จานต่อไปเป็น "สันคอออสเตรเลีย" สไลด์มาบางมีติดเอ็นกับไขมันมาบ้างนิดหน่อยแต่ยังคงความนุ่มมีรสชาติที่เข้มข้นหอมกลิ่นไขมันเนื้ออบอวลในปากแบบเดียวกับเนื้อเกรดนำเข้าจากออสเตรเลียในร้านอาหารที่เสิร์ฟให้แบบ A La Carte นอกจากนี้ยังมี "เนื้อสันคอธรรมดา" ซึ่งเป็นเนื้อไทยให้สั่งในบุฟเฟ่ต์ราคา 499++ แต่ไม่ได้เขียนในใบสั่งอาหารมาเพราะอยากทานแต่เนื้อเฉพาะในเล่มเมนูราคาแพงมากกว่า แล้วนี้ยังมีหมูดำ/หมูดำสามชั้น/หมูบดไม้ไผ่กับไก่บดไม้ไผ่และอาหารทะเลมากมายทั้งเนื้อปลาดอรี่/ปลาหมึก/หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์/กุ้งสดตัวใหญ่เอาใจสายซีฟู๊ดอีกด้วย ตอนนี้เนื้อสัตว์สำหรับลงในหม้อชาบูที่เราสั่งมาเสิร์ฟครบทุกอย่างแล้วมาลองลวกชิมกับน้ำจิ้มต่างๆกันครับ
[CR] รีวิว"Tenten บุฟเฟ่ต์ชาบู 4 สี หมีออนเซ็น"เสิร์ฟเนื้อวากิว-อาหารญี่ปุ่นเริ่มต้น 499++฿ ใกล้ BTS สยาม
เดินมาดูเมนูบุฟเฟ่ต์ของร้านนี้ราคาเริ่มต้นที่ 499++ / 599++ และ 799++ มีเมนูต่างๆให้เลือกทั้งเนื้อหมู/เนื้อวัว/ไก่บด/หมูบด/ซีฟู๊ด/ซูชิ/ซาชิมิ/อาหารทานเล่น/ผัก-ลูกชิ้น/เครื่องดื่มและขนมหวานรวมทุกอย่างแล้วเกือบ 80 เมนูเพิ่มเนื้อวากิวมาอีก 2 รายการคือ Wagyu Ribeye และ Wagyu Soto Momo มาให้สั่งไม่อั้นเมื่อทานบุฟเฟ่ต์ราคา 799++ แถมมีไอศครีม Häagen-Dazs ให้ทานได้ไม่อั้นตลอด 100 นาที เด็กที่ส่วนสูงต่ำกว่า 100 ซม. ทานฟรี ส่วนสูง 101-120 ซม. คิดเพียงครึ่งราคา หากส่วนสูงมากกว่า 120 ซม. คิดราคาผู้ใหญ่ตามปกติและมีเงื่อนไขอีกอย่างก็คือปรับจริง (รวมถึงสั่งซูชิมาแล้วทานแต่หน้าเหลือข้าวทิ้งก็ปรับนะ) ว่าแล้วก็เข้าไปภายในร้านกันเลยครับ
ขนาดเรามาทานกันวันธรรมดาช่วงบ่ายแบบนี้ลูกค้ายังเยอะและเดินเข้ามาใหม่เรื่อยๆ (แสดงว่าต้องมีของดีที่ไม่ธรรมดา) โซนที่นั่งภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 จุดนั่นก็คือ โซนนั่งด้านในร้านโต๊ะเรียงกันเป็นแนวยาวและโซนโซฟาริมหน้าต่างขนาดใหญ่มองเห็นสถานี BTS สยามได้อย่างชัดเจน นอกนั้นก็เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์สำหรับตักผักสด-ลูกชิ้นและเส้น/ตู้ไอศครีมสำหรับคนที่ทานบุฟเฟ่ต์ต่ำกว่าราคา 799++ และโซนน้ำจิ้มให้ปรุงเองสุดอลังการมีให้เลือกทานกว่า 8 สูตร นอกจากนี้ก็มีตู้แช่เย็นใส่ขนมหวานไว้เป็นถ้วยและโซนเครื่องดื่มต้องบริการตัวเองให้เดินมากดได้ตามใจครับ
