ์ โดยมีสะพานวชิราวุธทอดยาวเป็นทางเดินให้ลงไปชมวิว ตรงจุดนี้จะมองเห็นเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล มองดูคล้ายแหลมพรหมเทพ ที่จังหวัดภูเก็ต น้ำทะเลสีสวย ใส นิ่งสงบ แทบไม่น่าเชื่อว่านี่เราอยู่ใกล้กรุงเทพนิดเดียว ก็มีทะเลสวยขนาดนี้แล้ว
     นอกจากจะมีทิวทัศน์สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามของเกาะสีชังอีกด้วย แต่เราก็ไม่เคยได้อยู่ชมวิวที่นี่จนถึงพระอาทิตย์ตกเลยสักครั้ง เพราะยังมีภารกิจอื่นอีก  และจุดต่อไปก็คือ พระจุฑาธุชราชฐาน ความเป็นมาของที่นี่คงต้องย้อนกลับในไปสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านได้เสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลตะวันออก ตั้งแต่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และขากลับทรงโปรดให้จอดเรือกลไฟพระที่นั่ง ที่เกาะสีชังเพื่อประทับแรมหนึ่งคืน ซึ่งในครั้งนั้นรัชกาลที่ 5 ได้ตามเสด็จพระราชบิดาไปด้วยและทรงโปรดเกาะสีชังเป็นอันมาก หลังจากที่รัชกาลที่ 5 ทรงเสวยราชสมบัติ จึงโปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งยังเป็นที่ประทับเพื่อรักษาพระอาการประชวรของพระราชโอรสตามคำแนะนำของแพทย์หลวงด้วย
    ในขณะที่กำลังสร้างพระราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีได้ประสูติพระราชโอรส ทรงพระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ดังนั้น รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามพระราชวังแห่งนี้ตามชื่อของพระราชโอรสว่า พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังบนเกาะเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย ขณะที่กำลังสร้างอาคารที่พัก และพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งไม้สักทองทรงแปดเหลี่ยม ได้เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ร.ศ 112 จนเกิดสงครามย่อยๆบริเวณชายแดนภาคตะวันออก มีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย ทำให้การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ยุติลงเพราะความไม่ปลอดภัย ทรงโปรดให้รื้อพระที่นั่งต่างๆไปสร้างที่อื่นแทน สำหรับพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ที่สร้างค้างไว้นั้น ได้ทรงโปรดให้รื้อออกและนำไปสร้างใหม่ในรูปแบบเดิมที่พระราชวังดุสิต เป็นพระที่นั่งไม้สักทองทรงแปดเหลี่ยม แผนผังรูปตัวแอล ที่เรารู้จักกันดีในนามของพระที่นั่งวิมานเมฆนั่นเอง ดังนั้นเมื่อเข้าไปที่นี่ก็จะเห็นเพียงฐานของพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์เท่านั้น

     จุดต่อไป คือ หาดถ้ำพัง ชายหาดหนึ่งเดียวของเกาะสีชัง ที่มีเก้าอี้ผ้าใบให้นอนเล่นเหมือนบางแสน มีอุปกรณ์เรือคายัคให้เช่า มีกิจกรรมดำน้ำตื้น ตกหมึก ก็ติดต่อได้ที่นี่ แต่ว่าวันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ไม่ได้ภาพมาเลย เรียกว่าฝนตกจนไม่รู้จะถ่ายรูปยังไง เอาเป็นว่าเก็บภาพไว้ในความทรงจำก็พอ
     เมื่อฝนลงเม็ดหนักขึ้นจึงต้องล่าถอยออกไปพักรับประทานอาหารกลางวันกันก่อน เป็นการฆ่าเวลารอให้ฝนหยุด  เพราะโชเฟอร์บอกว่าฝนเกาะตกแป๊บเดียว ที่ร้านป้าปั่นลุงวิศ ร้านดังประจำเกาะ อาหารอร่อยสมคำร่ำลือ จนต้องสั่งมื้อเย็นควบไปด้วย ให้ตามไปส่งที่โรงแรม เรียกว่าอร่อยจนติดใจทุกเมนูทั้งคาวและหวาน

    บรรยากาศข้างบนนี้ดีมาก วิวสวยมาก ถึงฟ้าจะหม่นๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากอีกจุดหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเกาะสีชัง 
    จบทริปในวันนี้กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมโนโวเทล เกาะสีชัง อีกหนึ่งคืน ตื่นเช้ามาเจอวิวนี้จากห้องนอนเลยทีเดียว
     เช้านี้ยังพอมีเวลาอีกครึ่งวัน ในขณะที่ชาวคณะที่เหลือพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็ให้ทางโรงแรมเรียกรถสกายแล็ป เข้าไปในเมืองอีกครั้ง เพื่อเก็บภาพบรรยากาศท่าเรือและช็อปปิ้งตลาดเช้า  จำพวกอาหารทะเลแปรรูป โดยเฉพาะปลาหมึกที่เกาะสีชังอร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกย่าง ปลาหมึกแดดเดียว และปลาหมึกบด 
จากโรงแรมเดินไปนิดเดียวจะเห็นศาลาชมวิว หาดหินหมวดศิลา ที่มีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ในการก่อสร้างทางรถไฟของไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการมาระเบิดหินที่บริเวณนี้ไปใช้ในการก่อสร้างหมอนรองทางรถไฟ ของการรถไฟในสมัยนั้น
 
     นอกจากมีหาดเป็นก้อนหินที่มีรูปร่างแปลกตาแล้ว เวลาน้ำลงจะมีชาวบ้านมาเก็บหอยบริเวณนี้ เข้าไปดูใกล้ๆจะเป็นหอยกระปุก รูปร่างคล้ายๆหอยตลับ เป็นเมนูอาหารทะเลขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาะสีชัง หลังจากเดินเล่น เก็บภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวกลับเข้าฝั่งศรีราชา ด้วยเรือรอบเที่ยง จากโรงแรมโนโวเทล เกาะสีชัง   อำลาเกาะสีชังไว้ตรงนี้ จนกว่าจะพบกันใหม่....