[CR] รีวิวการสมัครเข้าเรียน อนุบาล 1 โรงเรียนสาธิตราม 2 บางนา ภาคภาษาไทย ปี 2564

กระทู้รีวิว
รีวิวการสมัครเข้าเรียน ระดับชั้น อนุบาล 1 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา (ราม 2)

อนุบาล 1 ภาคภาษาไทย รับจำนวน 60 คน (โควตาบุคลากร 20% บุคคลทั่วไป 80%)

เปิดขายใบสมัคร 2-17 ธันวาคม 2563
จำหน่ายใบสมัคร 200 บาท ในใบสมัครจะมีเลขรันลำดับการรับเอกสารเพื่อสมัครเรียนตามวันที่กำหนด
ลำดับที่ 1-350 ยื่นเอกสารสมัครในวันที่ 15 ธันวาคม 2563
ลำดับทึ่ 351-700 ยื่นเอกสารสมัครในวันที่ 16 ธันวาคม 2563
ลำดับที่ 701 เป็นต้นไป ยื่นเอกสารสมัครในวันที่ 17 ธันวาคม 2563

ในกรณีผู้ปกครองไม่สามารถมายื่นเอกสารตามวันที่โรงเรียนกำหนดข้างต้นได้ (เช่นได้ใบสมัครระบุวันที่ 15 แต่ติดงาน 15-16 แต่อยากจะมา 17)
1. ฝากให้คนอื่นมายื่นแทน โดยที่เด็กและผู้ปกครองเด็กไม่จำเป็นต้องมาก็ได้
2. กรณีฝากให้คนอื่นมาแทนไม่ได้ จะต้องไปทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการมายื่นเอกสารสมัครเรียนในวันที่สะดวก ที่ห้องธุรการ
เพื่อให้ทางผู้บริหารพิจารณาและลงนามอนุญาต จึงจะมาสมัครในวันอื่นที่ไม่ตรงกับวันตามใบสมัครได้ แล้วนำหนังสือติดมาในวันยื่นเอกสาร

ในใบสมัครจะมี username และ password ให้เข้าไปในระบบ SISA เพื่อกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง แล้ว print เอกสารออกมาในวันยื่นเอกสาร

คำแนะนำ  >> ถ้าสะดวกไปยื่นเอกสารสมัครวันไหนก็ได้ ไปซื้อใบสมัครเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าฟิกซ์วันเช่นจะสมัครวันแรก วันจันทร์ ควรไปซื้อใบสมัครตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันยื่นเอกสาร (15 16 17 ธันวาคม 2563) ณ ห้องประชุมของโรงเรียน
1. เตรียมเอกสารต่างๆ ไปให้พร้อม ภาพถ่าย บิดา-มารดา-นักเรียน ยื่นเอกสาร และเข้าแถวรับบัตรคิว 
2. โต๊ะแรกรับเอกสารสมัคร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วไปรอเรียกที่โต๊ะรับชำระเงินค่าสมัคร 500 บาท (เตรียมเงินสดไปให้พอดี)
3. เมื่อชำระเงินเรียบร้อย จะได้บัตรประจำตัวผู้สมัครสอบ ให้เก็บไว้ให้ดีห้ามทำหาย เพราะต้องใช้แสดงในวันสอบสัมภาษณ์

Fact >> วันนี้ เด็กจะมาหรือไม่มาก็ได้ไม่มีผล ใครมายื่นแทนให้ก็ได้ สำคัญแค่เอกสารต้องครบ และชำระเงินเรียบร้อย

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันทดสอบสัมภาษณ์
**เด็กจะต้องมาพร้อมกับบิดาและมารดา รวม 3 คน ในห้องสอบจะจัดที่นั่ง 3 ตัว สำหรับพ่อ-แม่-ลูก ลูกนั่งตรงกลาง

เด็กชาย ภาคปกติ 18 มกราคม >> จากเหตุโรคระบาดเลื่อนเป็น 1 มีนาคม 2564
เด็กหญิง ภาคปกติ 19 มกราคม >> จากเหตุโรคระบาดเลื่อนเป็น 2 มีนาคม 2564
เด็กชาย-หญิง ภาคEP 21 มกราคม >> จากเหตุโรคระบาดเลื่อนเป็น 4 มีนาคม 2564

เวลานัดสัมภาษณ์ 7.30 น. เปิดเริ่มลงทะเบียน ผู้ปกครองต่อคิวยื่นบัตรประจำตัวผู้สมัครเพื่อรับบัตรคิว
แล้วนั่งหน้าห้องประชุม รอเรียกตามลำดับคิว เข้าทีละบ้าน โดยเริ่มเรียกคิวที่ 1-2-3-4 เวลา 8.00 น.

