ในตอนก่อนๆ เราได้เขียนถึงเงินปันผลไปบ้างแล้ว วันนี้เราลองมาดูอีกมุมนึงกันบ้างกับบริษัทBerkshire Hathaway หรือตัวย่อBRK ของวอเรนน์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ไม่เคยจ่ายปันผลเลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ
.
.
ประวัติคร่าวๆของเบิร์กเชียร์ฯ
แรกเริ่มเดิมทีบริษัทเบิร์กเชียร์ดำเนินธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งเป็นบริษัทที่วอร์เรนน์ บัฟเฟตต์เข้าซื้อในปี1965 เนื่องจากวิเคราะห์ว่าราคาต่ำกว่ามูลค่า ในสมัยที่บัฟเฟตต์ยังเน้นการลงทุนแบบก้นบุหรี่ แต่ตัวธุรกิจไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หลังจากผ่านการยื้อมาเป็นเวลานาน โรงงานสิ่งทอก็ปิดตัวลง และเบิร์กเชียร์จึงดำเนินงานต่อในฐานะบริษัทโฮลด์ดิ้งที่เข้าซื้อกิจการอื่นๆมากมายเช่นธุรกิจประกันเช่นGeico, Gen Re ธุรกิจบัตรเครดิตเช่นVisa, Mastercard, Amex อาหารและเครื่องดื่มเช่นDairy Queen, Coca Cola เทคโนโลยีเช่นApple, Amazon และอื่นๆอีกมากมาย
ปัจจุบันหุ้นเบิร์กเชียร์คลาสAราคาหุ้นละประมาณ380,xxxเหรียญ และมีMarket Cap6แสนล้านเหรียญ
.
.
บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นมา38ปีโดยที่ไม่เคยจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเลยสักครั้ง
วอร์เรนน์ บัฟเฟตต์เชื่อมันว่าเบิร์กเชียร์นั้นสามารถใช้กำไรที่มีอยู่ไปลงทุนต่อโดยผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นคุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินตรงๆให้ผู้ถือหุ้น โดยบัฟเฟตต์เคยกล่าวว่าหากวันใดที่เบิร์กเชียร์ไม่สามารถลงทุนใดๆที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินปันผลกับผู้ถือหุ้น เมื่อนั้นเบิร์กเชียร์ก็จะจ่ายเงินปันผล
.
.
จริงๆแล้ววอร์เรนน์ บัฟเฟตต์มองการปันผลอย่างไร?
จากส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ บัฟเฟตต์กล่าวถึงการปันผลไว้ดังนี้
“ทุกๆเหรียญที่ทางบริษัทได้เก็บไว้ควรจะนำไปสร้างมูลค่าทางตลาดได้อย่างน้อยหนึ่งเหรียญแก่เจ้าของ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อเงินทุนที่เก็บไว้สามารที่จะสร้างกำไรเพิ่มขึ้นที่จะให้เท่ากับหรือมากกว่าที่นักลงทุนจะทำได้เอง”
“คุณอยากจะให้กำไรของคุณถูกเก็บไว้ถ้าบริษัทสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าและคุณควรจะขอให้เขาจ่าย(ปันผล)ถ้าหากคิดว่าทางบริษัทไปลงทุนต่อแล้วจะได้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่า”
.
.
สรุป
บัฟเฟตต์มองว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการทำในสิ่งที่ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
หากเงินหรือกำไรที่เก็บไว้นั้นนำไปลงทุนต่อสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าจ่ายปันผลไปตรงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับผู้ถือหุ้นบริษัทก็ไม่ควรจ่ายปันผล
กลับกันหากบริษัทนั้นนำเงินไปลงทุนต่อแล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าจ่ายปันผลหรือไปลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าท่าและเป็นอันตรายบริษัทควรเลือกจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นแทนที่จะนำเงินไปลงทุนนั่นเองครับ
ขอฝากเพจให้ความรู้ทางการเงิน แนะนำหนังสือด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/
BRK บริษัทที่ไม่เคยจ่ายปันผลเลยซักบาท
ในตอนก่อนๆ เราได้เขียนถึงเงินปันผลไปบ้างแล้ว วันนี้เราลองมาดูอีกมุมนึงกันบ้างกับบริษัทBerkshire Hathaway หรือตัวย่อBRK ของวอเรนน์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ไม่เคยจ่ายปันผลเลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ
.
