วิธีหาเงินและทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ | หาเงิน แบบพ่อรวยสอนลูกกับการเงินสี่ด้าน อยู่ช่องไหนดีสุดต้องดู!!
ว่าด้วยเรื่อง "เงินสี่ด้าน" ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีคนมากมายได้เคยอ่านหรือผ่านตามาบ้าง แต่รู้ไหมครับว่าจริง ๆ แล้ว การหารายได้ของคนเราที่มีทั้งหมด 4 ด้านด้วยกัน แบ่งหลัก ๆ ออกเป็น 2 ฝั่ง นั่นก็คือ Active Income และ Passive Income ซึ่งแนวคิดนี้มาจากหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2” ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ในบทความนี้ผมจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันว่า การหารายได้ทั้งสี่ด้านที่ โรเบิร์ต คิโยซากิ พูดถึงมีอะไรบ้าง?! แล้วช่องไหนกันนะที่จะเหมาะกับคุณ…
โดยเริ่มจากรายได้ที่เป็นแบบ Active Income ซึ่งเป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงานหรือต้องใช้เวลาไปแลกเงินนั่นเอง ประกอบไปด้วย ด้านที่ 1.) รายได้จากงานประจำ (E)(Employee) การหาเงินกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานหรือลูกจ้าง เช่น เป็นพนักงานบริษัท คนกลุ่มนี้จะมองหางานที่ปลอดภัย มั่นคง เงินเดือนสูง และมีสวัสดิการที่ดี ด้านที่ 2.) รายได้จากกิจการส่วนตัว, ผู้เชี่ยวชาญพิเศษหรือผู้ที่มีผลงานเป็นของตัวเอง (S)(Self-Employed) การหาเงินจากการเป็นนายตัวเอง เช่น รับจ้างทั่วไป หมอ เจ้าของแบรนด์สินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ คนกลุ่มนี้จะสามารถกำหนดค่าตัวของตัวเองเป็นรายชั่วโมง หรือกำหนดเป็นค่าคอมมิชชั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง ซึ่งการเงินทั้ง 2 แบบนี้มักจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ
ส่วนการเงินด้านต่อไป จะเป็นรายได้แบบ Passive Income ที่มีรายได้ที่เกิดจากทรัพย์สิน ให้เงินทำงานแทนหรือการสร้างระบบแล้วให้ระบบทำงานแทนคุณ ดั่งด้านการเงินดังนี้ ด้านที่ 3.) เจ้าของกิจการ (B)(Business Owner) การเป็นเจ้าของกิจการ เช่น เจ้าของร้านอาหารที่มีแฟรนไชส์ ที่สามารถเซตระบบในการทำงานด้านให้เป็นขั้นเป็นตอน และคนกลุ่มนี้จะมองหาคนที่มีศักยภาพมาทำงานแทน ด้านที่ 4.) รายได้จากการลงทุน (I) (Investor) คือการหาเงินจากการลงทุน เช่น ลงทุนในหุ้น ลงทุนในกองทุนรวม คนกลุ่มนี้จะมองหาเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นหลัก โดยเหตุผลที่ว่ามีค่าตอบแทนที่สูงแล้วไม่ต้องทำงานหรือใช้แรงงานในการหาเงินนั่นเอง
ทว่าฟังเช่นนี้แล้ว คนส่วนใหญ่คงอยากหันมาหาเงินแบบ Passive Income กันมากกว่าใช่ไหมครับ?! เพราะให้ทัศนคติที่ว่าคนรวยจะเน้นสร้างรายได้แบบ Passive Income เป็นหลัก หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าคนรวยจะใช้เงินและเวลาของคนที่หาเงินแบบ Active Income ทำงานให้ เช่น เจ้าของบริษัท(B) คนที่มีความสามารถหรือหัวหน้างาน (E) มาดูแลบริษัท และเจ้าของบริษัทก็เอาเวลาตัวเองไปลงทุน หรือไปหาธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งก็จะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินของเขาขึ้นไปอีก นั่นก็คือสาเหตุว่าทำไมบางคนถึงทำงานน้อยลง แต่ได้เงินมากขึ้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการหารายได้แบบ Passive Income นั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำแล้วจะประสบความสำเร็จได้ทุกราย เพราะรายได้เช่นนี้ถือว่าเป็นรายได้ที่มีความเสี่ยงมากถึงมากที่สุด และต้องมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียที่หมายความว่าถ้าหากสะดุดหรือผิดพลาดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโอกาสที่จะล้มเหลวก็จะมีมากเช่นกัน
ซึ่งตรงข้ามกับรายได้ที่เป็นแบบ Active Income ที่ถึงแม้จะต้องใช้แรงและเวลาแลกกับเงิน แต่ความเสี่ยงในชีวิตมีน้อยมาก เช่น เมื่อไหร่ที่คุณที่เป็นพนักงาน (E) ถูกไล่ออก ปัญหาอย่างหนักก็คงเป็นแค่ต้องหางานใหม่เพียงเท่านั้น และเป็นรายได้ที่คนบนโลกส่วนใหญ่ก็อยู่ในด้านนี้กันจนเป็นเรื่องปกติ ทว่าในบางครั้งคนเหล่านี้ขวนขวายอยากที่จะเป็นคนที่มีรายได้แบบ Passive Income กันก็ตาม
ดังนั้น ที่คุณสงสัยมาตลอดว่าจะต้องเป็นคนที่มีรายได้แบบไหนถึงจะดีที่สุด ผมต้องบอกเลยว่าไม่มีด้านไหนที่ดีไปกว่ากันและไม่มีด้านไหนที่ดีที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับว่า “คุณอยู่ตรงไหนแล้วพอใจ” ดีกว่าครับเพราะทุกด้านคุณสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการ หาเงินแบบการเงินสี่ด้าน ที่ในตอนแรกคุณลังเลหรือไม่รู้ว่าช่องการเงินไหนจะดีที่สุด เมื่อรู้คำตอบแบบนี้แล้วพอจะรู้แล้วหรือยังว่าคุณพอใจที่จุดไหน แต่ถ้าหากคำตอบของคุณยังเป็นรายได้แบบ Passive Income แสดงว่าคุณอาจมีเป้าหมายที่สูงซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แล้วทีนี้หากคุณมีเป้าหมายแล้วคุณจะหาวิธีอย่างไรเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ สามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนไอเดียกันมาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
=================================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
วิธีหาเงินและทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ | หาเงิน แบบพ่อรวยสอนลูกกับการเงินสี่ด้าน อยู่ช่องไหนดีสุดต้องดู!!