GODZILLA VS.KONG (Adam Wingard)
8/10
"สนุกมาก..ตอบโจทย์ ...ตีหัวเข้าบ้านแบบสุดๆ คุ้มค่ากับการดูโรงใหญ่มาก”
...
เคยเข้า Clubhouse ห้องบทซีรีส์ ละครไทย มีคำถามว่า “บทที่ดีควรเป็นอย่างไร” ในห้องมีคนเขียนบทละครท่านหนึ่งเข้ามาตอบ “บทที่ดีต้องเขียนให้คนดูสนุก” ..จนกลายเป็นประเด็นที่อีกวันมีกลุ่มคนดูมาตั้งห้องอีกห้องใน Clubhouse แล้วมาบอกว่า สิ่งที่คนเขียนบทท่านนี้บอก บทที่ดีต้องสนุก เฮ้ย...มันไม่ใช่ บทที่ดีนั้นต้องให้อะไรกับสังคม ให้คุณค่ากับสังคม ให้อะไรกับคนดูสิ
ที่หยิบประเด็นนี้มาเปิดหัว เพราะตลอดระยะเวลาเกือบๆ สองชั่วโมงที่ดู Godzilla Vs. Kong อดคิดถึงหัวข้อที่ได้ฟังใน Clubhouse ห้องนี้ตลอดเวลา ...จริงๆ ในฐานะที่ผมก็ทำงานเกี่ยวข้องกับการเขียนบท เห็นด้วยนะว่าบทที่ดีต้องสนุก ต้องตอบโจทย์ความรู้สึกของคนดูที่ได้ดู ส่วนเรื่องสาระ การให้อะไรกับสังคม คำสั่งสอนต่างๆ นี่คือผลพลอยได้นะ (ถ้ามีก็ดี..แต่มันควรมาอย่างกลมกล่อม ไม่ยัดเยียด ...ไม่งั้นเราจะดูซีรีส์ The Penthouse ได้สนุกเหรอ ทั้งๆ ที่ทั้งเรื่องไม่ได้ให้อะไรกับสังคมเลยนอกจากความสะใจของคนดูและเอาคนดูได้อยู่หมัด)
Godzilla Vs. Kong คืองานที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนดูทุกกระเบียดนิ้ว หน้าหนังขายความเป็น Monsterverse อย่างชัดเจน และกลบจุดอ่อนในภาคก่อนๆ ที่ว่าด้วยดราม่าในครอบครัว ที่กลายเป็นส่วนที่ฉุดหนังลงไป (จริงๆ การที่หนังแบบนันสต๊อป แอ็กชั่น จะใส่ดราม่ามาก็ไม่ผิดนะ แต่ถ้ามันมากไป จนเลยความกลมกล่อม มันเลยกลายเป็นหนังที่พยายามยัดเยียดสาระให้คนดู ทั้งๆ ที่หน้าหนังมันคนละเรื่อง มันไม่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของคนดูที่เสียเงินตั๋วเข้าไปดูหนัง) ...มาในภาคนี้ (ภาคสามของหนัง) นี่คือการใส่เต็มความต้องการของคนดูสุดๆ คนดูอยากเห็นสองยักษ์ใหญ่ตีกัน ก็จัดให้ คนดูอยากให้แอ็กชั่นระเบิดตูมตาม ก็มีครบ ...และที่สำคัญ ที่มันแตกต่างจากหนังแอ็กชั่นแบบ Transformers ภาคหลังๆ ที่โคตรไม่สนุก นั่นคือเรื่องนี้ มันปรุงรสชาติทุกสัดส่วนมาอย่างกลมกล่อม อร่อยกำลังดี บททีที่มาที่ไป ตอบโจทย์ แม้บทจะเป็นเส้นตรง มีรอยรั่วอยู่บ้าง ตัวร้ายแบบมีมิติเดียว แต่การสร้างคาแรกเตอร์ของ Kong ที่จับต้องได้ และน่าเอาใจช่วย มันเลยพาหนังให้สนุก ลงตัว จนลืมจุดด้อยต่างๆ ในหนังไปเลย (ซึ่งสิ่งนี้ ไม่มีในงาน Transformers ภาคหลังๆ )
