7 ขั้นตอน แก้ปัญหา โพสต์ขายแล้วไม่มีคนทัก
คุณเคยเป็นแบบนี้ไหมครับ?! เวลาโพสต์ขายของอะไร ก็ไม่มีคนคอมเมนต์โพสต์เราแม้แต่คนเดียว ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนเสียความมั่นใจ
ในบางครั้งการโพสต์ถี่มากเกินไป ก็ทำให้ไม่มีใครอยากเจอคุณ แล้วแบบนี้ต้องทำอย่างไร
หรือว่าการขายของออนไลน์อาจจะไม่ใช่ทางของเรา…
พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมเพจร้านค้าของตัวเองถึงไม่มีคนสนใจ” หรือในบางทีโพสต์แต่ละอันก็แทบจะไม่มีใครมา Like, Comment, Share เพจร้านค้าของคุณเลย ทั้งที่คุณก็โพสต์อย่างต่อเนื่อง เอ๊ะ!! มันเป็นเพราะอะไร ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะปัญหานี้ที่จริงแล้วผู้ประกอบการเป็นกันทุกคน ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาแชร์เทคนิค 7 ขั้นตอน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 หมวด เพื่อแก้ปัญหาโพสต์ขายของอย่างไรให้น่าสนใจยิ่งขึ้น มาดูกันเลยครับ
หมวดจัดการที่สินค้า
เทคนิคที่ 1
สินค้าต้องแก้ปัญหาได้ : บางทีคุณไปเจอสินค้าสินค้าหนึ่งแล้วคิดว่าน่าจะขายได้ สิ่งแรกที่คุณจะต้องคำนึงเลย ก็คือ สินค้านั้นสามารถแก้ไขปัญหา หรือเพิ่มความสะดวกสบายอะไรให้กับลูกค้าบ้าง ซึ่งคุณก็อาจสงสัยขึ้นมาบ้างว่า “แล้วอย่างนี้ไม่ว่าจะขายของอะไรสินค้านั้นจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหากับคนให้ได้ทุกเรื่องเลยหรือ มันก็ต้องมีสินค้าที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้บ้างสิ” เป็นเช่นนี้ครับ เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้คุณเข้าใจง่าย ๆ เช่น น้ำดื่ม (น้ำเปล่า) ช่วยแก้ไขปัญหาให้คนไม่กระหายน้ำ เพราะอย่างไรคนก็ต้องดื่มน้ำทุกวันอยู่แล้ว แต่ทีนี้ถ้าเกิดเป็นน้ำดื่มเหมือนกันแต่ราคาต่างกันจากราคาขวดละ 5-10 บาท ราคาก็เขยิบขึ้นมาเป็นขวดละ 20-100 บาทล่ะ แต่เป็นน้ำแร่ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะการกระหายน้ำเพียงอย่างเดียวแล้ว ทว่าจะเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนที่รักสุขภาพและส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาหน่อย ทำให้เขาเลือกที่จะดูแลสุขภาพควบคู่กับการใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนทั่วไปอาจมองว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่จริงเรามันคือปัญหาสำหรับคนที่รักสุขภาพครับ เพราะคนเหล่านี้จะคิดอยู่เสมอว่าจะแก้ไขปัญหาใดเพื่อให้เขาสุขภาพดีไม่มีโรคภัย แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ทุกวันนี้ที่คุณได้ใช้จ่ายกันอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็น เงินสด เงินออนไลน์ผ่านมือถือ ก็ล้วนใช้จ่ายเพื่อสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของตัวเองทั้งนั้น
เทคนิคที่ 2
สินค้าต้องแตกต่าง หาที่อื่นไม่ได้ : ที่จริงแล้วการเพิ่มความแตกต่างในธุรกิจสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่างด้วย สินค้า การบริการ ช่องทางการขายและราคา เพื่อให้ประหยัดเวลาคุณมากที่สุด คุณควรโฟกัสเรื่องการเลือกสินค้า เช่น เมื่อคุณคิดมาดีแล้วว่าจะขายสินค้าชินนี้ ซึ่งก็อาจจะมีซ้ำบ้าง ซึ่งทางออกที่ดีคุณควรสร้าง Branding (การสร้างภาพจำของธุรกิจ)ของตัวเองหรือปรับปรุงดีไซน์สินค้าให้แปลกแต่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ นั่นเอง
หมวดจัดการที่โพสต์
เทคนิคที่ 3
เริ่มต้นเขียนโพสต์โดยเรียกชื่อ กลุ่มลูกค้า เช่น แม่บ้าน พ่อบ้าน วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสำหรับคนที่มีปัญหาที่เข้ากับสินค้าและบริการของคุณ : เมื่อคนเหล่านี้เลื่อนโพสต์มาเจอข้อความที่คุณโพสต์ เขาก็จะหยุด เพราะมันตรงกับสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่และหาทางแก้ไข ซึ่งบางครั้งการเขียนโพสต์ลงสินค้าอะไรก็ตามตรงข้อความคุณก็อาจจะต้องเพิ่มเติมสีสันหรือทำให้ลูกค้าอ่านง่าย อาทิเช่น อีโมจิ ตัวหนา เว้นวรรค เพื่อทำให้ลูกค้าสะดุดและเข้ามาอ่านโพสต์ของคุณ
