เศรษฐกิจเวียดนามร้อนแรง ส่งออกดี คุมโควิดเก่ง ไตรมาส 1 ปี 2021 เติบโต 4.5%
https://brandinside.asia/gdp-q1-2021-vietnam/
เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1 เติบโต 4.5%
GDP เศรษฐกิจเวียดนาม 3 เดือนแรกของปี 2021 แม้จะเติบโตกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ 5.12% แต่ตัวเลขที่ทำได้ก็ยังสูงอยู่ดีเพราะเติบโตที่ 4.45%
ถ้าเทียบ GDP ของเวียดนามในไตรมาส 1 ปี 2020 จะเห็นความต่าง เพราะปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันเติบโตเพียง 3.68% เท่านั้น
ปัจจัยหลักคือภาคการส่งออกทำได้ดี
ภาคการส่งออกของเวียดนามทำผลงานดีและเติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงการควบคุมโควิดในประเทศที่ทำได้ดีมาก หลายประเทศชื่นชม และเศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
การส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามคือ ส่งออกสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ไปยังสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 30% ของภาคการส่งออกทั้งหมดของประเทศ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนหน้า 32.8%
รู้หรือไม่ว่า เวียดนามคือผู้เล่นรายใหญ่เบอร์ 3 ของโลกในด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา รองลงมาจากจีนและเม็กซิโก
ส่วนภาพรวมการส่งออกของเวียดนามทั้งหมดในไตรมาส 1 ปี 2021 มีมูลค่ารวมทั้งหมด 7.734 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนหน้า 22%
กระแสย้ายฐานการผลิตมาเวียดนาม
ในยุคโควิด หนึ่งในการเคลื่อนไหวสำคัญของภาคอุตสาหกรรมโลกคือการที่หลายแบรนด์ได้อพยพฐานการผลิตออกจากจีนมาเวียดนาม
ในปี 2020 ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือบริษัทระดับโลกอย่าง Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ที่ย้ายฐานการผลิตหลายส่วนออกจากจีนไปเวียดนามพร้อมทั้งประกาศลงทุน 2 หมื่นล้านบาท หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านั้นในปี 2019 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ก็ได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนไปเวียดนาม เพราะสงครามการค้า
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยในการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามทั้งสิ้น
อาเซียนดันพูดคุยแก้วิกฤตเมียนมา มะกันวอนนานาชาติ-ภาคธุรกิจร่วมกดดัน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2650408
อาเซียนดันพูดคุยแก้วิกฤตเมียนมา มะกันวอนนานาชาติ-ภาคธุรกิจร่วมกดดัน
หลายชาติอาเซียนออกมาประณามความรุนแรงที่เพิ่มสูงขึ้นในเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้อดทนอดกลั้น ยุติความรุนแรง และต้องแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาพูดคุย
หลังจากที่วานนี้ นาย
ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยออกมาแสดงความไม่สบายใจต่อรายงานการเสียชีวิตและบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นในประชาชนชาวเมียนมา พร้อมกับขอให้ทางการเมียนมาใช้ความอดทนอดกลั้นในการคลี่คลายสถานการณ์ ยุติการใช้ความรุนแรง และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยามหาทางออกโดยสันติวิธีผ่านช่องทางการพูดคุยที่สร้างสรรค์โดยเร็ว ทั้งยังบอกด้วยว่าชาติสมาชิกอาเซียนกำลังทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืน และให้สถานการณ์ในเมียนมากับชุดสภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นาง
เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นออกมาประกาศประณามความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมาว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และย้ำข้อเสนอของอาเซียนที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเมียนมา
นาง
เร็ตโนกล่าวว่า แม้จะยังคงเคารพหลักการไม่ใช่แทรกแซงกิจการภายในของอาเซียน แต่ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวเมียนมาก็มีความสำคัญสูงสุดเช่นกัน พร้อมกับระบุว่าต้องมีการเจรจาเพื่อนำประชาธิปไตย สันติภาพ และความมั่นคงกลับคืนสู่เมียนมา
ด้านกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ในเมียนมาว่ารู้สึกตกใจอย่างยิ่งกับการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่จำเป็นและมากเกินจำเป็น
ขณะที่นาย
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐออกมาเรียกร้องให้ชาติต่างๆ รวมถึงบริษัทที่มีการลงทุนในกิจการที่สนับสนุนกองทัพเมียนมา ควรต้องพิจารณาท่าทีเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อกองทัพเมียนมา เพราะนั่นหมายถึงการปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินต่อกองทัพ เพื่อมิให้กองทัพเมียนมาดำรงคงอยู่ต่อไปโดยขัดกับความต้องการของประชาชน
บลิงเคนกล่าวด้วยว่า เขาจะยังคงพูดแสดงจุดยืนที่ชัดเจนนี้ต่อไป และจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับชาติพันธมิตรซึ่งรวมถึงชาติสมาชิกอาเซียน ในการคัดค้านการกระทำที่กองทัพเมียนมากำลังทำอยู่ในขณะนี้