หนังว่าด้วยเหตุการณ์สองปีให้หลัง Godzilla ที่เคยเป็นฮีโร่ ที่คอยช่วยกอบกู้โลกจากสัตว์ประหลาดตัวร้าย มาวันนี้กลับกลายเป็นตัวร้ายที่ทำลายมนุษย์ (ซึ่งจริงๆ ในตัวหนังมีเหตุผลซ่อนอยู่ว่าทำไมพี่ก็อตจิ ภาคนี้ถึงกลายเป็นตัวร้าย) ร้อนถึงชาวโลก ต้องหาสิ่งที่ทัดเทียมมาเพื่อปราบความร้ายของพี่ก๊อตจิ นั่นคือพี่คอง แห่งเกาะกะโหลก ...ปฏิบัติการนำคองข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาเพื่อจัดการพี่ก๊อต จึงเริ่มขึ้น และนั่นนำมาถึงการซัดกันไม่ยั้ง ฟัดกันนัวๆ แบบเอ็งใหญ่ ข้าก็ใหญ่ ไม่มีใครยอมใคร
ตัวหนังแทบไม่เสียเวลาปูเรื่องราวใดๆ ...เรียกว่าพอเรื่องจุดติดก็ใส่ไม่ยั้ง ...แถมหนังยังกลบอีกหนึ่งจุดด้อยในหนังแนว Monsterverse เรื่องอื่นๆ คือ ขายหนังสัตว์ประหลาด แต่กว่าสัตว์ประหลาดจะโผล่มาก็แทบจะกลางเรื่องไปท้ายๆ เรื่อง ...ใน Godzilla Vs. Kong จัดให้เต็มๆ ตั้งแต่ซีนแรกๆ ของหนัง และก็จัดมาต่อๆๆๆ แบบไม่ยั้ง ...แถมซีนสู้กันยังจัดกันในตอนกลางวันแบบแจ่มๆ ไม่ต้องมาตีกันตอนดึกๆ ให้คนดูคลุมเครือ ว่ามันตีกันท่าอีหยังวะ (นี่สงสารคนทำ CG สุดๆ ใครก็รู้ซีนกลางวันทำ CG ยากกว่ามาก อย่างซีนกลางคืนยังมีความมืดมาคอยกลบจุดต่างๆ ได้) ...นี่คือตัวอย่างของการทำหนังตีหัวเข้าบ้านของแท้ แถมยังตีโดนจังๆ กลางกระหม่อม ชนิดที่คนดูพร้อมยอมให้โดนตี ทีนี้พอตีหัวคนดูได้อยู่หมัด อะไร อะไรก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ ...งานนี้ถือว่าผู้กำกับ อดัม วิงการ์ด แกมาโคตรไกล จากงานหนังสยองขวัญเกรดบี กลายมาทำหนังบล็อกบัสเตอร์ทุนสูง แถมยังเอาหนังได้อยู่ จับใจความต้องการของคนดูได้ตรงใจ (จริงๆ ตอนแกทำ You’re Next นี่ก็ตอบโจทย์นะ เป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำที่สนุกมากๆ เรื่องนึง)
เมื่อตัวพี่คอง พี่ก๊อตจิ เด่น ...บทบาทของมนุษย์ในหนังก็ถูกลดทอนความเด่นลง แต่นั่นก็ยังไม่สามารถกลบความน่ารักของน้องมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ลงได้ (ขอส่วนตัวนิดนึง) ....ตัวละครในหนังแทบจะแบ่งฝั่งชัดเจน คือฝั่งของคอง นำโดย รีเบ็คก้า ฮอลล์ ,อเล็กซานเดอร์ ซาร์การ์ด และน้องเคลีย์ ฮอทเทิล (ที่หน้าตาน่ารักมากๆ) และฝั่งก๊อตซิลล่า ที่เป็นตัวละครที่สืบต่อมาจากภาคก่อน คือตัวน้องมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ,ไคล์ แซนด์เลอร์ ...