หลังจากที่ห่างหายไปจาก ห้องสีฟ้าไปนาน  วันนี้... "เฮ้าทิกท้อ" กลับมาอีกครั้ง  
มาทำอะไร  --->  มา Review  การเดินทางไปกาญจนบุรี  โดยรถไฟ  ปู๊น ปู๊นนน ฉึก ฉัก ฉึก ฉัก  

ช่วง  Covid-19  อยู่ติดบ้าน  ไม่ได้ออกไปมองโลกกว้างเลย  
เริ่มจากการนั่งดู  Youtube  คนนั้น คนนี้ไปเที่ยว โน่น นี่ กัน  (ก็ได้แค่จินตนาการตาม "ทำให้ตัวเองเป็นสุข")

มาระยะหนึ่ง  Covid-19  เริ่มซา   เราก็เริ่มคิดเรื่องเที่ยว "อีกครั้ง"
พอดี๊ พอดี  เจอเค๊า Review  การเดินทางไปเที่ยวกาญฯ  โดยรถไฟ
เออเฮ้ย!!  มันประหยัดดีนะ  แต่บางคนว่าเหนื่อยบ้าง ลำบากบ้าง โหดบ้าง  
แต่เฮ้ย!!  เราก็ต้องลองเองป่ะวะ  "ไม่เคยเชื่อใคร  ถ้ายังไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง"

ด้วยความที่ยังไม่เคยนั่งรถไฟ  Local แบบนี้เลย   "ครั้งแรกเลยนะเนี่ยะ"
และแล้ว  ประโยคที่มีใครคนหนึ่งได้ทิ้งไว้ใน Review Youtube  ว่า......
"ถ้าเราอยากจะเห็นอะไรบางสิ่งที่ไม่เคยเห็น   เราต้องลองทำอะไรบางอย่างที่ยังไม่เคยทำ"

ครุ่นคิดในหัว  จะไป จะไป จะไป   
ไปเป็นเหรอ   --->  หึ!!  ไม่เป็นอ่ะ   แล้วทำไงอ่ะ  ตื้อแฟนดิ  555+  พาไปหน่อยจ้ะ
แฟนตอบ  Say Yes.   แล้วจะรีรอทำไมอ่ะ   เริ่มกาง  Notebook  แล้ว Plan Trip  ในทันที
และแล้ว ในวันศุกร์ที่ 02 เมษายน 64  Trip  Kanchanaburi  ก็แล้วเสร็จภายใน 1 วัน   
พร้อมเดินทางในวันเสาร์ที่ 03 เมษายน 64  กันเล๊ยยยยย  (เรื่องเที่ยว  ขอให้บอก  555+)

และคืนที่ทำ Plan เสร็จนั้นเอง  ก็จับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า  พร้อมหอบหิ้วหมวกกันน็อคคนละใบ  เพื่อจะไปเช่ามอเตอร์ไซค์แว๊นกันที่โน่น   แง๊น แง๊น 

โดย  Trip นี้   เราสองอ้วน  จะไปแบบ  Backpack  และค้าง 1 คืน   (2 Day 1 Night)   

มาจ๊ะ...  เรามาเริ่มกันเลย



ก่อนอื่น เราสามารถใช้  Web การรถไฟแห่งประเทศไทย  เพื่อเช็คตารางการเดินรถไฟได้  (แต่ไม่สามารถจองออนไลน์ได้) สะดวกไปอี๊กกก 
http://www.railway.co.th/Home/Index


เราจะเริ่มจาก  สถานีรถไฟ  "ธนบุรี"  
รถไฟจาก  สถานีธนบุรี  (07:45 น.) ไปถึง สะพานแควใหญ่  (10:42 น.) ค่ารถไฟถู๊ก ถูกแหละเธ๊อ  25 บาท / คน เอ๊งงง  (ไม่ระบุที่นั่ง  จับจองได้เลย)

หมายเหตุ  :   ปกติ  วันธรรมดา  จะมีรถไฟวันละ 1 ขบวนเท่านั้น  คือออกจาก ธนบุรี  13:55 น. ถึงสะพานแควใหญ่  16:32 น.  
                    วันเสาร์ - อาทิตย์  และวันหยุดนักขัตฤกษ์  จะมีเพิ่มขึ้นมา 1 ขบวน  เวลาเดินรถไฟ  ตามภาพที่แสดงด้านบนเลยจ้าาา

