ปั้มน้ำที่ทำให้พื้นทึ่ในเยอรมันไม่กลายเป็นทะเลสาบ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
The Pumps That Must Run Forever, 
Or Part Of Germany Floods


มุมมองพื้นที่ Ruhr Area
จาก  Mottbruchhalde ใน Gladbeck
©  Berndbrueggemann / Dreamstime.com



หุบเขา Ruhr ใน North Rhine-Westphalia
ที่นี่เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมของเยอรมนี
ที่ผลิตถ่านหินและเหล็กกล้า
ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญอย่างมาก
ในการทำอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ

ถ่านหินถูกขุดที่นี่เป็นเวลาอย่างน้อย 400 ปี
โดยปกติมักจะเป็นเรือขุดแร่ที่ลอยน้ำตื้น
แล่นหาแร่ตามแม่น้ำ Ruhr

ในศตวรรษที่ 19
การเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
มึความต้องการถ่านหิน/เหล็กกล้าเพิ่มขึ้น
และมีการขุดลึกถึงตะเข็บถ่านหินที่ลึกกว่า
เป็นครั้งแรกที่ขุดถึง หูแร่ แหล่งสายแร่มาชนกัน
ขุดง่ายมากหิ้วแร่ขึ้นมาไดัมาก จังหู(มากจริง ๆ)
(เร็วจังหู เร็วจริง ๆ หรอยจังหู อร่อยจริง ๆ)

ภายในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ
ผลผลิตถ่านหินของ Ruhr
พุ่งสูงขึ้นจาก 2 ล้านตันต่อปี
ในปี 1850 ผลิตได้มากกว่า 100 ล้านตัน
ในตอนท้ายศตวรรษที่ 19  ก็เช่นกัน
การผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นจากเพียง 11,500 ตันต่อปี
เป็น 8 ล้านในเวลาต่อมาไล่เลี่ยกัน

 
การเติบโตอย่างเร็วด้านอุตสาหกรรมของ Ruhr
ผลักดันให้เกิดการขยายตัวของเมือง
ทั่วทั้ง North Rhine-Westphalia หลายเมือง
ผู้คนต่างอพยพมาจากทั่วเยอรมนี
และภูมิภาคที่อยู่ติดกันมาเป็นกรรมกร
เพื่อทำงานในเหมืองแร่ถ่านหิน/ในโรงงานเหล็ก
ยุคนั้นเยอรมันกับหลายชาติยังเป็นระบบไพร่ที่ดิน
มีแต่พวกศักดินา คือ เจ้าที่ดิน ที่ให้ไพร่ทำกิน
ทำให้อาชีพที่หาง่ายสุดคือ กรรมกร
ก่อนที่ระบบประชาธิปไตยจะมาล้มล้าง
การมีที่ดินจำนวนมากด้วยกฎหมาย/ภาษี

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
เมืองเล็ก ๆ ที่เดิมมี 2,000-5,000 คน
มีคนมาอยู่หลายแสนคนจนกลายเป็นเมืองใหญ่


อุตสาหกรรมถ่านหินของ Ruhr 
เริ่มลดลงตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 

ในช่วงทศวรรษ 1970 
เยอรมนียังใช้ถ่านหินที่ขุดง่ายในหุบเขา Ruhr
แต่แล้วไม่สามารถแข่งขันในด้านราคาได้อีก
อุตสาหกรรมเหล็กก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เพราะถูกตัดราคาจากคู่แข่งเมืองนอก
ที่มีต้นทุนต่ำกว่าจากอุตสาหกรรมเกิดใหม่
เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐ รัสเซีย จีน อินโดนีเซีย

ปัจจุบัน Ruhr
ยังคงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญ
แต่เศรษฐกิจของเมืองได้เปลี่ยนเป็น
อุตสาหกรรมด้านบริการสุขภาพ เทคโนโลยี
สารสนเทศ การขนส่งและโลจิสติกส์





อัฒจันทร์ในกองตะกรันเดิม 
Halde Haniel ใน Bottrop 
หนึ่งใน Slag Heaps ที่สูงที่สุด
ในพื้นที่ Ruhr มีความสูง 159 เมตร 
© Rab Lawrence / Flickr




แม้ว่า Ruhr จะไม่ผลิตถ่านหินอีกต่อไป 
แต่หลายศตวรรษของการขุดถ่านหิน
ได้ทิ้งร่องรอยรอยบาดแผลไว้บนพื้นดิน
ที่ลบไม่ออกในภูมิศาสตร์ของภูมิภาคนี้
กองขยะขนาดมหึมากองอยู่เกลื่อนกลาด
ประกอบด้วยอิฐ หิน ดิน ทราย ขี้ตะกรัน
และสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ถ่านหิน สิ่งเหล่านี้เรียกว่า
Halde (อุนจิ/อึ) ในภาษาเยอรมัน
แม้ว่าหลายแห่งจะถูกยึดคืนด้วยพืชพันธุ์
ภูมิทัศน์ ถูกเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ จุดชมวิว
หรือเป็นที่ตั้งของงานศิลปะสาธารณะกลางแจ้ง