และตัวละครทั้งสองฝั่งแทบไม่เจอกัน ไม่มีบทเกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างอยู่ในส่วนของสัตว์ประหลาดของตัวเอง (จะมีแค่ซีนรวมในช่วงใกล้จบ) ...เรียกได้ว่าบทของมนุษย์ในตอนนี้ คือตัวเสริมเพื่อขับเน้นให้สองตัวหลักผู้ยิ่งใหญ่ได้โดดเด่นออกมาจริงๆ
Godzilla Vs. Kong คือบทพิสูจน์ของการทำหนังที่เอาคนดูเป็นตัวตั้ง จับหัวใจคนดูว่าต้องการดูอะไรจากหนังแนวนี้ แล้วก็เสิร์ฟสิ่งที่คนดูต้องการแบบไม่มีกั๊ก ไม่มีแอ๊บ นั่นจึงทำให้ตัวหนังมันสนุกมาก มันตอบโจทย์ ยิ่งดูในโรงใหญ่ๆ ระบบภาพและเสียงดีๆ นี่คือที่สุดแล้ว นี่คือหนังที่ทำมาตอบโจทย์การดูหนังในโรงที่แท้จริง ชนิดที่ Streaming เองก็เทียบไม่ติด ...นี่คือหนังที่ควรค่าและคุ้มค่ามากที่จะกลับไปดูหนังในโรงอีกครั้ง ไปดูเถอะ หนังมันตอบโจทย์คนดูจริงๆ ครับ
ติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei
#GodzillaVSKong
#เอ้อระเหยลอยลม
Warner Bros. Pictures
[CR] รีวิว : "Godzilla VS.Kong" : ตอบโจทย์ ตีหัวเข้าบ้าน สนุกมากจริงๆ
8/10
"สนุกมาก..ตอบโจทย์ ...ตีหัวเข้าบ้านแบบสุดๆ คุ้มค่ากับการดูโรงใหญ่มาก”
...
เคยเข้า Clubhouse ห้องบทซีรีส์ ละครไทย มีคำถามว่า “บทที่ดีควรเป็นอย่างไร” ในห้องมีคนเขียนบทละครท่านหนึ่งเข้ามาตอบ “บทที่ดีต้องเขียนให้คนดูสนุก” ..จนกลายเป็นประเด็นที่อีกวันมีกลุ่มคนดูมาตั้งห้องอีกห้องใน Clubhouse แล้วมาบอกว่า สิ่งที่คนเขียนบทท่านนี้บอก บทที่ดีต้องสนุก เฮ้ย...มันไม่ใช่ บทที่ดีนั้นต้องให้อะไรกับสังคม ให้คุณค่ากับสังคม ให้อะไรกับคนดูสิ
ที่หยิบประเด็นนี้มาเปิดหัว เพราะตลอดระยะเวลาเกือบๆ สองชั่วโมงที่ดู Godzilla Vs. Kong อดคิดถึงหัวข้อที่ได้ฟังใน Clubhouse ห้องนี้ตลอดเวลา ...จริงๆ ในฐานะที่ผมก็ทำงานเกี่ยวข้องกับการเขียนบท เห็นด้วยนะว่าบทที่ดีต้องสนุก ต้องตอบโจทย์ความรู้สึกของคนดูที่ได้ดู ส่วนเรื่องสาระ การให้อะไรกับสังคม คำสั่งสอนต่างๆ นี่คือผลพลอยได้นะ (ถ้ามีก็ดี..แต่มันควรมาอย่างกลมกล่อม ไม่ยัดเยียด ...ไม่งั้นเราจะดูซีรีส์ The Penthouse ได้สนุกเหรอ ทั้งๆ ที่ทั้งเรื่องไม่ได้ให้อะไรกับสังคมเลยนอกจากความสะใจของคนดูและเอาคนดูได้อยู่หมัด)
