ตำนานของเมืองทรอย ( Troy) เป็นเสน่ห์ของเรื่องราวทำให้หลายคนค้นหาสถานที่ว่าเมืองนี้มีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สถานที่ตั้งของเมืองทรอยและการสู้รบที่มีชื่อเสียงซึ่งเกิดขึ้นที่นั่นได้สูญหายไปในประวัติศาสตร์เป็นเวลาหลายพันปี
 
ชื่อ " Troy " เป็นทั้งสถานที่ในตำนานและแหล่งโบราณคดีในชีวิตจริง ซึ่งในตำนาน Troy เป็นเมืองที่ถูกปิดล้อมเป็นเวลา 10 ปี จนในที่สุดก็ถูกยึดครองโดยกองทัพกรีกที่นำโดยกษัตริย์ Agamemnon จึงเกิด "สงครามโทรจัน"Trojan War) ที่เป็นไปตามเรื่องราวใน " อีเลียด (Iliad) " หนึ่งในสองบทกวีมหากาพย์กรีกโบราณของผู้แต่ง Homer ว่าด้วยการการลักพาตัว Helen ราชินีจากสปาร์ตา ที่กระทำโดย Paris ลูกชายของกษัตริย์ Priamแห่ง" Troy " โดยผ่านทาง "Iliad" เทพเจ้าแห่งความขัดแย้งที่เข้ามาแทรกแซงอย่างต่อเนื่องกับตัวละครทั้งสองด้าน (Iliad เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง "โทสะ")
 
" Troy " ยังหมายถึงเมืองโบราณที่มีอยู่จริง ที่หลายคนระบุว่าเป็นเมืองTroy ที่กล่าวถึงในตำนานตั้งแต่สมัยโบราณ และเชื่อกันว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า 'Troad' ทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี ซึ่งในสมัยโบราณเป็นเวลาหลายศตวรรษที่ผู้แสวงบุญและนักเดินทางจะเดินทางไปยัง Troad เพื่อยืนอยู่บนพื้นดินที่พวกเขาเชื่อว่าวีรบุรุษเคยเดิน โดยในศตวรรษที่ 19 Charles Maclaren ชาวสก็อต และ Frank Calvert ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกๆที่เชื่อมโยงเนินเขาที่มีซากโบราณกับที่ตั้งของเมืองทรอยโบราณ

ดังนั้น ไม่ว่าสงครามโทรจันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และไซต์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกีจะเป็นเมืองTroy เดียวกันหรือไม่นั้น ยังเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันต่อไป แต่เมืองโบราณดังกล่าวที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี มีชื่อในปัจจุบันว่า Hisarlik 

ความคิดที่ว่าเมืองนี้คือเมืองTroy นั้น กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อ Heinrich Schliemann นักธุรกิจชาวเยอรมันและนักโบราณคดีรุ่นแรกที่หลงใหลในตัว Homer ได้เดินทางไปยังดินแดน Anatolia โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดเผยเมืองและพิสูจน์ว่าตำนาน "Iliad" เป็นไปตามความเป็นจริง ตั้งแต่นั้นมาไซต์ที่ Schliemann อ้างว่าเป็น 'Troy' ได้กลับมาเป็นหัวข้อของการขุดค้นและการศึกษาอย่างกว้างขวาง และตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยอมรับว่าไซต์นี้ คือเมือง" Troy " ที่มีชื่อเสียงในอดีต 
 
โดยในปี1868 Schliemann ได้รู้จักกับ Frank Calvert รองกงสุลอเมริกันของตุรกี ที่เชื่อว่าเมืองTroy ในตำนานอยู่ใต้ซากปรักหักพังกรีก - โรมันคลาสสิกที่ Hisarlik  ทั้งสองจึงร่วมกันเริ่มการขุดขึ้นในปี 1870 และดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายปี 

สิ่งที่จะค้นพบทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า มีคนอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล และเมืองหลายชั้นที่ซ้อนกันอยู่ ตั้งแต่ยุคสำริดตอนต้นและถูกทิ้งร้างในช่วงยุคเหล็ก โดยแต่ละชั้นจะพบจุดจบในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวหรือสงคราม ทำให้เกิดการตั้งถิ่นฐานและการก่อสร้างใหม่ รวมทั้งพบสมบัติที่เขาอ้างว่ามาจาก King Priam ที่ประกอบด้วย อาวุธ เงินทอง เครื่องทองแดง ภาชนะสำริด และวัตถุที่ทำจากวัสดุล้ำค่าอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ถูกนำไปรักษาไว้ที่ Royal Museums of Berlin
 

ทั้งนี้ นักโบราณคดีในช่วง 150 ปีที่ผ่านมา ได้เข้าสำรวจชั้นเมืองที่ซ้อนกันอยู่เหล่านี้โดยตั้งชื่อให้ตั้งแต่ Troy I - IX โดยที่ Troy I เป็นการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดและ Troy IX เป็นครั้งล่าสุด โดยชั้นแรกถูกค้นพบโดย Schliemann และทุกชั้นที่พบนั้นได้รับการระบุหมายเลขและได้รับสิ่งประดิษฐ์มากมาย ชั้นเหล่านี้ล้วนแสดงถึงการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่วัฒนธรรมยุคสำริดจนถึงจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งปัจจุบัน นักโบราณคดีมีความรู้มากพอที่จะเข้าใจถึงพัฒนาการของเมืองในแต่ละยุคเมื่อเวลาผ่านไป