ลักษณะของพื้นที่ Ruhr หากปั๊มน้ำหยุดนิ่ง
© Helge Hoffmann



การทำเหมืองถ่านหิน
ได้ทิ้งมรดกอัปลักษณ์ไว้ในภูมิภาคนี้
คือ ปล่องบ่อใต้ดินที่ลึกมากกว่า 20 เมตรหลายจุด
ทำให้ในสถานที่ต่าง ๆ เจิ่งนองไปด้วยน้ำ
น้ำทึ่ไหลลงไปจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
น้ำจึงมีแนวโน้มที่จะรวมตัวกันเป็นหย่อม ๆ
และหากไม่มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 180 เครื่อง
ที่ติดตั้งอยู่รอบ ๆ Ruhr ที่มีประชากรหนาแน่น
จะทำให้ที่อยู่อาศัยของคนมากกว่า 5 ล้านคน
ในพื้นที่แถบนี้จะกลายเป็นทะเลสาบ





Hahnenbach (Boye)



The Emscher in southern Dortmund



Rhine



เครื่องสูบน้ำบริหารงานโดย
Emschergenossenschaft
ต้องทำการสูบน้ำใต้ดินระบายออก
มากกว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรทุกปี

ทั้งยังสูบแม่น้ำ Boye ทั้งสาย
ที่สูง 18 เมตรจากระดับพื้นดิน
ให้ลงสู่แม่น้ำ Alte Emscher ให้ไหลสู่แม่น้ำ Rhine
เพื่อให้น้ำระบายออกจากพื้นที่คนพักอาศัยอยู่

ถ้าไม่ทำ 1 ใน 5  ของภูมิภาคนี้จะจมอยู่ใต้น้ำ
หากไม่มีการบริหารจัดการสูบน้ำออกจากพื้นที่
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ไข่แดงที่ผู้คนส่วนใหญ่
อาศัย/มีพาณิชยกรรม/ทำอุตสาหกรรม





Alte Emscher ผ่านสวนสาธารณะ Duisburg





สถานีสูบน้ำแห่งแรกเริ่มดำเนินการในปี 1914
บนแม่น้ำ Alte Emscher ในเมือง Duisburg
ทุกวันนี้ทุก ๆ เมืองที่ได้รับผลกระทบใน Ruhr
จะมีเครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก
ไปจนถึงเครื่องสูบน้ำขนาดยักษ์
ที่สูบน้ำได้ถึง 40,000 ลิตร/วินาที

การทำให้ปั๊มน้ำเหล่านี้ทำงานอย่างต่อเนื่อง
กลายเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
จึงบริหารจัดการโดยบริษัท เหมืองถ่านหิน
(มีการเก็บค่าใช้จ่ายจากชาวบ้านส่วนหนึ่ง)







งานศิลป์ บน Halde Haniel
ใน Bottrop © Rab Lawrence/Flickr



จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปั๊มน้ำหยุดทำงาน


Stefan Hager ผู้รับผิดชอบด้านสถานที่ตั้ง
และบริการภูมิสารสนเทศที่ RAG
(บริษัทเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน)
ได้ให้คำอธิบายว่า

" ความหายนะยังไม่เกิดขึ้นทันที
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ทำเลที่ตั้ง (ที่ลุ่มที่ดอน)
บางแห่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่า
ที่น้ำใต้ดินจะเริ่มไหลเอ่อล้นออกมา
ทำให้ช่างมีเวลาเพียงพอในการซ่อมแซมปั๊ม

ตามหลักวิทยาศาสตร์
น้ำท่วมไม่ได้เกิดจากน้ำใต้ดิน
แต่เกิดจากฝนตกหนักแล้วระบายไม่ทัน
น้ำจากแม่น้ำ Rhine ต้องใช้เวลาหลายวัน
กว่าจะสูงขึ้นจนล้นตลิ่ง
แม่น้ำ Alte Emscher ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
เพราะเป็นพื้นที่ปิดล้อมรอบ และตัองทำให้
น้ำระบายออกไปให้ได้เร็วที่สุด ”

แต่บางคนคิดว่าควรปิดปั๊มน้ำบางตัว
จะทำให้ภูมิภาคนี้
มีทะเลสาบ/พื้นที่ชุ่มน้ำ
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่แห่ง
ก็จะทำให้ Ruhr มีเสน่ห์มากกว่า
พื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
 

เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/3eD5AXb
http://bit.ly/3tzvm2T




 ❄































เรื่องเดิม  Loos-en-Gohelle ภูเขาจากเศษหินเศษทรายของเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ฝรั่งเศส