Godzilla Vs. Kong คืองานที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนดูทุกกระเบียดนิ้ว หน้าหนังขายความเป็น Monsterverse อย่างชัดเจน และกลบจุดอ่อนในภาคก่อนๆ ที่ว่าด้วยดราม่าในครอบครัว ที่กลายเป็นส่วนที่ฉุดหนังลงไป (จริงๆ การที่หนังแบบนันสต๊อป แอ็กชั่น จะใส่ดราม่ามาก็ไม่ผิดนะ แต่ถ้ามันมากไป จนเลยความกลมกล่อม มันเลยกลายเป็นหนังที่พยายามยัดเยียดสาระให้คนดู ทั้งๆ ที่หน้าหนังมันคนละเรื่อง มันไม่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของคนดูที่เสียเงินตั๋วเข้าไปดูหนัง) ...มาในภาคนี้ (ภาคสามของหนัง) นี่คือการใส่เต็มความต้องการของคนดูสุดๆ คนดูอยากเห็นสองยักษ์ใหญ่ตีกัน ก็จัดให้ คนดูอยากให้แอ็กชั่นระเบิดตูมตาม ก็มีครบ ...และที่สำคัญ ที่มันแตกต่างจากหนังแอ็กชั่นแบบ Transformers ภาคหลังๆ ที่โคตรไม่สนุก นั่นคือเรื่องนี้ มันปรุงรสชาติทุกสัดส่วนมาอย่างกลมกล่อม อร่อยกำลังดี บททีที่มาที่ไป ตอบโจทย์ แม้บทจะเป็นเส้นตรง มีรอยรั่วอยู่บ้าง ตัวร้ายแบบมีมิติเดียว แต่การสร้างคาแรกเตอร์ของ Kong ที่จับต้องได้ และน่าเอาใจช่วย มันเลยพาหนังให้สนุก ลงตัว จนลืมจุดด้อยต่างๆ ในหนังไปเลย (ซึ่งสิ่งนี้ ไม่มีในงาน Transformers ภาคหลังๆ )
หนังว่าด้วยเหตุการณ์สองปีให้หลัง Godzilla ที่เคยเป็นฮีโร่ ที่คอยช่วยกอบกู้โลกจากสัตว์ประหลาดตัวร้าย มาวันนี้กลับกลายเป็นตัวร้ายที่ทำลายมนุษย์ (ซึ่งจริงๆ ในตัวหนังมีเหตุผลซ่อนอยู่ว่าทำไมพี่ก็อตจิ ภาคนี้ถึงกลายเป็นตัวร้าย) ร้อนถึงชาวโลก ต้องหาสิ่งที่ทัดเทียมมาเพื่อปราบความร้ายของพี่ก๊อตจิ นั่นคือพี่คอง แห่งเกาะกะโหลก ...ปฏิบัติการนำคองข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาเพื่อจัดการพี่ก๊อต จึงเริ่มขึ้น และนั่นนำมาถึงการซัดกันไม่ยั้ง ฟัดกันนัวๆ แบบเอ็งใหญ่ ข้าก็ใหญ่ ไม่มีใครยอมใคร
ตัวหนังแทบไม่เสียเวลาปูเรื่องราวใดๆ ...เรียกว่าพอเรื่องจุดติดก็ใส่ไม่ยั้ง ...แถมหนังยังกลบอีกหนึ่งจุดด้อยในหนังแนว Monsterverse เรื่องอื่นๆ คือ ขายหนังสัตว์ประหลาด แต่กว่าสัตว์ประหลาดจะโผล่มาก็แทบจะกลางเรื่องไปท้ายๆ เรื่อง ...ใน Godzilla Vs. Kong จัดให้เต็มๆ ตั้งแต่ซีนแรกๆ ของหนัง และก็จัดมาต่อๆๆๆ แบบไม่ยั้ง ...