[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ ไชน่าทาวน์ : ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว โจ๊กอาม่า เจ๊สี่ อึ้งเป็งชุง อื้อเล่งเฮง

ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว @ ถนนพระรามที่ 4
หาร้านอาหารร้านหนึ่งแถววงเวียน 22 กรกฎาคมด้วยกูเกิ้ลแม็พ
ไปสะดุดตาร้านโจ๊กอาม่า เช็คเวลาขาย ขายตั้งแต่ตีสี่ถึงเก้าโมงเช้าทุกวัน
เปิดเช้าแบบนี้น่าจะมีดี เพราะมีคนไม่กินตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นมาโห่ จวนเจียนจะไปหลายครั้ง
แต่ติดนี่นั่น คือ ติดเตียงนอน แต่วันเสาร์ที่ 27-3-21 ต้องไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาด
7.39 น.ลงรถตรงข้าม "อวกซัมจิ่ง" หรือวัดสามจีน หรือวัดไตรมิตรฯ ระหว่างซอยสุกร 1 และ 2





ข้ามถนนไตรมิตร หรือถนนมิตรภาพไทย-จีน เพื่อไปเข้าตรอกสุกรไปออกถนนพระรามที่ 4



กลางตรอกสุกรฝั่งซอยมือ 
เคยมีร้านโจ๊กเด็กขวัญใจนักเรียนโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย และโรงเรียนมหาวีรานุวัตร
แม้จะแวะมาหลายครั้งช่วงที่เจ๊แกป่วย จนเจ๊เสียชีวิต ก็ไม่มีโอกาสได้ชิม 



ตรอกสุกรยาวประมาณ 50 เมตร ถึงถนนพระรามที่ 4 เลี้ยวซ้าย



แวะเก็บภาพศาลเจ้าเห้งเจีย หรือศาลเจ้าไต่เซี่ยฮุกโจ้ว ที่บูรณะเสร็จ 99.99 % แล้ว 
ศาลเจ้าเห้งเจียแห่งนี้ น่าจะเป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายในอาคารที่เล็กที่สุด ตั้งอยู่ในห้องแถว 1 ห้อง
อันเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดไตรมิตรฯ ด้านหลังเดินทะลุออกวัดไตรมิตรฯ ได้
งานประจำปีของศาลทุกวันที่ 13 กันยายน จัดในวัดไตรมิตรฯ มีขบวนแห่เล็ก ๆ และมีงิ้วแสดงถวายทุกปี
ถือเป็นศาลเจ้าเห้งเจียที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เดิมตั้งอยู่ในวัดไตรมิตรฯ
ศาลเจ้าเห้งเจียเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม
ทางเท้าริมถนนตั้งศาลฟ้าดิน (ทีกง) จุดธูปไหว้หันหน้าออกถนน



ด้านนอกวาดลวดลายจีนลงสีสวยงาม 
ผนังข้างประตูทางเข้าทั้งสองข้างแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ประดับภาพปูนปั้นนูนเรื่องราวของไซอิ๋ว
ฝั่งซ้าย







ฝั่งขวา





ยกมือไหว้ขออนุญาตไต่เซี่ยฮุกโจ้วถ่ายรูปแล้วก้าวเข้าไปในศาล
การถ่ายรูปภายในศาลเจ้าทุกแห่งนั้น ควรยกมือไหว้ขออนุญาตองค์เทพประธานของศาลก่อน
นอกจากเพื่อแสดงความเคารพแล้ว ยังเป็นการขออภัยหากมีสิ่งใดล่วงเกินโดยมิได้มีเจตนา
ผู้ดูแลศาลก็ให้ความเป็นมิตร สอบถามเรื่องราวก็ยินดีให้ข้อมูล
ศาลเจ้าเห้งเจียเป็นศาลเจ้าที่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แสดงความยินดีเชื้อเชิญให้ถ่ายรูป
ผู้จัดการศาลแม้จะเสียงดังหน้าดุ แต่อัธยาศัยดี