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Terrils dangereux




โครงการระบายน้ำจากทะเลสาบ Fucine อิตาลี





โครงการป้องกันน้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดในโลกของญี่ปุ่น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
G-CANs underground flood control




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ลิวง LIWONG อ.จะนะ จ.สงขลา
สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย (ขุมเหมืองเก่า)






เรื่องเล่าไร้สาระ


น้ำท่วม คือ ที่วัดระดับที่ดินโดยธรรมชาติ
เหมือนตัววัดระดับน้ำของช่างมืออาชีพ/ช่างมืออาภัพ
ที่สายตาคนเรามักจะหลอกตาว่าเป็นที่ราบ/เสมอกัน
พอน้ำท่วมจะเห็นที่ดอนที่น้ำไม่ท่วม

น้ำท่วมแต่ละครั้ง
มีทั้งวิกฤต มีทั้งโอกาส (ซวย/รวย)
นักลงทุนบางคนยอมนั่งเรือ
ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไปดูรอบเมือง
เพื่อดูที่ดอน จะไดัซื้อมาลงทุนขายต่อ
แต่ถัาที่ดอนขายแพงมาก
ก็หาซื้อที่น้ำท่วม ที่ไม่ลึก/ไม่สูงมาก
มาถมดินที่ระดับ 1-2 เมตร ให้สูงกว่าที่เดิม
แล้วนำมาขายต่อแพงกว่าเดิม
หรือทำแบบอัฐยายซื้อขนมยาย
ขุดดินที่ซื้อ เอามาถมที่ดินที่ซื้อ
แล้วพัฒนาขายต่อ โฆษณาว่า
มีทะเลสาบในหมู่บ้าน





ขุมเหมืองดีบุกภาคใต้ที่เลิกทำแล้ว
มักจะเป็นแอ่งน้ำขังลึกมาก 100 -200 เมตร
ชาวบ้านมักจะบอกว่าลึกราว 10 ต้นมะพร้าวแก่
แต่ก่อนให้ฟรียังไม่มีคนเอาเพราะไม่รู้ทำอะไรดี
เลี้ยงปลาก็จับยากเพราะน้ำลึกมาก
ทำเกษตรน้ำก็แทบไม่จำเป็นมาก
เพราะภาคใต้ฝนตกเกือบตลอดทั้งปี
จากสภาวะมีไอน้ำจากทะเลขนาบด้ามขวาน 2 ด้าน
พร้อมกับทิวเขาหลายแห่ง ทำให้มีฝนมาก
ฝนแปด แดดสี่ ตามทึ่พูดกัน
ฝนไม่ตกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็บ่นว่า แล้งแล้ว

ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในหาดใหญ่
ลงทุนขุดสระพักน้ำใต้ดิน
แลัวเทพื้นให้ด้านบนเป็นที่จอดรถยนต์
ไว้เก็บกักน้ำฝนจากรางน้ำฝนของอาคาร
ที่นี่ประหยัดค่าน้ำปีละครึ่งล้านบาทอย่างต่ำ
เพราะแค่นำน้ำมากรองก็ใช้ได้แล้ว

ที่สวนโมกข์ไชยา(ฝั่งไทย/ฝั่งนานาชาติ)
ก็ใช้พื้นชั้นล่างที่พัก หล่อปูนเป็นที่เก็บน้ำฝน
กับมึโอ่งรองรับน้ำฝน/น้ำค้างไว้ใช้

ทุกวันนี้มีกิจการหลายแห่ง
เริ่มใช้น้ำขุมเหมืองที่ผ่านการบำบัด
เพื่อลดต้นทุนไม่ต้องจ่ายค่าน้ำบาดาล
ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล(คิวละ 3.50 บาท)

ขุมเหมืองที่ภูเก็ตพังงา
ซื้อขายกันไร่ละหนึ่งล้านบาทอย่างต่ำ
เพราะเอกชนขายน้ำให้โรงแรมร้านอาหาร
สาเหตุจากน้ำประปาไม่พอใช้/แพงกว่า

เพื่อนคนหนึ่ง ผู้มาก่อนกาลเวลา
ถูก Bank ทิดพาไนให้ Sorry Retired
ข้อหาว่าช่วยลูกหนี้เรื่องราคาประเมิน
ที่ดินขุมเหมืองเรื่อง หนี้/ราคาประเมิน

เดิม Bank ไม่ให้ราคาประเมินสักบาท
เพิ่งจะมายอมรับในภายหลัง
หลังจากเพื่อนถูกให้ออกไป 2 ปีแล้ว


ส่วนแถวร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช
ใช้น้ำจากขุมเหมือง ต้องระมัดระวัง
เพราะมีสารหนูปนเปื้อนมาก
ตัองผ่านการตรวจสอบ/กรองก่อน
เพราะเคยเป็นข่าวดังในอดีต



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่