ขอปรึกษาหน่อยคะ
เรื่องของเรา คิดมาพักนึงแล้วคะ (ยาวหน่อยนะคะ)
แฟนเราไปทำงานต่างประเทศ
ตอนก่อนไป เราคิดว่า จะแต่งงานกัน เรารับปากจะแต่งกับเขาเพราะคิดว่าเขารักเรา (มาก)
แต่พอรับปาก เราบอกเขาว่า เอ้อ เป็นโรคลมชักอ่ะนะ
จริงๆแล้วเราก็เคยบอกเขาก่อนหน้านั้น แต่เหมือนเขาเพิ่งได้ยินตอนนี้
(ความคาดหวังเราคือ เขาจะบอกเราว่า เราจะดูแลกัน... แต่ผลกลายเป็น ตอนนั้นเขาขอชะลองานแต่ง แล้วพูดประโยคนึงออกมา ที่เรายังทำใจวางไม่ลง คือ ไม่มีใครรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง)
แล้วพาเราไปตรวจซ้ำจนคอนเฟิร์มว่าเราไม่ได้เป็นลมชัก แต่อาจจะมีระบบประสาทส่วนอื่นที่ทำงานผิดปกติ (ซึ่งก็ไม่ได้ตรวจต่อ)
จากนั้นก็มาเรื่องที่เราซื้อของเข้าบ้านจนแบบ
การเงินเราติดลบ ต้องไปเอาเงินเก็บมาใช้
(เพราะตอนแรกตั้งใจจะแต่งงานกันก่อนเขาไปต่างประเทศ) ในขณะที่เขาบอกเราว่า เขาแค่เงินที่จะเก็บเพิ่มลดลง...
พอหลายๆอย่างไม่ลงตัว เลยทำให้เราขอเลื่อน
เขาขอให้เราไปขอโทษครอบครัวเขาเอง
เพราะเราเป็นคนขอเลื่อนซึ่งเราก็ยอมทำตามนั้น
(ยังไม่ได้แจกการ์ด แต่ทางญาติเขาจองตั๋วไว้แล้ว)
....
..
ช่วงที่เขาไปต่างประเทศ
(เราคาดหวังว่าเขาจะพยายามทำบ้านมากขึ้น)
เรายอมรับว่าเราไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม เพราะคิดว่าเราจ่ายเยอะเกินไป ถ้าเทียบกับรายรับของตัวเรา
และพอย้ายมาอยู่บ้าน ค่าใช่จ่ายเล็กๆน้อยๆ เช่นตัดหญ้า มันประดังประเดมาที่เรา เราลำบากพอสมควรเลยในขณะที่ ความคาดหวังเราแต่แรก ก็ไม่เป็นตามนั้นคะแฟนเราพูดแต่ว่ารอเขากลับมาแล้วจะทำนั่น จะทำนี่
เรากลับเริ่มรู้สึกว่า ทำไมเราไม่ลำบากขนาดนี้
เพื่อให้เรามีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง
ทำไมเราต้องลำบากเพื่อให้เรามีกัน
เราเริ่มมีคำถามว่า เราพยายามมากไปไหม
แล้วเราก็พาลรู้สึกอยากปล่อยมือไปดื้อๆ
...
เพื่อนๆคะ เราควรจะทำไงดีคะ
เราควรต้องเข้าใจหรือเปล่า
เราควรถอย หรือควรพยายามเข้าใจคะ
เรื่องของเรา คิดมาพักนึงแล้วคะ (ยาวหน่อยนะคะ)
แฟนเราไปทำงานต่างประเทศ
ตอนก่อนไป เราคิดว่า จะแต่งงานกัน เรารับปากจะแต่งกับเขาเพราะคิดว่าเขารักเรา (มาก)
แต่พอรับปาก เราบอกเขาว่า เอ้อ เป็นโรคลมชักอ่ะนะ
จริงๆแล้วเราก็เคยบอกเขาก่อนหน้านั้น แต่เหมือนเขาเพิ่งได้ยินตอนนี้
(ความคาดหวังเราคือ เขาจะบอกเราว่า เราจะดูแลกัน... แต่ผลกลายเป็น ตอนนั้นเขาขอชะลองานแต่ง แล้วพูดประโยคนึงออกมา ที่เรายังทำใจวางไม่ลง คือ ไม่มีใครรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง)
แล้วพาเราไปตรวจซ้ำจนคอนเฟิร์มว่าเราไม่ได้เป็นลมชัก แต่อาจจะมีระบบประสาทส่วนอื่นที่ทำงานผิดปกติ (ซึ่งก็ไม่ได้ตรวจต่อ)
จากนั้นก็มาเรื่องที่เราซื้อของเข้าบ้านจนแบบ
การเงินเราติดลบ ต้องไปเอาเงินเก็บมาใช้
(เพราะตอนแรกตั้งใจจะแต่งงานกันก่อนเขาไปต่างประเทศ) ในขณะที่เขาบอกเราว่า เขาแค่เงินที่จะเก็บเพิ่มลดลง...
พอหลายๆอย่างไม่ลงตัว เลยทำให้เราขอเลื่อน
เขาขอให้เราไปขอโทษครอบครัวเขาเอง
เพราะเราเป็นคนขอเลื่อนซึ่งเราก็ยอมทำตามนั้น
(ยังไม่ได้แจกการ์ด แต่ทางญาติเขาจองตั๋วไว้แล้ว)
....
..
ช่วงที่เขาไปต่างประเทศ
(เราคาดหวังว่าเขาจะพยายามทำบ้านมากขึ้น)
เรายอมรับว่าเราไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม เพราะคิดว่าเราจ่ายเยอะเกินไป ถ้าเทียบกับรายรับของตัวเรา
และพอย้ายมาอยู่บ้าน ค่าใช่จ่ายเล็กๆน้อยๆ เช่นตัดหญ้า มันประดังประเดมาที่เรา เราลำบากพอสมควรเลยในขณะที่ ความคาดหวังเราแต่แรก ก็ไม่เป็นตามนั้นคะแฟนเราพูดแต่ว่ารอเขากลับมาแล้วจะทำนั่น จะทำนี่
เรากลับเริ่มรู้สึกว่า ทำไมเราไม่ลำบากขนาดนี้
เพื่อให้เรามีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง
ทำไมเราต้องลำบากเพื่อให้เรามีกัน
เราเริ่มมีคำถามว่า เราพยายามมากไปไหม
แล้วเราก็พาลรู้สึกอยากปล่อยมือไปดื้อๆ
...
เพื่อนๆคะ เราควรจะทำไงดีคะ
เราควรต้องเข้าใจหรือเปล่า