นอกจากที่ Hisarlik แล้วในปี 1876 Schliemann ยังเข้าขุดค้นที่ Mycenae ด้วย(สถานที่ที่ Agamemnon ถูกฆ่าตาย) ที่นี่มีการค้นพบโครงกระดูก15 ชิ้นนอนอยู่ในหลุมฝังศพหลายแห่ง ซึ่งมีโครงหนึ่งถูกตกแต่งด้วยทองคำและอัญมณี รวมถึงมงกุฎ ใบลอเรลสีทอง700ใบ และเครื่องประดับสีทองเป็นรูปสัตว์ดอกไม้ ผีเสื้อ สิงโต นักรบ กริฟฟอน กวางและนกพิราบ

นอกจากนี้ ยังพบศพที่ถูกคลุมด้วยหน้ากากสีทอง ซึ่งรวมถึงหน้ากากที่ Schliemann เรียกว่า "Mask of Agamemnon" และทับทรวงสีทองที่กล่าวกันว่าปกป้องผู้สวมใส่จากความตาย แต่หลังจากนั้น ก็มีการพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ศพของ Agamemnon และเพื่อนของเขา แต่เป็นของเจ้านายที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 300 ปีก่อน (Schliemann เสียชีวิตในเมือง Naples ประเทศอิตาลีในวันคริสต์มาสปี 1890 และถูกฝังไว้ในเอเธนส์)
 
ต่อมาในปี 1996 รัฐบาลตุรกีได้สร้างอุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์ 53 ตารางไมล์ ( 136 k 2 ) ที่ Hislarlik และในปี 1998 อุทยานแห่งนี้ได้กลายเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO และเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในตุรกี  โดยทุกวันนี้คำว่า "ม้าโทรจัน" (Trojan horse) จะหมายถึงกลลวงหรือชั้นเชิงที่เชิญศัตรูเข้าไปในสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครอง รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นอันตรายซึ่งหลอกให้ผู้ใช้ทำงานด้วยความเต็มใจก็ถูกเรียกว่า "Trojan horse" - "Trojan" เช่นกัน

ที่ผ่านมา การค้นหาเมืองTroy กลายเป็นความสนใจที่สำคัญสำหรับนักเดินทาง นักภูมิประเทศ นักเขียน และนักวิชาการในช่วงศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 เมื่อกรีกโบราณและตำนานของเมืองนั้นดึงดูดจินตนาการของสาธารณชนในยุโรป และกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือด มีการแบ่งระหว่างนักคิด 'สัจนิยม' ผู้ซึ่งเชื่อว่าเรื่องราวของTroy จะต้องมีพื้นฐานมาจากความจริงทางประวัติศาสตร์บางอย่าง และอีกฝ่ายที่อ้างว่ามันเป็นเพียงความฝันในจินตนาการเชิงกวีของ Homer 

ซึ่งนักวิชาการได้ตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะภูมิประเทศของเมืองTroy ตามที่บอกไว้ในตำนานนั้น โดยทั่วไปดูเหมือนจะตรงกับเมืองที่มีอยู่จริง แต่กับซากโบราณสถานยังคงมีปัญหาบางอย่าง เพราะTroy ในช่วงสงครามโทรจันถูกทำลายโดยแผ่นดินไหว และในเวลาต่อมาอาจได้รับการสร้างใหม่จากผู้คนในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจะเป็นชาวกรีซเดิม
 
ประเด็นเหล่านี้ทำให้นักวิจัยมีปริศนา ที่ด้านหนึ่งของความคิดเห็นที่หลากหลายคือความเชื่อมั่นว่ามีสงครามเกิดขึ้นจริง และเป็นอย่างที่กวีอธิบายไว้
โดย Manfred Korfmann ผู้ขุดค้น Hisarlik ในยุคปัจจุบันก็เชื่อว่า เรื่องราวของสงครามโทรจันนั้นอาจมีความจริงบางอย่าง อย่างไรก็ตาม คงเป็นชื่อของ Schliemann ที่โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะผู้บุกเบิกโบราณคดีที่ค้นพบและเปิดเผยที่ตั้งของเมืองTroy โบราณนี้

Cr.https://interestingengineering.com/finding-troy-how-a-city-lost-for-3000-years-was-rediscovered / Marcia Wendorf
Cr.https://www.ancient-origins.net/myths-legends/was-there-ever-trojan-war-001737 / Petros Koutoupis
Cr.http://www.documentarytube.com/articles/troy-the-real-city-and-the-legend / ALEKSANDAR MISHKOV
Cr.https://blog.britishmuseum.org/the-search-for-the-lost-city-of-troy/
Cr.https://www.livescience.com/38191-ancient-troy.html /  Owen Jarus

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)