เทคนิคที่ 4
เขียนอธิบายตัวสินค้าว่าสามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้กับกลุ่มลูกค้าในข้อ 1 : ซึ่งผู้ประกอบการเองต้องรู้ถึงรายละเอียดของสินค้า ว่าสินค้าชิ้นนี้มีคุณสมบัติอะไรและแก้ไขให้กลุ่มลูกค้าในเรื่องใดบ้าง รวมไปถึงการถ่ายรูปสินค้าให้ชัดเจน และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนอยากซื้อสินค้าของคุณ นั่นก็คือ แคปชั่นที่ต้องมีความน่าสนใจและตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะถ่ายรูปหรือวางสินค้าไว้เฉย ๆ ซึ่งลูกค้าไม่รู้ถึงสรรพคุณสินค้าชิ้นนี้เลย แล้วจะตัดสินใจซื้อในทันที
เทคนิคที่ 5
แสดงตัวตนให้คนรู้ว่าซื้อกับคน : บางทีการแสดงตัวตนของผู้ขายในรูปแบบการรีวิวหรือไลฟ์สไตล์ ถือว่าเป็นเทคนิคสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าอย่างหนึ่ง เพราะถ้าหากเราโพสต์แต่สินค้าและความรู้ลูกค้าอาจจะงงหรือสงสัยได้ว่าคนที่เป็นเจ้าของร้านนี้มีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน ถ้าซื้อไปแล้วสินค้ามีปัญหาจะสามารถติดต่อกับเจ้าของร้านได้อย่างไร ก็เปรียบเสมือนคุณเดินเข้าร้านเสื้อผ้า แต่เข้าไปแล้วไม่มีคนขาย แต่คุณก็เลือกที่จะเดินดูสินค้ารอสักครู่ แต่ผ่านไป 5-10 นาที แล้วก็ยังไม่มาเป็นคุณคุณก็คงไม่รอ และเลือกที่จะไปซื้อร้านอื่นใช่ไหมครับ?! เพราะอย่างไรการขายของไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการยังไงคนก็ต้องการที่จะซื้อสินค้ากับคนด้วยกันเองมากกว่าอยู่แล้ว
เทคนิคที่ 6
เขียนข้อความให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อ หรือสอบถามได้ : ให้คุณลองสังเกตดูได้เลยครับว่า ร้านค้าขายของออนไลน์มักจะใช้กลยุทธ์เป็นกันเอง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกกล้าที่จะเข้ามาสอบถามเรา อาทิเช่น ถามข้อมูลได้ แม่ค้าใจดีพร้อมตอบฟรี 24 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ด้วยว่าพร้อมที่จะให้บริการลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณก็ต้องบริหารจัดการเวลาของคุณให้ดี
เทคนิคที่ 7
โพสต์บ่อย ๆ คนที่ลังเลจะได้ทัก : เทคนิคนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญและคนส่วนใหญ่ก็อาจจะรู้มาบ้างแล้ว เพราะโพสต์เหล่านี้อาจจะเป็นค่าเฉลี่ยของคุณที่กำลังลังเลหรือสนใจแต่เอาไว้ก่อนให้เข้ามาสอบถามและจนทำการปิดการขายได้ นั่นเอง
ดังนั้น ผู้ประกอบการคนใดที่กังวลเรื่องการโพสต์แล้วไม่มีลูกค้าเลย ผมอยากจะบอกว่าของเหล่านี้ต้องใช้เวลาและองค์ประกอบหลาย ๆ สิ่ง ซึ่งเทคนิคทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ เป็นเทคนิคเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการขายของออนไลน์จะต้องเข้าใจและทำให้ได้เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติของธุรกิจนี้ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีปัจจัยและองค์ประกอบอีกหลายอย่างในการเพิ่มยอดขายที่คุณต้องรู้อีกมาก แต่ผมเชื่อว่าถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จไม่ว่าจะมีเรื่องใดเข้ามาให้คุณเรียนรู้แก้ไขและปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างไรคุณสามารถผ่านมันไปได้ หรือคุณคิดว่าอย่างไรสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
================================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
7 ขั้นตอน แก้ปัญหา โพสต์ขายแล้วไม่มีคนทัก
พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมเพจร้านค้าของตัวเองถึงไม่มีคนสนใจ” หรือในบางทีโพสต์แต่ละอันก็แทบจะไม่มีใครมา Like, Comment, Share เพจร้านค้าของคุณเลย ทั้งที่คุณก็โพสต์อย่างต่อเนื่อง เอ๊ะ!! มันเป็นเพราะอะไร ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะปัญหานี้ที่จริงแล้วผู้ประกอบการเป็นกันทุกคน ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาแชร์เทคนิค 7 ขั้นตอน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 หมวด เพื่อแก้ปัญหาโพสต์ขายของอย่างไรให้น่าสนใจยิ่งขึ้น มาดูกันเลยครับ