Fact >> คิวแรกมาถึงตั้งแต่ 5.30 น. ผู้ปกครองไปเข้าคิวแค่คนเดียวก็ได้ ใครต่อคิวก่อนจะได้คิวลำดับแรกๆ ก่อน หลายๆ บ้านเตรียมอาหารมาให้เด็กทานระหว่างต่อคิว โรงเรียนไม่มีอาหารจำหน่าย บางบ้านก็ทำกิจกรรมกันไปเพื่อปรับอารมณ์เด็กก่อนเข้าห้องประชุม ทางโรงเรียนประกาศตลอดว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเด็กในโรงเรียน และเมื่อรับการทดสอบเสร็จแล้วให้เดินทางกลับทันที ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่การเรียนการสอน

คำแนะนำ >> อย่าลืมปรับสภาพอารมณ์เด็ก เช่นการปรับเวลาให้ตื่นเช้าจนเริ่มคุ้นเคย เพราะบางบ้านปกติเด็กตื่นสายโดนเรียกมาแต่เช้า อาจรู้สึกหงุดหงิดและไม่ให้ความร่วมมือได้ อาหารควรเตรียมให้พร้อม มาทานระหว่างรอคิวได้ ให้คุณพ่อหรือคุณแม่ไปต่อคิว แล้วอีกคนดูแลให้ทานอาหาร และพาเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องทดสอบ ก่อนเข้าก็ปรับอารมณ์ ทำใจให้สบายกันทุกคน อะไรจะเกิดก็เกิด ปล่อยให้เป็นไป

--------------------------------------------------------
เมื่อถึงคิว ยื่นบัตรคิว แล้วจะต้องนั่งเก้าอี้หน้าห้องประชุม ซึ่งมีประมาณ 4 แถวสำหรับ 4 ครอบครัว
Fact >> ในกรณีที่เด็กร้องไห้ไม่ยอมเข้าห้องประชุม คณะกรรมการจะให้ผู้ปกครองพาเด็กพักรอ จนกว่าจะสงบแล้วจึงจะเข้ารับการทดสอบ โดยคาดว่าจะเริ่มมีการเก็บคะแนนตั้งแต่จุดนี้ ถ้าเด็กไม่พร้อมที่จะเข้าห้องประชุม อาจมีการตัดคะแนน

-------------------------------------------------------
ในห้องประชุม จะมีโต๊ะคณะกรรมการ มีอยู่ประมาณ 5 โต๊ะ โต๊ะละ 2 ท่าน 
ถ้ามีโต๊ะไหนว่าง จะเรียกให้เข้าไปรับการสัมภาษณ์ โดยใช้เวลาราว 3-5 นาที และจะมีโซนสำหรับให้เด็กไปเล่นแยกต่างหาก

1. เด็กนั่งกลาง พ่อแม่นั่งซ้าย-ขวาข้างเด็ก
2. คณะกรรมการ จะกล่าวสวัสดีเด็ก >>> เด็กจะต้องยกมือไหว้คณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะกล่าวย้ำถึง 3 ครั้ง
3. คณะกรรมการ จะถามเด็กดังนี้
>> ชื่ออะไร ?
>> พ่อชื่ออะไร ?
>> แม่ชื่ออะไร ?
>> ชอบอะไร ?
4. คณะกรรมการ จะให้ครูนำเด็กไปเล่นตรงโต๊ะเด็กเล่น (ทดสอบการแยกตัวจากผู้ปกครอง)
5. คณะกรรมการจะสัมภาษณ์ พ่อ และ แม่เด็ก ด้วยคำถามทั่วๆ ไป 
>> พ่อแม่ทำงานอะไร ? / เลี้ยงลูกเองไหม ? / เด็กดูแลตัวเอง-ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ? / กิจกรรมที่ลูกชอบทำคืออะไร ? / บ้านอยู่ที่ไหนไกลจากโรงเรียนไหม ?
หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้พ่อแม่ออกไป แล้วไปรอรับลูกที่ประตูอีกด้านของห้องประชุม โดยจะใช้เวลารอเด็กไม่เกิน 3-5 นาที