แถมซีนสู้กันยังจัดกันในตอนกลางวันแบบแจ่มๆ ไม่ต้องมาตีกันตอนดึกๆ ให้คนดูคลุมเครือ ว่ามันตีกันท่าอีหยังวะ (นี่สงสารคนทำ CG สุดๆ ใครก็รู้ซีนกลางวันทำ CG ยากกว่ามาก อย่างซีนกลางคืนยังมีความมืดมาคอยกลบจุดต่างๆ ได้) ...นี่คือตัวอย่างของการทำหนังตีหัวเข้าบ้านของแท้ แถมยังตีโดนจังๆ กลางกระหม่อม ชนิดที่คนดูพร้อมยอมให้โดนตี ทีนี้พอตีหัวคนดูได้อยู่หมัด อะไร อะไรก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ ...งานนี้ถือว่าผู้กำกับ อดัม วิงการ์ด แกมาโคตรไกล จากงานหนังสยองขวัญเกรดบี กลายมาทำหนังบล็อกบัสเตอร์ทุนสูง แถมยังเอาหนังได้อยู่ จับใจความต้องการของคนดูได้ตรงใจ (จริงๆ ตอนแกทำ You’re Next นี่ก็ตอบโจทย์นะ เป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำที่สนุกมากๆ เรื่องนึง)
เมื่อตัวพี่คอง พี่ก๊อตจิ เด่น ...บทบาทของมนุษย์ในหนังก็ถูกลดทอนความเด่นลง แต่นั่นก็ยังไม่สามารถกลบความน่ารักของน้องมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ลงได้ (ขอส่วนตัวนิดนึง) ....ตัวละครในหนังแทบจะแบ่งฝั่งชัดเจน คือฝั่งของคอง นำโดย รีเบ็คก้า ฮอลล์ ,อเล็กซานเดอร์ ซาร์การ์ด และน้องเคลีย์ ฮอทเทิล (ที่หน้าตาน่ารักมากๆ) และฝั่งก๊อตซิลล่า ที่เป็นตัวละครที่สืบต่อมาจากภาคก่อน คือตัวน้องมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ,ไคล์ แซนด์เลอร์ ...และตัวละครทั้งสองฝั่งแทบไม่เจอกัน ไม่มีบทเกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างอยู่ในส่วนของสัตว์ประหลาดของตัวเอง (จะมีแค่ซีนรวมในช่วงใกล้จบ) ...เรียกได้ว่าบทของมนุษย์ในตอนนี้ คือตัวเสริมเพื่อขับเน้นให้สองตัวหลักผู้ยิ่งใหญ่ได้โดดเด่นออกมาจริงๆ
Godzilla Vs. Kong คือบทพิสูจน์ของการทำหนังที่เอาคนดูเป็นตัวตั้ง จับหัวใจคนดูว่าต้องการดูอะไรจากหนังแนวนี้ แล้วก็เสิร์ฟสิ่งที่คนดูต้องการแบบไม่มีกั๊ก ไม่มีแอ๊บ นั่นจึงทำให้ตัวหนังมันสนุกมาก มันตอบโจทย์ ยิ่งดูในโรงใหญ่ๆ ระบบภาพและเสียงดีๆ นี่คือที่สุดแล้ว นี่คือหนังที่ทำมาตอบโจทย์การดูหนังในโรงที่แท้จริง ชนิดที่ Streaming เองก็เทียบไม่ติด ...นี่คือหนังที่ควรค่าและคุ้มค่ามากที่จะกลับไปดูหนังในโรงอีกครั้ง ไปดูเถอะ หนังมันตอบโจทย์คนดูจริงๆ ครับ
ติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei
#GodzillaVSKong
#เอ้อระเหยลอยลม
Warner Bros. Pictures
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้