เมื่อก้าวเข้ามาภายในศาลเจ้า ทางขวามือ คือ เตาเผากระดาษทรงเจดีย์นิยม 
เพื่อความปลอดภัยของผู้มาไหว้ที่จะโดนเตาลวก ปัจจุบันไม่ใช้เผากระดาษแล้ว 



ทางซ้ายมือเป็นภาพขบวนเทวดาใต้ป้าย "ซัมจิ่ง" หรือสามจีนตามชื่อเดิมของวัดไตรมิตรฯ
เพราะมีชาวจีนซึ่งเป็นเพื่อนกัน 3 คน ได้ร่วมแรงร่วมใจสร้างวัดนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นศาสนสถาน
ที่จะใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล ภายหลังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อพ.ศ.2482
https://travel.trueid.net/detail/m0gr288wBPQx



ผนังภายในศาลเจ้าเดิมมีแค่ภาพถ่าย ตู้ธูปเทียนและตู้ใส่ใบเซียมซี
แต่เมื่อบูรณะใหม่ย้ายออกหมด เพิ่มภาพวาดวรรณกรรมจีนไซอิ๋ว ภาพแรกซ้ายมือเล่าเรื่องกำเนิดเห้งเจีย
-เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง เป็นหนึ่งในตัวละครเอกเรื่องไซอิ๋ว เดิมเป็นหินที่ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมากว่า 1,000 ปี 
วันหนึ่งหินแตกแตก มีลิงขนทองตัวหนึ่งกระโดดออกมา ลิงตัวนั้นจึงได้ไปอยู่กับฝูงลิงที่เขาไม้ผล 
(เขาฮวยก๊วย จีนกลางว่า เขาฮัวกั่ว) และตั้งตัวเป็นหัวหน้าฝูง บรรดาลิงในฝูงนับถือเป็นท่านอ๋อง 
ฉายา "มุ้ยเกาอ๋อง" (พญาวานรโสภา) วันหนึ่ง ลิงตัวนี้เห็นลิงในฝูงตัวหนึ่งตายลงด้วยความแก่ 
จึงเกิดความคิดจะออกเดินทางไปหาวิชาที่จะไม่ทำให้เจ็บ ไม่ทำให้ตาย จึงออกจากฝูง
เดินทางเสาะแสวงหาผู้รู้ไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็พบกับนักพรตรูปหนึ่งนามว่า "โผเถโจ๊ซือ" 
คือ พระอาจารย์โพธิ เมื่อนักพรตรับเป็นศิษย์ ได้ฝึกวิชาต่าง ๆ เช่น การแปลงกายที่แปลงได้ 72 ร่าง
ตีลังกาได้ไกลกว่า 100,000 ลี้ ยืด-หดตัวได้, ถอนขนเสกเป็นของต่าง ๆ ขี่เมฆวิเศษ เป็นต้น 
พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "ซึงหงอคง" เมื่อฝึกวิชาสำเร็จแล้ว หงอคง เกิดลำพองใจ ไปอาละวาดอวดวิชา
ตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งสวรรค์ หรือบาดาล (วิกิ)



เริ่มด้วยการถล่มวังบาดาล ได้ของวิเศษ คือ ไม้พลองทอง ซึ่งเป็นเสาค้ำบาดาล
กลายเป็นอาวุธประจำกายสั่งให้หดสั้นเก็บไว้ในรูหู



จิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่ มักสอดแทรกภาพอารมณ์ขันสมัยใหม่เข้าไปด้วย
เช่น ภาพวาดยอดมนุษย์อุลตร้าแมนที่วัดร่องขุ่น เชียงราย
ที่ศาลเจ้าเห้งเจียก็เช่นกัน ขณะที่เห้งเจียกำลังถล่มวังบาดาลอยู่นั้น
ให้ปรากฏเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์จากโลกคู่ขนาน (Earth 2/Parallel world) ลอบเข้ามาสังเกตการณ์





