เมื่อผมแอดมิทรพ.จิตเวชเป็นเดือนๆ และออกมาก็ไม่ได้ดีขึ้น กลับมาก็เจอคำพูดบั่นทอนจากคนที่บ้าน

ผมแอดมิทเข้ารพ.จิตเวชตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ด้วยภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรง มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่ได้ใช้มือถือเครื่องมือสื่อสารใดๆตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ยกเว้นธุรกรรมทางการเงินที่จะถูกอนุโลมให้ทำได้เป็นกรณีพิเศษ
ช่วงก่อนจะกลับบ้านสองสัปดาห์ผมทรมานมาก อยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ เพราะมีภาระที่บ้านการจัดความเรียนร้อยที่บ้านที่ต้องดูแล
ระหว่างอยู่ในรพ.ผมมีอาการป่วยแทรกซ้อน Hematuria ส่งตรวจรพ.ประจำจว. หมอไดแอกไม่ทราบสาเหตุ
และระหว่างที่อยู่นั่นก็มีอาการเบื่ออาหาร เบื่อสถานที่
จริงๆก็มีอะไรที่ดีและทั้งไม่ดีที่ได้สัมผัสในเวลาที่อยู่ข้างในนั้น แต่ยังไม่ขอกล่าวถึงเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบองค์กรครับ
(การแอดมิทรพ.จิตเวช อาจจะไม่ดีอย่างหลายคนคาดหวัง หรืออาจจะไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนกลัวหรือแย่กว่าที่เคยได้ยินมา มันก็เป็นไปได้หลายแบบครับ)
แต่เมื่อเวลาใกล้ถูกจำหน่ายมาถึง ผมกลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ
และแล้ววันที่ผมต้องกลับออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงก็มาถึง ผมอาศัยอยู่กับแม่สองคน และเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัวภายในบ้าน
สภาพบ้านกลับมาราวกับเป็นสมรภูมิรบ เนื่องจากผมไม่อยู่เป็นระยะเวลานาน การจัดการความเรียบร้อยความสะอาดภายในบ้าน
แม่จึงทำได้ไม่ดีเท่าผมที่เคยทำประจำ แต่ภาระอันหนักหน่วงเหล่านั้นไม่แย่เท่ากับ ปฏิกิริยาของแม่ผมที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก
และยังคงใช้คำพูดประชดประชันเสียดสีผมอย่างเช่นที่เคยทำ และด้วยความที่ผมเลือกที่จะเซ็นรับเข้าการรักษา IPD เอง
เขาจึงคิดไปว่าผมต้องการที่จะหนีปัญหาที่บ้านและหาว่าผมฟ้องทางรพ.ฟ้องหมอพยาบาลว่าผมเครียดเพราะถูกแม่กดดัน
ท่านกล่าวโทษและเหน็บแนมผมตลอดเรื่องที่ผมเข้ารับการรักษาใน รพ. 
คุณแม่ของผมเองท่านเป็นคนที่ไม่คิดอะไรให้ดีถึงความรู้สึกของผู้ที่รับฟังก่อนพูด บางครั้งเขาพูดแล้วก็ลืม
แต่คนที่ยังเจ็บและค้างคาในความรู้สึกอยู่มันคือผม "กลับไปอยู่นั่นตลอดชีวิตเลยไหมล่ะ" "เธอเบื่อที่บ้านมากนักเหรอ"
"ฉันทำให้เธอเครียดมากขนาดนั้นเลยเหรอ" "ทำจิตใจให้มันเข้มแข็งไม่ได้เหรอ ดูชีวิตคนที่เขาแย่กว่าเธอบ้างสิ"
"คิดว่าฉันโง่มากเหรอที่จะไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่นั่นเพราะเบื่อฉันเบื่อที่บ้าน"
ซึ่งแม่เองก็ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเหมือนผมนะครับ แต่ท่านไม่เคยเข้าใจถึงวิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤติเลย
บางครั้งผมรู้สึกแย่มากที่ต้องกลับมามีชีวิตเน่าๆเหมือนซากชีวิตเหมือนเดิม ผมไม่ได้อยากกลับไปถูกขังลืมในจิตเวชอีกแล้ว
แต่กลับมาเผชิญชีวิตแย่ๆอีกแบบนี้ผมก็ไม่ไหวอีกแล้วครับ ผมคิดที่จะหาทางที่จะตายอีกครั้ง แต่ผมก็ยังเสียดายว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ทำ
(เอาจริงๆผมแทบจะไม่มีโอกาสทำมันเลยด้วยซ้ำ) ความตายจึงเป็นทางออกเดียวที่สุดที่ผมพอจะนึกออกและคิดมาอย่างยาวนาน
ไม่ใช่ความคิดสั้นหรือความคิดชั่ววูบอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจกันเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่