ไปจ้ะ... ไปซื้อตั๋วก่อนนะจ๊ะ

แล้วก็มานั่งรอตรงนี้เลยจ้ะ  ชานชาลาที่ 1

ชานชาลาที่ 1   (สังเกตุง่ายๆ  ตรง Cafe' Amazon นั่นแหละ)

รถไฟมาแล้ววววว  ให้สังเกตุข้างตู้  จะมีป้ายบอก  ธนบุรี - น้ำตก    กระโดดขึ้นเลยจะ  อย่าโดดพลาด  บันไดจะฟาดปาก 555+


ในระหว่างทาง  ก็จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจตั๋วรถไฟ  และตามด้วย พ่อค้า แม่ค้า  คุณตา คุณยาย  ขึ้นมาขายก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ น้ำดื่ม ถั่วต้ม  อย่างละ 10 บาทเท่านั้น  



นั่งเพลินๆ ไป  อากาศก็จะร้อนๆ หน่อย  แต่ยังดีที่มีลมโกรก หัวเถลิก ตลอดเวลา  555555+  ได้อารมณ์ไปอีกแบบเน๊อะ

ผ่านไปประมาณ  3 ชั่วโมง  เราก็ถึง  สถานีที่เฝ้ารอ  "สะพานแควใหญ่"  นั่นเอง

[ แต่...  แต่เราสองอ้วน  เลือกที่ยังจะไม่เที่ยวที่สะพานแควใหญ่นะ  เพราะเราหิว  555+  ไม่ใช่!!  คือเรา Plan ว่าเราจะไปแวะถ่ายรูปที่ "สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก" ก่อน แล้วไปหาอะไรรับประทาน (ดูดีแมะ?)  ที่  Kan Machi Cafe นั่นเอง   (ส่วนสะพานแควใหญ่  ค่อยมาถ่ายภาพสวยๆ  วันพรุ่งนี้  เพราะต้องขึ้นจากสะพานแควใหญ่ ไปถ้ำกระแซ)  แล้วไง  เราจะไปไหนได้  ถ้ายังไม่โทรหาร้านเช่ารถมอไซค์ 555+ ]

ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่เราติดต่อไว้  ชื่อร้าน   Enjoy Car Rent  เบอร์ติดต่อ คุณเหมียว  080-038-3052   (อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสะพานแควใหญ่)
รายละเอียดการเช่ามอเตอร์ไซค์ตามนี้เลยจ้ะ   วันละ 300 บาท  (มัดจำค่าเสียหาย  1,000 บาท  แต่หากใครไม่สะดวกวางมัดจำ  ให้วางเป็นบัตรประชาชนแทนจ้ะ)  น้ำมันเต็มไป เต็มกลับ ,  มารับไปรับรถเช่า  Free!!  (แต่ตอนมาส่งรถ แล้วทางร้านขี่มาส่งเราที่สถานีรถไฟ  จ่ายค่าส่ง 20 บาท)  มีหมวกกันน็อคให้พร้อม  (แต่เราสองอ้วน  หอบหิ้วพะรุงพะรังไปกันเอง  ของส่วนตัวเน๊อะ!!)  


ไปจ๊ะ!!  แว๊นกันเลย      ------>  เราจะเดินทางไปยังที่พัก
เราจองที่พักทาง www.booking.com  ไว้  (ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต  ไปจ่ายตอน  Check In)

ชื่อห้องพัก  Canaan Guesthouse  (อ่านว่า  คะนาอัน เกรสเฮ้าส์)  
มีห้องน้ำในตัว แอร์เย็นสบาย ห้องน้ำกว้าง สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม 2 ขวด ทิชชู่ 2 ม้วน คือมีเพียบพร้อมมาก ในราคา 360.-/คืน (ไม่รวมอาหารเช้า) #ถือว่าเกินคุ้ม อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากที่นี่ได้เลย มีที่จอดรถด้านใน ปลอดภัย หายห่วง ------> พี่จอยยินดีให้บริการจ้ะ เบอร์ติดต่อ ☎️ 090-498-2063
(จะเล่าว่า  ทีแรกอ่ะ  เราจองห้องพักแบบ ห้องน้ำรวมไว้  ราคา 293 บาท  (ไม่รวมอาหาร ก็ถือว่าถูกมากกกกก!)  แต่หลังจาก Check In และออกไปเที่ยว แล้วกลับเข้ามา  พี่จอยเจ้าของที่พัก  แจ้งว่า  ให้เราย้ายไปห้องที่มีห้องน้ำในตัว  เพราะน้ำในห้องน้ำรวม  น่าจะท่อรั่ว น้ำไหลไม่หยุด  ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะเป็นความผิดพลาดของทางพี่เอง  "พี่จอยว่างั้น 555+"  โอ้วววว...สบายเลยอ่ะ)