มาถึงที่โต๊ะก็มีเล่มเมนูรูปภาพแบบเดียวกับที่ติดหน้าร้านและใบสั่งอาหารรวมทั้งหมด 3 ราคาก็คือ Premium / Beyond และ Ultimate โดยจำนวนเมนูที่ให้สั่งก็จะเพิ่มขึ้นตามราคาที่เลือก ระหว่างนี้ให้แฟนผมสั่งเมนูซูชิกับชาบูไปส่วนเรามาสำรวจที่ไลน์อาหารกันมีให้ตักทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป/เต้าหู้ไส้ชีส/ลูกชิ้นไส้คริลตัลไข่ปลา/เต้าหู้หลอดไข่ไก่/ฟักทอง/ต้นหอมญี่ปุ่น/ข้าวโพด/เส้นอูด้ง/เส้นแก้วสาหร่าย/วุ้นเส้น/ถั่วแระ/เห็ดชิเมจิ/เห็ดเข็มทอง/หอมหัวใหญ่ /แครอท/ขึ้นฉ่าย/เห็ดออเร็นจิ/ผักกาดขาว/ไข่ไก่/กระหล่ำปลี/กวางตุ้งฮ่องกงและผักบุ้ง โดยก่อนตักนั้นมีถุงมือกับเจลแอลกอฮอล์ให้ทำความสะอาดมือก่อนจับที่คีบเพื่อตักอาหารแล้วอย่าลืมนำจานสีดำที่อยู่บนโต๊ะมาใส่อาหารด้วยนะครับ (ที่นี่ใช้จานรีฟิลโต๊ะใครโต๊ะมันไม่มีวางไว้ให้หยิบใหม่แบบร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูที่อื่น) สะอาดปลอดภัยแน่นอนครับ
น้ำจิ้มที่ร้านนี้มีให้เลือกทานทั้งหมด 8 สูตรนั่นก็คือน้ำจิ้มแจ่ว/น้ำจิ้มงา/น้ำจิ้มสุกี้/น้ำจิ้มสไปซี่/น้ำจิ้มซีฟู๊ด/น้ำจิ้ม Volcano BBQ/น้ำจิ้มหมาล่าและน้ำจิ้มพอนสึ ปรุงรสให้แซ่บตามใจตัวเองด้วยพริกขี้หนูสับ/กระเทียมสับ/ต้นหอมซอย/น้ำมะนาวและไชเท้าฝอยคลุกพริกป่น ตู้ไอศครีมสำหรับคนที่ไม่ได้ทานบุฟเฟ่ต์ราคา 799++ เป็นของ IScoop มีให้ตัก 3 รสชาติคือเรนโบว์/ช็อกโกแลตและวนิลา ส่วนไอศครีม Häagen-Dazs ต้องสั่งในเมนูระดับ Ultimate เท่านั้นถึงจะสามารถสั่งแล้วมีพนักงานไปเสิร์ฟให้ถึงที่โต๊ะ โซนเครื่องดื่มมีทั้งชา/น้ำผลไม้/น้ำอัดลมพร้อมแก้วและตู้ใสน้ำแข็งกับลังใส่แก้วให้บริการด้วยตัวเอง ตอนนี้ตักผักสด/น้ำจิ้มกดเครื่องดื่มให้พร้อมแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะกันครับ
และแล้วหม้อชาบูที่เป็น Signature ของร้านก็ถูกยกออกมาเป็นลำดับแรกนั่นก็คือ "หม้อน้ำซุปชาบู 4 สีหมีออนเซ็น" ประกอบไปด้วยน้ำซุปทงคัตสึใสสีขาวรสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นกระดูกหมูกลมกล่อม/น้ำซุปสีแดงเข้มก็คือหมาล่าหอมเครื่องเทศเผ็ดร้อนรสเค็มชาลิ้นเบาๆ/น้ำซุปสีแดงส้มมีพริกลอยหน้าเป็นน้ำซุปต้มยำสไตล์ไทยรสเปรี้ยวเค็มๆหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรและมะนาวแบบไทยๆและน้องหมี