.
ประวัติคร่าวๆของเบิร์กเชียร์ฯ
แรกเริ่มเดิมทีบริษัทเบิร์กเชียร์ดำเนินธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งเป็นบริษัทที่วอร์เรนน์ บัฟเฟตต์เข้าซื้อในปี1965 เนื่องจากวิเคราะห์ว่าราคาต่ำกว่ามูลค่า ในสมัยที่บัฟเฟตต์ยังเน้นการลงทุนแบบก้นบุหรี่ แต่ตัวธุรกิจไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หลังจากผ่านการยื้อมาเป็นเวลานาน โรงงานสิ่งทอก็ปิดตัวลง และเบิร์กเชียร์จึงดำเนินงานต่อในฐานะบริษัทโฮลด์ดิ้งที่เข้าซื้อกิจการอื่นๆมากมายเช่นธุรกิจประกันเช่นGeico, Gen Re ธุรกิจบัตรเครดิตเช่นVisa, Mastercard, Amex อาหารและเครื่องดื่มเช่นDairy Queen, Coca Cola เทคโนโลยีเช่นApple, Amazon และอื่นๆอีกมากมาย
ปัจจุบันหุ้นเบิร์กเชียร์คลาสAราคาหุ้นละประมาณ380,xxxเหรียญ และมีMarket Cap6แสนล้านเหรียญ
.
.
บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นมา38ปีโดยที่ไม่เคยจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเลยสักครั้ง
วอร์เรนน์ บัฟเฟตต์เชื่อมันว่าเบิร์กเชียร์นั้นสามารถใช้กำไรที่มีอยู่ไปลงทุนต่อโดยผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นคุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินตรงๆให้ผู้ถือหุ้น โดยบัฟเฟตต์เคยกล่าวว่าหากวันใดที่เบิร์กเชียร์ไม่สามารถลงทุนใดๆที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินปันผลกับผู้ถือหุ้น เมื่อนั้นเบิร์กเชียร์ก็จะจ่ายเงินปันผล
.
.
จริงๆแล้ววอร์เรนน์ บัฟเฟตต์มองการปันผลอย่างไร?
จากส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ บัฟเฟตต์กล่าวถึงการปันผลไว้ดังนี้
“ทุกๆเหรียญที่ทางบริษัทได้เก็บไว้ควรจะนำไปสร้างมูลค่าทางตลาดได้อย่างน้อยหนึ่งเหรียญแก่เจ้าของ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อเงินทุนที่เก็บไว้สามารที่จะสร้างกำไรเพิ่มขึ้นที่จะให้เท่ากับหรือมากกว่าที่นักลงทุนจะทำได้เอง”
“คุณอยากจะให้กำไรของคุณถูกเก็บไว้ถ้าบริษัทสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าและคุณควรจะขอให้เขาจ่าย(ปันผล)ถ้าหากคิดว่าทางบริษัทไปลงทุนต่อแล้วจะได้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่า”
.
.
สรุป
บัฟเฟตต์มองว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการทำในสิ่งที่ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
หากเงินหรือกำไรที่เก็บไว้นั้นนำไปลงทุนต่อสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าจ่ายปันผลไปตรงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับผู้ถือหุ้นบริษัทก็ไม่ควรจ่ายปันผล
กลับกันหากบริษัทนั้นนำเงินไปลงทุนต่อแล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าจ่ายปันผลหรือไปลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าท่าและเป็นอันตรายบริษัทควรเลือกจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นแทนที่จะนำเงินไปลงทุนนั่นเองครับ
ขอฝากเพจให้ความรู้ทางการเงิน แนะนำหนังสือด้วยนะคร้าบ https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/