Fact : 1 มีนาคม 2564 รอบเด็กชาย ภาคภาษาไทย มีมารับการสัมภาษณ์ราว 130 คน (จาก 150 คน) รับ 30 คน
แปลว่าจะต้องมีเด็กชายร่วมๆ 100 คนที่จะต้องถูกคัดออก ดังนั้น ถ้าเด็กไม่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ที่โรงเรียนได้ตั้งไว้จะถูกตัดคะแนนออก
1. ความพร้อมในการเข้าห้องทดสอบ >> ร้องไห้ โวยวาย ไม่ยอมเข้าห้องทดสอบ คาดว่าจะโดนตัดคะแนน
2. ยกมือไหว้คณะกรรมการ >> ถ้าไม่ยกมือไหว้ ภายใน 3 ครั้งที่คณะกรรมการกล่าวให้ยกมือไหว้ โดนตัดคะแนน (แน่ๆ)
3. ชื่อตัวเอง พ่อ แม่ ต้องตอบได้ยินเสียงชัดเจน >> ถ้าตอบได้แต่ขมุบขมิบแค่มุมปาก พูดเบา ไม่กล้าตอบ โดนตัดคะแนน (แน่ๆ)
4. ชอบอะไร ก็ต้องตอบ >> ถ้าไม่ตอบก็โดนตัดคะแนน (แน่ๆ)
5. การแยกตัวจากผู้ปกครอง โดยมากมักไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าบ้านไหนร้องกระจองอแงไม่ยอมแยกตัว >> โดนตัดคะแนน (แน่นอน)
6. การตอบคำถามของผู้ปกครอง รวมถึง อาชีพ ที่อยู่ หรือข้อมูลอื่นใดที่ผู้ปกครองตอบคณะกรรมการไป เชื่อว่าไม่มีผลต่อคะแนนใดๆ (ใครจะตอบให้ลูกตัวเองดูดียังไงก็ได้ ? คำตอบนี้จึงไม่มีน้ำหนักใดๆ)
7. กิจกรรมที่แยกให้เด็กไปเล่นบนโต๊ะ จะมีครูประกบอยู่ 1 คน อาจมีเพียงแค่การสังเกตว่าเล่นอะไรอย่างไร แต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อคะแนนใดๆ เพราะอยู่กันแค่ครู 1 ต่อ เด็ก 1 เท่านั้น

สรุป เด็กชายร่วมๆ 100 คนที่ถูกคัดออก ส่วนใหญ่ก็น่าจะเรื่อง ไม่ยกมือไหว้ ไม่ยอมบอกชื่อตัวเอง ชื่อพ่อแม่ และไม่บอกว่าตัวเองชอบอะไร (หรือตอบแต่เบาหรือไม่กล้าตอบ เพราะอาย หรือเขิน หรืออะไรก็แล้วแต่) เป็นการคัดเลือกที่เดาผลได้ไม่ยาก ใครพลาดน้อยที่สุดก็จะเป็นผู้ถูกคัดเลือก โรงเรียนเป็นผู้เลือกเด็ก ไม่ใช่ผู้ปกครองเลือกโรงเรียน และดูเหมือนทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการไหว้ และการกล้าแสดงออกที่จะตอบคำถาม กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเป็นอย่างยิ่ง

----------------------------------------------------

ช่วง Q & A
Q : บ้านอยู่ใกล้โรงเรียนมากๆ มีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ ?
A : เท่าที่ทราบ แม้บางครอบครัวที่บ้านตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนในระยะเดินไปอาคารเรียนได้ แต่ไม่ได้รับการพิจารณา ดังนั้น ระยะทางบ้านใกล้-ไกลโรงเรียน ไม่มีผลต่อการพิจารณาใดๆ

Q : เรื่องการช่วยเหลือตนเอง มีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ ?
A : ระยะเวลาในการทดสอบถามเด็กเพียง 3-5 นาที และ ปล่อยให้เด็กไปเล่นของเล่นบนโต๊ะอีกไม่เกิน 5-10 นาที โดยที่ไม่มีการถามอะไรเพิ่มเติมจากเด็ก หรือให้เด็กแสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างไรบ้าง มีเพียงการสอบถามกับผู้ปกครองเท่านั้น ซึ่งผู้ปกครองจะตอบแบบไหนก็ได้(คณะกรรมการไม่ได้ให้น้ำหนักคำตอบผู้ปกครอง) แปลว่าเรื่องนี้ ไม่มีผลต่อการพิจารณาแต่อย่างใด

Q : เรื่องใส่หน้ากากอนามัย จะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ ?
A : สำหรับโรงเรียนนี้ ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าระหว่างการสัมภาษณ์มีการถอดหน้ากากอนามัย หรือไม่ยอมสวมหน้ากาก อาจมีผลต่อคะแนน ?