JJNY : เศรษฐกิจเวียดนามร้อนแรง│อาเซียนดันพูดคุยแก้วิกฤตเมียนมา│ปราชญ์กะเหรี่ยงสังเกตไฟป่าสะเมิง│วิษณุชี้โพรงกม.ประชามติ
https://brandinside.asia/gdp-q1-2021-vietnam/
เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1 เติบโต 4.5%
GDP เศรษฐกิจเวียดนาม 3 เดือนแรกของปี 2021 แม้จะเติบโตกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ 5.12% แต่ตัวเลขที่ทำได้ก็ยังสูงอยู่ดีเพราะเติบโตที่ 4.45%
ถ้าเทียบ GDP ของเวียดนามในไตรมาส 1 ปี 2020 จะเห็นความต่าง เพราะปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันเติบโตเพียง 3.68% เท่านั้น
ปัจจัยหลักคือภาคการส่งออกทำได้ดี
ภาคการส่งออกของเวียดนามทำผลงานดีและเติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงการควบคุมโควิดในประเทศที่ทำได้ดีมาก หลายประเทศชื่นชม และเศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
การส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามคือ ส่งออกสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ไปยังสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 30% ของภาคการส่งออกทั้งหมดของประเทศ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนหน้า 32.8%
รู้หรือไม่ว่า เวียดนามคือผู้เล่นรายใหญ่เบอร์ 3 ของโลกในด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา รองลงมาจากจีนและเม็กซิโก
ส่วนภาพรวมการส่งออกของเวียดนามทั้งหมดในไตรมาส 1 ปี 2021 มีมูลค่ารวมทั้งหมด 7.734 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนหน้า 22%
กระแสย้ายฐานการผลิตมาเวียดนาม
ในยุคโควิด หนึ่งในการเคลื่อนไหวสำคัญของภาคอุตสาหกรรมโลกคือการที่หลายแบรนด์ได้อพยพฐานการผลิตออกจากจีนมาเวียดนาม
ในปี 2020 ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือบริษัทระดับโลกอย่าง Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ที่ย้ายฐานการผลิตหลายส่วนออกจากจีนไปเวียดนามพร้อมทั้งประกาศลงทุน 2 หมื่นล้านบาท หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านั้นในปี 2019 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ก็ได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนไปเวียดนาม เพราะสงครามการค้า
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยในการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามทั้งสิ้น
อาเซียนดันพูดคุยแก้วิกฤตเมียนมา มะกันวอนนานาชาติ-ภาคธุรกิจร่วมกดดัน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2650408
อาเซียนดันพูดคุยแก้วิกฤตเมียนมา มะกันวอนนานาชาติ-ภาคธุรกิจร่วมกดดัน
หลายชาติอาเซียนออกมาประณามความรุนแรงที่เพิ่มสูงขึ้นในเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้อดทนอดกลั้น ยุติความรุนแรง และต้องแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาพูดคุย
หลังจากที่วานนี้ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยออกมาแสดงความไม่สบายใจต่อรายงานการเสียชีวิตและบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นในประชาชนชาวเมียนมา พร้อมกับขอให้ทางการเมียนมาใช้ความอดทนอดกลั้นในการคลี่คลายสถานการณ์ ยุติการใช้ความรุนแรง และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยามหาทางออกโดยสันติวิธีผ่านช่องทางการพูดคุยที่สร้างสรรค์โดยเร็ว ทั้งยังบอกด้วยว่าชาติสมาชิกอาเซียนกำลังทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืน และให้สถานการณ์ในเมียนมากับชุดสภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นออกมาประกาศประณามความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมาว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และย้ำข้อเสนอของอาเซียนที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเมียนมา
นางเร็ตโนกล่าวว่า แม้จะยังคงเคารพหลักการไม่ใช่แทรกแซงกิจการภายในของอาเซียน แต่ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวเมียนมาก็มีความสำคัญสูงสุดเช่นกัน พร้อมกับระบุว่าต้องมีการเจรจาเพื่อนำประชาธิปไตย สันติภาพ และความมั่นคงกลับคืนสู่เมียนมา
ด้านกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ในเมียนมาว่ารู้สึกตกใจอย่างยิ่งกับการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่จำเป็นและมากเกินจำเป็น
ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐออกมาเรียกร้องให้ชาติต่างๆ รวมถึงบริษัทที่มีการลงทุนในกิจการที่สนับสนุนกองทัพเมียนมา ควรต้องพิจารณาท่าทีเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อกองทัพเมียนมา เพราะนั่นหมายถึงการปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินต่อกองทัพ เพื่อมิให้กองทัพเมียนมาดำรงคงอยู่ต่อไปโดยขัดกับความต้องการของประชาชน
บลิงเคนกล่าวด้วยว่า เขาจะยังคงพูดแสดงจุดยืนที่ชัดเจนนี้ต่อไป และจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับชาติพันธมิตรซึ่งรวมถึงชาติสมาชิกอาเซียน ในการคัดค้านการกระทำที่กองทัพเมียนมากำลังทำอยู่ในขณะนี้