เมื่อเห้งเจียอาละวาดไปทั้งสามภพจนปั่นป่วนกันไปหมด 
เง็กเซียนฮ่องเต้จึงคิดกลอุบายแต่งตั้งให้เป็น "ปี้ม่าอุน" ดูแลคอกม้าบนสวรรค์ เห้งเจียดีใจนึกว่าตำแหน่งใหญ่
ภายหลังทราบว่าเป็นเพียงตำแหน่งต่ำต้อยก็โกรธอาละวาด เง็กเซียนฮ่องเต้จึงส่งทหารสวรรค์นับ 100,000 นาย 
และเทพต่าง ๆ ไปจับก็จับไม่ได้ กลับถูกเห้งเจียปราบกลับมาจนเข็ดเขี้ยวตาม ๆ กัน ในที่สุด เง็กเซียนฮ่องเต้ 
ต้องยอมให้เห้งเจียขึ้นเป็นใหญ่ พร้อมตั้งให้เป็น "มหาเทพ" (ฉีเทียนต้าเซิ้น แปลตามตัวว่า ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน) 
แม้ยศตำแหน่งจะดูใหญ่ แต่มีหน้าที่ดูแลสวนท้อสวรรค์ วันหนึ่งเห็นเหล่านางฟ้าเด็ดผลท้อวิเศษจะไปถวายเจ้าแม่
บรรดานางฟ้าหัวเราะเยาะว่ามีตำแหน่งต่ำต้อยเกิดความโกรธอาละวาดฉกมากินจนหมด 
ทำให้เห้งเจียกลายเป็นอมตะ จากนั้นอาละวาดไปทั่วแดนสวรรค์





สวรรค์ระดมกองทัพมาปราบเห้งเจียอีกครั้ง แต่ปราบไม่ได้ แม้แต่นาจา ซี่ไต่เทียงอ๊วง (สี่เทพจตุรบาล) 
เทพสามตายังแพ้ เมื่ออับจนหนทาง สุดท้ายแล้วสวรรค์ต้องขอไปอัญเชิญขอพึ่งบารมี 
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า หรือที่ชาวจีนเรียกพระพุทธองค์ว่าพระยูไล
ให้มาช่วยปราบ แต่เห้งเจียหงอคงก็หาได้กลัวไม่ หงอคงอ้างว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ หรือเทพใดๆก็สู้ตนไม่ได้เอง 
ดังนั้นตน จึงมีสิทธิที่จะครอบครองสวรรค์ พระยูไลจึงตรัสแก่หงอคงว่า "ถ้าเจ้ากระโดดออกไปพ้นฝ่ามือเราได้ 
เราก็จะเจรจากับเง็กเซียนฮ่องเต้ ให้ยอมให้เจ้าครองสวรรค์ต่อไป” แต่เมื่อเหาะมาได้ไกลมากพอดู หงอคงก็แลเห็น 
เสาหินปักอยู่ 5 ต้น เสาทั้ง 5 ต้นได้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าลิบ ๆ ด้วยความดีใจ และเข้าใจผิดคิดว่า
เสาทั้ง 5 ต้นนั้น คือจุดที่กำหนด บอกถึงที่สุดขอบโลกอย่างแน่นอน จึงจารึกของตัวเองไว้เป็นที่ระลึกด้วยว่า 
"หงอคง" และยังได้ฉี่ลดที่ต้นเสาอีกด้วย หมายให้เป็นหลักฐานอ้างอิงกับพระพุทธองค์ และได้เหาะย้อนกลับมา
ที่เดิมอีกครั้ง องค์พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสอะไร ได้แต่ยกพระหัตถ์ ของพระองค์ขึ้นให้เห้งเจียดูที่นิ้ว
พระหัตถ์ของพระองค์นั้น ปรากฏอักษรคำว่า "หงอคง" ที่หงอคงได้เขียนเอาไว้ ปรากฏเห็นอยู่ว่า
หงอคงบินเหาะอยู่แต่ในพระหัตถ์ขององค์พระพุทธเจ้าแค่นั้นเอง จึงถูกลงโทษให้ถูกจองจำใต้ภูเขา “โกเคียว”
หรือหุบเขา 5 ธาตุเป็นเวลา 500 ปี และผู้ที่จะช่วยออกมาได้ คือ พระถังซัมจั๋ง ผู้เดียวเท่านั้น 
และเห้งเจียต้องบวชเป็นลูกศิษย์รับใช้พระถังซัมจั๋งไปอัญเชิญพระไตรปิฤกที่ชมพูทวีป 
และมีหน้าที่คุ้มครองพระถังซัมจั๋งไปตลอดทาง (วิกิ)
https://www.facebook.com/nannapatmuaylek/posts/1852030401732690/