Q : ในการทดสอบมีการให้เด็กขีดเขียนหรือประเมินผลอื่นเช่นการตอบคำถามในแนวทางเดียวกัน หรือทดสอบเรื่องรูปทรง-สี หรือไม่ ?
A : มีเพียงแค่การยกมือไหว้ตอบคำถามคณะกรรมการตามที่กำหนดคือ ชื่อตัวเอง-ชื่อพ่อ-ชื่อแม่-ชอบอะไร และไปเล่นบนโต๊ะเด็กเล่นแบบอิสระ ไม่มีการปล่อยให้ขีดเขียนกระดาษ (ทดสอบพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่-มัดเล็ก) หรือทดสอบอื่นใดเพิ่มเติมอีก

-----------------------------------------------------
ประกาศผลการคัดเลือก 12 มีนาคม 2564 เวลา 8.00 น. ผ่านระบบ SISA
ผู้ปกครองสามารถล๊อกอินเพื่อไปดูผลด้วยตนเองได้ทันที ไม่มีการประกาศหน้าโรงเรียน
https://www.facebook.com/544867869332918/photos/a.559194434566928/1050242815462085/

Fact
>> ระบบ update ก่อนเวลาเล็กน้อย แค่ล๊อกอินก็จะทราบแล้วว่าได้หรือไม่ได้
แต่ภาษาที่โรงเรียนใช้ กรณีที่ไม่ได้จะบอกว่า "คุณไม่มีรายชื่อเข้าเรียนในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา"
ซึ่งจริงๆ ตอบแค่ว่า ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน จะชัดเจนกว่า
>> มีการประกาศผลตัวสำรอง โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแบบสำรอง จะมีคำว่า (สำรอง) ต่อท้าย
>> จาก Comment บนโพสต์บนเพจของโรงเรียน มีหนึ่งครอบครัวที่เป็นลูกแฝด ได้รับผล ผ่าน 1 ไม่ผ่าน 1
แปลว่า แม้จะเป็นแฝด ไม่ได้แปลว่าจะต้องได้ทั้ง 2 คน รวมถึงกรณีเป็นพี่น้องกัน ก็ไม่ได้แปลว่าคนพี่ได้แล้วน้องจะต้องได้ในรุ่นถัดไป

--------------------------------------------------------
มอบตัว 24 มีนาคม 2564 โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องดาวน์โหลดแบบฟอร์มมอบตัว และไปชำระเงินที่ธนาคารทหารไทยให้เรียบร้อย

--------------------------------------------------------
เพิ่มเติมความเห็นส่วนตัว
ที่โรงเรียนนี้ การทดสอบมีเพื่อคัดเด็กจำนวนมากออกแบบง่ายที่สุด โดยมิได้สนใจปัจจัยด้านอื่น
เช่นความตั้งใจ หรือ พัฒนาการของเด็ก มิใช่การวัดความสามารถหรือความพร้อมของเด็กที่จะเข้าศึกษาต่ออย่างแท้จริง

ดังนั้นถ้าเด็กบ้านไหน ไม่ได้รับคัดเลือกให้เรียนต่อที่นี่ ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเด็กอาจจะไม่เหมาะกับที่นี่
ถ้าผู้ปกครองบ้านไหน อยากจะมาลองที่นี่ อาจจะด้วยความใกล้บ้าน หรือชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ต้องคิดเสียว่า เหมือนเอาลูกมาเป็นผักเป็นปลาขนให้โรงเรียนเลือก ลูกคุณเป็นผักหรือปลาที่ไหว้และตอบคำถามได้ดีตรงตามเกณฑ์ของคณะกรรมการ ก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณามากขึ้น แต่ถ้าลูกทำไม่ได้ เตรียมใจหาที่อื่นรอได้เลย ถ้าไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่าได้รับการพิจารณาแบบดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก เลือกที่อื่นตั้งแต่ต้นจะดีกว่า
ชื่อสินค้า:   โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่