หมวดจัดการที่สินค้า
เทคนิคที่ 1 สินค้าต้องแก้ปัญหาได้ : บางทีคุณไปเจอสินค้าสินค้าหนึ่งแล้วคิดว่าน่าจะขายได้ สิ่งแรกที่คุณจะต้องคำนึงเลย ก็คือ สินค้านั้นสามารถแก้ไขปัญหา หรือเพิ่มความสะดวกสบายอะไรให้กับลูกค้าบ้าง ซึ่งคุณก็อาจสงสัยขึ้นมาบ้างว่า “แล้วอย่างนี้ไม่ว่าจะขายของอะไรสินค้านั้นจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหากับคนให้ได้ทุกเรื่องเลยหรือ มันก็ต้องมีสินค้าที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้บ้างสิ” เป็นเช่นนี้ครับ เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้คุณเข้าใจง่าย ๆ เช่น น้ำดื่ม (น้ำเปล่า) ช่วยแก้ไขปัญหาให้คนไม่กระหายน้ำ เพราะอย่างไรคนก็ต้องดื่มน้ำทุกวันอยู่แล้ว แต่ทีนี้ถ้าเกิดเป็นน้ำดื่มเหมือนกันแต่ราคาต่างกันจากราคาขวดละ 5-10 บาท ราคาก็เขยิบขึ้นมาเป็นขวดละ 20-100 บาทล่ะ แต่เป็นน้ำแร่ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะการกระหายน้ำเพียงอย่างเดียวแล้ว ทว่าจะเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนที่รักสุขภาพและส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาหน่อย ทำให้เขาเลือกที่จะดูแลสุขภาพควบคู่กับการใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนทั่วไปอาจมองว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่จริงเรามันคือปัญหาสำหรับคนที่รักสุขภาพครับ เพราะคนเหล่านี้จะคิดอยู่เสมอว่าจะแก้ไขปัญหาใดเพื่อให้เขาสุขภาพดีไม่มีโรคภัย แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ทุกวันนี้ที่คุณได้ใช้จ่ายกันอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็น เงินสด เงินออนไลน์ผ่านมือถือ ก็ล้วนใช้จ่ายเพื่อสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของตัวเองทั้งนั้น
หมวดจัดการที่โพสต์
เทคนิคที่ 3 เริ่มต้นเขียนโพสต์โดยเรียกชื่อ กลุ่มลูกค้า เช่น แม่บ้าน พ่อบ้าน วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสำหรับคนที่มีปัญหาที่เข้ากับสินค้าและบริการของคุณ : เมื่อคนเหล่านี้เลื่อนโพสต์มาเจอข้อความที่คุณโพสต์ เขาก็จะหยุด เพราะมันตรงกับสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่และหาทางแก้ไข ซึ่งบางครั้งการเขียนโพสต์ลงสินค้าอะไรก็ตามตรงข้อความคุณก็อาจจะต้องเพิ่มเติมสีสันหรือทำให้ลูกค้าอ่านง่าย อาทิเช่น อีโมจิ ตัวหนา เว้นวรรค เพื่อทำให้ลูกค้าสะดุดและเข้ามาอ่านโพสต์ของคุณ
เทคนิคที่ 4 เขียนอธิบายตัวสินค้าว่าสามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้กับกลุ่มลูกค้าในข้อ 1 : ซึ่งผู้ประกอบการเองต้องรู้ถึงรายละเอียดของสินค้า ว่าสินค้าชิ้นนี้มีคุณสมบัติอะไรและแก้ไขให้กลุ่มลูกค้าในเรื่องใดบ้าง รวมไปถึงการถ่ายรูปสินค้าให้ชัดเจน และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนอยากซื้อสินค้าของคุณ นั่นก็คือ แคปชั่นที่ต้องมีความน่าสนใจและตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะถ่ายรูปหรือวางสินค้าไว้เฉย ๆ ซึ่งลูกค้าไม่รู้ถึงสรรพคุณสินค้าชิ้นนี้เลย แล้วจะตัดสินใจซื้อในทันที
เทคนิคที่ 6 เขียนข้อความให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อ หรือสอบถามได้ : ให้คุณลองสังเกตดูได้เลยครับว่า ร้านค้าขายของออนไลน์มักจะใช้กลยุทธ์เป็นกันเอง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกกล้าที่จะเข้ามาสอบถามเรา อาทิเช่น ถามข้อมูลได้ แม่ค้าใจดีพร้อมตอบฟรี 24 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ด้วยว่าพร้อมที่จะให้บริการลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณก็ต้องบริหารจัดการเวลาของคุณให้ดี
เทคนิคที่ 7 โพสต์บ่อย ๆ คนที่ลังเลจะได้ทัก : เทคนิคนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญและคนส่วนใหญ่ก็อาจจะรู้มาบ้างแล้ว เพราะโพสต์เหล่านี้อาจจะเป็นค่าเฉลี่ยของคุณที่กำลังลังเลหรือสนใจแต่เอาไว้ก่อนให้เข้ามาสอบถามและจนทำการปิดการขายได้ นั่นเอง