500 ปีผ่านไป พระถังซัมจั๋ง (เสวียนจั้ง) ได้รับบัญชาจากถังไท่จงฮ่องเต้ กษัตริย์แห่งราชวงศ์ถัง 
ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ให้เป็นผู้ไปอัญเชิญพระไตรปิฏก ณ ชมพูทวีปอันห่างไกล (วิกิ)
พระถังซัมจั๋งเดินทางมาถึงเขาห้านิ้ว หรือเขาห้าธาตุ ได้ยินเสียงเห้งเจียขอความช่วยเหลือ
จึงเอาใบไม้รองน้ำมาให้ดื้ม แต่ก่อนที่พระถึงซัมจั๋งจะดังยันต์ปลดปล่อยเห้งเจีย เจ้าแม่กวนอิม
ซึ่งทราบดีถึงความพยศและอารมณ์ร้อนของเห้งเจีย ได้ขอให้เห้งเจียยอมสวมมงคลทอง
พร้อมมอบคาถาให้พระถังซัมจั๋ง ไว้คอยกำราบเห้งเจีย มงคลนี้จะหายไปเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจ
พร้อมทั้งมอบม้ามังกรขาว ซึ่งเป็นเป็นโอรสองค์ที่สามของเจ้ามังกรเอ๋ายุ่น ที่เจ้าแม่กวนอิมช่วยชีวิตไว้ 
ให้เป็นพาหะนะของพระถังซัมจั๋งตลอดการเดินทาง (วิกิ)



บนเส้นทางสู่ตะวันตก (ไซอิ๋ว) อัญเชิญพระคัมภีร์เป็นเวลา 14 ปี ได้รับศิษย์เพิ่มเติมอีกสองคน 
คือ รับตือโป๊ยก่าย (จูป่าเจี้ย) จากหมู่บ้านสกุลเกา และรับซัวเจ๋งจากแม่น้ำหลิวซาเหอ



ทั้งห้าร่วมผจญเภทภัยเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดประการ เช่น ปีศาจกระดูกขาว ปีศาจกระทิง ปีศาจแมงมุม



สุดท้ายเสร็จสิ้นภาระกิจที่ชมพูทวีป



รูปเคารพในศาลเจ้าเห้งเจีย ทางขวามือ  คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลพระพุทธ



ตรงกลางมีรูปปั้นเทพเจ้าเห้งเจียสวมชุดเกราะถือพลองทองขนาดใหญ่ออกรบ



และรูปปั้นกระเบื้องจีน (ฮุ้ย) ที่มีผู้นำมาถวาย
ทั้งหมดเป็นรูปปั้นก่อนสำเร็จเซียนบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์





หลังสุดมีสองศาล มีรูปปั้นของเทพเจ้าเห้งเจีย
เมื่อสำเร็จเซียนบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์ มีพระนามใหม่ว่า "ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว"
ศาลเจ้าไต่เสี่ยฮุกโจ้ว จึงถือเป็นศาลเจ้าประจำคนเกิดปีวอก





7.49 น.กราบลาไต่เสี่ยฮุกโจ้ว

ชื่อสินค้า:   บะหมี่แห้งหน่อไม้ผัดซีอิ๊ว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่