TenTen ที่นั่งสบายตัวอยู่ภายในหม้อนี้นั่นก็คือซุปสุกี้ยากี้น้ำดำสไตล์ญี่ปุ่นรสชาติหวานเค็มหอมกลิ่นปลาคัตสึโอะผสมคอมบุ วิธีการทำนั้นทางร้านจะนำน้ำซุปใส่เทลงในพิมพ์ก่อนจะนำไปแช่แข็งอีก 12 ชั่วโมงจนกลายเป็น "น้องหมีออนเซ็น" คอยเชิญชวนลูกค้าทุกคนๆที่แวะมาให้ควักมือถือออกมาถ่ายรูปอวดเพื่อนๆบนโลก Social แต่ไม่ใช่ว่าทุกโต๊ะจะได้เหมือนกันทั้งหมดเพราะใช้เวลาทำค่อนข้างนานจึงมีจำนวนจำกัดต่อวัน ถ้าจะให้ชัวร์ที่สุดแนะนำว่าโทรจองล่วงหน้า 1 วันก่อนไปทานบุฟเฟ่ต์ที่ร้านมี "น้องหมีออนเซ็น" ขึ้นโต๊ะแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังมีน้ำซุปให้เลือกอีก 2 รวมเป็นทั้งหมด 6 รายการนั่นคือซุปใสปลาแห้งและซุปมิโสะนมฮอกไดโด (เงื่อนไขของร้านสั่งได้สูงสุด 4 ช่องเท่านั้น) ตอนนี้น้องหมีเริ่มละลายกลายเป็นซุปน้ำดำเดือดๆพร้อมที่จะทานเป็นชาบูแล้วจัดการเตรียมผักสดให้พร้อมกับเนื้อวัวระดับพรีเมี่ยมต่างๆที่สั่งไปก็ทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้วครับ
เนื้อวัวจานแรกคือเมนูใหม่ของที่ร้านคือ "Wagyu Soto Momo" เสิร์ฟมาโดยครอบไว้ด้วยโคมใสมองเห็นควันน้ำแข็งแห้งอัดแน่นอยู่ภายใน เมื่อเปิดออกมาควันก็ฟุ้งกระจายแผ่อยู่บนเนื้อสีแดงๆตัดด้วยไขมันแทรกสีขาวละเอียดราวกับหินอ่อน เมื่อสั่งมา 2 ที่จะได้จานเสิร์ฟแบบนี้แต่เราสั่งมา 3 เลยได้จานเล็กมาเพิ่มอีก 1 ที่ เป็นเนื้อวากิวที่หอมละมุนสัมผัสนุ่มนวลชวนละลายในปากเพียงแค่ออกแรงเคี้ยวเล็กน้อยก็แทบไหลลงคอหายไปในปาก ถือว่าเป็นเนื้อที่ดีเมื่อเทียบกับราคาบุฟเฟ่ต์แค่ 799++แถมตอนเสิร์ฟมาดูอลังการชวนให้ถ่ายรูปมากๆถือว่าไม่ผิดหวังที่มาทานครับ
จานต่อมาก็เป็นเนื้อวัวใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพบุฟเฟ่ต์ของร้านนี้อีกรายการคือ "Wagyu Ribeye" เสิร์ฟมาในถาดไม้สไตล์ญี่ปุ่น เป็นเนื้อส่วนริปอายที่มีแทรกไขมันมากำลังดีแต่ก็ไม่ละเอียดเป็นลายหินอ่อนแบบ Soto Momo ทำให้ต้องออกแรงเคี้ยวมากขึ้นแต่ได้รับรสชาติของเนื้อวัวที่เข้มข้นค่อยๆไหลออกมาในปากมากกว่า ส่วนตัวคิดว่าเนื้อถาดนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อรสชาติเข้มข้น/ไขมันน้อยทำให้ไม่เลี่ยนจนรู้สึกอิ่มเร็วเกินไป ชุดต่อไปเป็นเนื้อชาบูที่ทางร้านเสิร์ฟมาตั้งแต่เปิดร้านคือ "เนื้อพรีเมี่ยม US" ดูจากชั้นไขมันแล้วคาดว่าน่าจะเป็นส่วนท้องที่คล้ายกับเบคอนรสชาติเข้มข้นแบบเนื้อแองกัสนำเข้าจากอเมริการที่หลายๆคนคุ้นเคยสไลด์มาชิ้นยาวและหนาเคี้ยวเต็มคำดีมากครับ