พอ Check In เสร็จ  เราก็สั่งข้าวมารองท้องกันก่อน  หิวแย้ว!!   
คือแล้วเราสองอ้วน ก็กระหายเปบซี่ใส่น้ำแข็งกันมาก  แต่ร้านพี่จอยอ่ะไม่มี  แกก็โทรไปสั่ง  พร้อมไปหิ้วมาให้ด้วย  น่ารักจริงเชียว
นี่ไง... ข้าวกระเพราไก่ กับปลาหมึก ไข่ดาว  จานละ 45 บาท  (ถูกไปอีก)

พอกินเสร็จ พร้อมออกเดินทางอีกครั้ง ไปต่อที่  "สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก"  (เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ตั้งใจไปเยี่ยมชม  เพื่อระลึกถึงทหารเชลยศึกที่สละเลือด เนื้อ และทิ้งชีวิต ไว้เป็นไม้หมอนรองรางรถไฟสายมรณะ (เดี๋ยวจะนำภาพมาให้ชมกันน๊า) 

(ประวัติคร่าวๆ ของ สุสานทหารสัมพันธมิตดอนรัก  หรือ "สุสานทหารสหประชาชาติ" หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า "ป่าช้าอังกฤษ" เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม โดยเชลยศึก 300 คนเสียชีวิตด้วยอหิวาตกโรคและฝังไว้ที่ค่ายนิเกะ (ประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนถึงด่านเจดีย์สามองค์)ส่วนที่เหลือได้จากหลุมฝังศพเชลยศึกตามค่ายต่างๆและยังมีสุสานช่องไก่ ซึ่งรัฐบาลไทยและฝ่ายสัมพันธมิตรได้ตกลงกันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2497 เพื่อสร้างสุสานสองแห่งนี้ขึ้น บรรยากาศในสุสานเงียบสงบและร่มรื่น พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม เหนือหลุมฝังศพทุกหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึก ชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต บรรทัดสุดท้ายเป็นคำไว้อาลัยที่โศกเศร้า ทุกปีจะมีวันที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่างๆได้แก่
วัน Anzac Day 25 เมษายน ของชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
วัน Armistice Day 5 พฤษภาคม ของชาวเนเธอร์แลนด์
วัน Remembrance Day 11 พฤศจิกายน ของชาวอังกฤษ)

ไปจ้ะ...   แว๊นไปต่อกันที่  Kan Machi Cafe   

แต่น แตน แต๊นนนนน ถึงแล้วจ้าาาาา  "Kan Machi Cafe"  อีกหนึ่ง  Landmark  ที่พุ่งเป้ามามากอ่ะ  บอกเลย


Location แจ๋วมากอ่ะทู๊กกกคน   ส่วนขนมเค้กก็นุ๊ม นุ่ม  เครื่องดื่มก็หอม เข้มข้นดี  คือดี๊ ดี  ดีไปหมด

ไปต่อกันเถ๊อะ!!    ไปต่อกันที่  "วัดถ้ำเสือ" 
วัดถ้ำเสือ  จะขึ้นไปเที่ยวชม กราบหลวงพ่อชินประทานพร  ต้องไต่ขึ้นบันได  157 ขั้น  
แต่...  เราสองอ้วน  เลือกที่จะใช้บริการรถรางไฟฟ้า  คนละ 10 บาทเท่านั้น  (ภาพไม่ได้เบลอนะ  คือตั๋วพิมพ์มาเบลอจ้ะ)
แล้วขาลง  ค่อยเดินลงบันได ละกันเน๊อะ 


เอาจริงๆ  แค่เดินลง  ย้ำ!! ว่า  "เดินลง"  ก็ขาสั่นแล้ว   157 ขั้น   ไม่รู้ว่า  เพราะอ้วน หรือ กลัวความสูง  555+  (แต่ถ้านั่งรถรางไฟฟ้า ขาลง  จะสั่นกว่านี้แน่ๆ  สูงมากกกก)