จานต่อไปเป็น "สันคอออสเตรเลีย" สไลด์มาบางมีติดเอ็นกับไขมันมาบ้างนิดหน่อยแต่ยังคงความนุ่มมีรสชาติที่เข้มข้นหอมกลิ่นไขมันเนื้ออบอวลในปากแบบเดียวกับเนื้อเกรดนำเข้าจากออสเตรเลียในร้านอาหารที่เสิร์ฟให้แบบ A La Carte นอกจากนี้ยังมี "เนื้อสันคอธรรมดา" ซึ่งเป็นเนื้อไทยให้สั่งในบุฟเฟ่ต์ราคา 499++ แต่ไม่ได้เขียนในใบสั่งอาหารมาเพราะอยากทานแต่เนื้อเฉพาะในเล่มเมนูราคาแพงมากกว่า แล้วนี้ยังมีหมูดำ/หมูดำสามชั้น/หมูบดไม้ไผ่กับไก่บดไม้ไผ่และอาหารทะเลมากมายทั้งเนื้อปลาดอรี่/ปลาหมึก/หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์/กุ้งสดตัวใหญ่เอาใจสายซีฟู๊ดอีกด้วย ตอนนี้เนื้อสัตว์สำหรับลงในหม้อชาบูที่เราสั่งมาเสิร์ฟครบทุกอย่างแล้วมาลองลวกชิมกับน้ำจิ้มต่างๆกันครับ
เริ่มจากการทานสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบคลาสสิกคือการนำเนื้อวัวที่ต้องการทานจุ่มในซุปชาบูๆสีดำจนได้ระดับความสุกที่ต้องการจิ้มลงในไข่ดิบแล้วเข้าปากทันที ส่วนตัวคิดว่ารสชาติน้ำซุปที่นี่ปรุงมากลมกล่อมกำลังดีทำให้ทานได้เรื่อยๆไม่รู้สึกหนักหน่วงมากเกินไป ตามมาด้วยน้ำจิ้มที่เป็น Signature ของทางร้านเมื่อสั่งบุฟเฟ่ต์ราคา 799++ จะได้รับเพียงคนละ 1 ที่ก็คือ "น้ำจิ้มไข่ดองญี่ปุ่น" ที่ทางร้านบอกว่าใช้เวลาดองนานถึง 3 วันเต็ม ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยพริกสดและกระเทียมสไลด์เวลาจิ้ม แนะนำว่าเวลาทานให้แตะกับเนื้อลวกเพียงแค่นิดเดียวจะได้ความเค็มหอมมันไข่แดงอร่อยกำลังดี แต่ถ้าจุ่มนานหรือมากจนเกินไปบอกเลยว่าเค็มไปหน่อยได้พริกสดกับกระเทียมเพิ่มความเผ็ด-ฉุนช่วยลดความเลี่ยนไขมันเนื้อวัวที่แทรกอยู่ปริมาณมากได้เป็นอย่างดี หรือจะดัดแปลงนำไปผสมลงกับน้ำจิ้มสูตรอื่นๆก็สามารถทำได้เลยตามใจแต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า 1 คนต่อ 1 ถ้วยเท่านั้นบริหารความอร่อยกันเองนะครับ
\
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น